


บทที่ 4
ม.4
เมื่อคืนเพื่อนพ่อมาบ้าน พวกเขาเล่าหมดเลยว่าอยากทำอะไรกับฉันบ้างเวลาที่ได้อยู่กับฉันตามลำพัง พวกเขาบอกว่ามันจะเป็นความลับของเรา พ่อไม่ยอมให้พวกเขาทำทุกอย่างเพราะพ่อวางแผนจะเก็บฉันไว้รอโอกาสเหมาะๆ เช้าวันต่อมาตอนที่แต่งตัวไปโรงเรียนมัธยมปลายวันแรก ฉันยังรู้สึกถึงมือของพวกเขาที่ลูบไล้ไปทั่วตัว
ชีวิตช่วงมัธยมต้นก็ไม่ได้แย่นัก ปีสุดท้ายฉันมีเพื่อนด้วยหนึ่งคน และฉันก็รอแทบไม่ไหวที่จะเจอเขา เขาดีกับฉันมากตลอดปีสุดท้ายของม.ต้น และเราก็ตัวติดกันตลอด ฉันค่อยๆ ย่องลงไปชั้นล่าง โชคดีที่ไม่เห็นพ่อ ฉันเลยแอบออกมาได้ง่ายๆ มีรถคันหนึ่งจอดรอฉันอยู่ที่ปลายถนนหน้าบ้าน ฉันยิ้มเมื่อใบหน้าที่หล่อเหลาที่สุดใบหนึ่งยิ้มตอบกลับมา
ถึงจะสนิทกันแค่ไหน ฉันก็ยอมรับว่าแอบชอบเพื่อนตัวเองอยู่หน่อยๆ จะไม่ให้ชอบได้ยังไงล่ะ ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนก็เป็นเวลามากพอให้เราทั้งคู่โตขึ้นอีกหน่อย เห็นได้ชัดว่าเขาตัวใหญ่ขึ้น ส่วนรูปร่างของฉันก็เริ่มมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้นถึงแม้จะยังผอมเหมือนเดิม
“ไง!” เขาพูดตอนที่ฉันเปิดประตูแล้วปีนเข้าไป
วันนี้เขาแต่งตัวต่างไป เขาสวมกางเกงยีนส์สีเข้มกับเสื้อยืดสีดำ ฉันรู้สึกทึ่งแต่ก็งงนิดหน่อยเพราะปกติเขาไม่ค่อยใส่เสื้อผ้าสีเข้มแบบนี้ แต่ฉันก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป เราขับรถไปโรงเรียน เปิดเพลงเสียงดังลั่นจากวิทยุ และฉันก็รู้สึกสงบใจเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ ฉันไม่ได้เจอหน้าเขามาประมาณเดือนหนึ่งแล้วระหว่างที่รักษาตัวจากแผลที่ค่อนข้างหนัก ฉันไม่อยากให้เขาเห็นฉันในสภาพนั้น เราเลยคุยกันทางโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่
โรงเรียนของเราปรากฏแก่สายตา เขาจอดรถข้างรถสปอร์ตสีเข้มคันหนึ่งซึ่งมีผู้ชายสามคนยืนอยู่ข้างๆ ฉันมองพวกเขาแต่ละคนแล้วสังเกตว่าพวกเขาแต่งตัวคล้ายๆ ลีโอ และพวกเขาก็ผงกหัวให้ลีโอ
“นายรู้จักพวกเขาเหรอ” ฉันถามเขา
“อืม! เจอกันที่อู่ซ่อมรถที่ฉันทำงานช่วงหน้าร้อนน่ะ พวกเขาเป็นคนเจ๋งๆ” เขาพูดพลางดับเครื่องยนต์แล้วเปิดประตูลงไป
ฉันทำตามแล้วยืนอยู่ข้างประตูรถ มองเขาเดินไปทักทายเพื่อนๆ หนึ่งในนั้นเหลือบมองฉันแล้วยิ้มมุมปาก
“ไง ลีโอ นั่นแฟนนายเหรอ” คนหนึ่งถามขึ้น
ลีโอหันมามองฉันแล้วกลืนน้ำลาย “เปล่า”
ฉันรู้ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน แต่มันเจ็บ ไม่ใช่เพราะสิ่งที่เขาพูด แต่เป็นเพราะท่าทางที่เขาดูเหมือนอับอายที่มีฉันอยู่ตรงนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง
“ไงจ๊ะ สาวน้อย ฉันชื่อโลแกน นั่นแอชเชอร์กับเจย์เดน” เขาพูดพลางชี้ไปที่ผู้ชายอีกสองคนที่พิงรถอยู่ “ในเมื่อเธอไม่ใช่แฟนลีโอ งั้นบางทีเธอกับฉันอาจจะหาอะไรสนุกๆ ทำด้วยกันได้นะ”
แขนของเขาวางพาดบนไหล่ฉัน และมือของเขาก็ลูบแขนฉันเบาๆ ขณะที่เขาเคลื่อนปากเข้ามาใกล้หูฉัน
“เธอหอมหวานน่ากินชะมัด” เขากระซิบข้างหูฉัน และหัวใจฉันก็หยุดเต้น
คำพูดของเขากับสัมผัสของเขาทำให้ฉันตื่นตระหนกสุดขีด ความทรงจำเกี่ยวกับพวกผู้ชายเหล่านั้นที่แตะต้องตัวฉันพรั่งพรูเข้ามาในหัวใจ หัวใจฉันเริ่มเต้นรัว ฉันผละออกจากเขาแล้วถอยหลังไปสะดุด
ผู้ชายคนหนึ่งหัวเราะ “ยัยนี่มันเป็นบ้าอะไรวะ”
“นายทำเธอเผ่นเลยว่ะ โลแกน” ใครคนหนึ่งพูดอย่างล้อเลียน แต่โลแกนดูโกรธ
“อะไร คิดว่าตัวเองดีเกินกว่าจะให้ใครแตะต้องรึไง หา? โทษทีนะ ซันนี่ แต่เธอไม่คู่ควรให้ฉันเสียเวลาด้วยหรอก” โลแกนพูด และฉันมองไปที่ลีโอเพื่อขอความช่วยเหลือ
เขาหลุบตาลง แกล้งทำเป็นไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันถอยหลังไปอีกแล้วเดินจากไปตรงไปยังบันไดหน้าโรงเรียน น้ำตาร้อนๆ ไหลรินอาบแก้มขณะที่ฉันเดินไปตามโถงทางเดินเพื่อหาล็อกเกอร์
หลังจากวันแรกนั้น ลีโอก็ตีตัวออกห่างฉัน และเริ่มหัวเราะเยาะไปกับคำพูดล้อเลียนจากผู้ชายคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ พอเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เขาก็เริ่มร่วมวงแกล้งฉันด้วย เพื่อนเพียงคนเดียวที่ฉันมีกลายเป็นฝันร้ายที่สุดของฉัน จากนั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเริ่มมาคลุกคลีอยู่กับพวกเขา และเธอก็มองฉันด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามเสมอ เธอกับเพื่อนๆ เริ่มเข้ามาร่วมกับพวกผู้ชายรังแกฉัน แต่พวกเธอร้ายกาจกว่ามาก
พวกเด็กผู้ชายชอบทรมานด้วยคำพูดมากกว่า ส่วนเรื่องลงไม้ลงมือจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเด็กผู้หญิง วันหนึ่งในห้องล็อกเกอร์หญิง พวกนั้นเห็นรอยแผลเป็นทั้งหมดของฉัน เลยจับฉันกดลงแล้วใช้ปากกาเคมีวาดไปตามรอยนูน จากนั้นก็ถ่ายรูปไปโพสต์ลงอินสตาแกรม พวกนั้นติดแฮชแท็กว่า #ศิลปะอีตัว แล้วมันก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวอีกหลายครั้งที่ฉันต้องตกเป็นนางแบบจำเป็น
คุณคงคิดว่าการไปขอความช่วยเหลือจากใครสักคนในโรงเรียนจะช่วยฉันได้ แต่ทันทีที่ฉันก้าวเข้าไปในห้องรองผู้อำนวยการ ฉันก็รู้เลยว่าซวยแล้ว ฉันจำเขาได้จากงานเลี้ยงมากมายที่เคยไปกับพ่อ และรอยยิ้มที่เขาส่งมาให้ก็ทำให้ฉันขนลุกด้วยความกลัวไปทั้งสันหลัง เขาไม่ใช่หนึ่งในพวกผู้ชายที่เคยเข้ามาในห้องฉัน แต่ฉันจำได้ว่าพ่อเคยเสนอฉันให้เขาระหว่างที่กระซิบกระซาบกัน
แต่ฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ฉันเลยยอมเล่าทุกอย่างให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง เขาพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจแล้วเดินอ้อมโต๊ะทำงานมานั่งข้างๆ เขาเอามือวางบนขาฉัน ฉันเกร็งตัวทันที
"ไหนลองให้ครูดูหน่อยสิว่าพวกนั้นทำอะไร จะได้รู้ว่าเรากำลังเจอกับอะไรอยู่ ไม่อย่างนั้น มันก็เป็นแค่คำพูดของพวกนั้นสู้กับคำพูดของเธอ" เขาพูด
ฉันคิดว่าเขาก็มีเหตุผล เลยหันตัวบนเก้าอี้แล้วค่อยๆ เลิกชายเสื้อด้านหลังขึ้นนิดหน่อย ลมหายใจของฉันติดขัดขณะรอคอย เขาส่งเสียงฮัมในลำคออยู่ด้านหลัง ไม่นานฉันก็รู้สึกถึงนิ้วของเขาที่ลากไล้ไปตามรอยแผลเป็นที่ใหญ่ที่สุดรอยหนึ่งแล้วลากลง ฉันสะดุ้งเฮือกกับการสัมผัสนั้น แต่มืออีกข้างของเขาก็จับสะโพกฉันไว้แน่น ตอนนั้นเองที่ฉันรู้ว่าได้ทำพลาดครั้งใหญ่ลงไปแล้ว แต่พอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาแถวๆ ต้นคอด้านหลัง ฉันก็เริ่มรู้สึกคลื่นไส้ เขาสูดดมกลิ่นกายของฉันเข้าไปเต็มปอดก่อนจะประทับรอยจูบเบาๆ ลงบนผิว ฉันหลับตาปี๋
แต่ก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปกว่านั้น ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา รองผู้อำนวยการหันขวับไปมองพร้อมๆ กับฉัน ลีโอยืนตกตะลึงอยู่ที่ประตู ฉันรีบดึงเสื้อลงแล้วพรวดพราดลุกขึ้นยืน เขาก้าวหลีกทางให้ ฉันจึงรีบวิ่งผ่านเขาออกไปที่โถงทางเดิน
วันต่อมา ข่าวลือเรื่องฉันนอนกับรองผู้อำนวยการก็แพร่สะพัดไปทั่วโรงเรียน และฉันรู้ดีว่าใครเป็นคนเริ่ม ผู้ชายที่ฉันเคยคิดว่าเป็นเพื่อนกลับเอาสิ่งที่เขาเห็นไปบอกทุกคน ทุกคนจับตามองและซุบซิบนินทาเรื่องฉันอยู่หลายสัปดาห์ ข่าวลือยิ่งขยายใหญ่ขึ้นทุกวันที่ผ่านไป บางคนถึงกับขีดเขียนคำว่า 'อีตัว' และ 'นางแพศยา' ไว้บนล็อกเกอร์ของฉัน
แม้แต่พ่อก็ยังมาดักเจอฉันวันหนึ่งแล้วเหวี่ยงฉันกระแทกกำแพง ด่าทอฉันสารพัด เขาบอกว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่อนุญาตได้ว่าฉันจะไปอยู่กับใคร และฉันจะต้องเสียใจที่ทำอะไรลับหลังเขา วันนั้นเขาทำร้ายฉันจนท้องและหลังเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ฉันต้องพักอยู่บ้านถึงสี่วันกว่าจะหาย เขายังต้องตามหมอมาดูอาการ แต่พอโรงเรียนโทรมาบอกว่าฉันขาดเรียนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง
เกรดของฉันไม่ดีเลยเพราะเรื่องทั้งหมดนี้ และเพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะตามงานทัน เขาขังฉันไว้ในตู้เสื้อผ้าที่ฉันใช้นอนตลอดสุดสัปดาห์ โดยมีน้ำให้ดื่มวันละขวดกับงานของโรงเรียนทั้งหมดที่ฉันค้างไว้ ฉันยังได้ถังใบเดิมไว้ใช้เข้าห้องน้ำ และไม่มีอาหารให้กินเลย โชคดีที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องอดอาหาร ร่างกายของฉันชินชากับมันเสียจนไม่คิดจะเตือนเรื่องความหิวอีกต่อไป
หิว... และเจ็บปวด...
ปัจจุบัน...
เสียงบี๊บดังแหลมอยู่ในหูเหมือนลำโพงที่เปิดเสียงดังเกินไป ฉันครางออกมา ปวดหัวแทบระเบิด ฉันหลับตาแน่นขึ้นเพื่อพยายามทนความเจ็บปวด
"เธอฟื้นแล้ว" ใครบางคนพูด
ความคิดในหัวฉันสับสนวุ่นวาย และเมื่อลืมตาขึ้น ทุกอย่างก็พร่ามัว ฉันเริ่มตื่นตระหนก
"คุณเกรซคะ ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ โอเคไหม?" เสียงผู้หญิงนุ่มนวลคนหนึ่งพูด
มือที่อ่อนโยนสัมผัสตัวฉัน แต่ฉันผงะถอยเร็วเกินไปจนร่วงจากเตียงที่นอนอยู่ลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง แรงกระแทกทำให้ฉันร้องออกมา แต่ความตื่นตระหนกมันรุนแรงมากจนแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
มีคนสบถออกมา แล้วฉันก็รู้สึกถึงมือแข็งแรงที่จับตัวฉันไว้
"ไม่! ได้โปรด อย่า!" ฉันอ้อนวอน
"เฮ้ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก แต่เราต้องพาคุณกลับขึ้นเตียงนะ" เสียงผู้ชายคนนั้นพูดอย่างอ่อนโยน
เสียงนี้... เหมือนเสียงของดาร์กแองเจิล ใช่... พวกเด็กผู้ชายสี่คนที่เคยรังแกฉัน