


6.วันเกิดสิบแปดของฉัน
ลูซี่
เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียง ระหว่างแมตต์กับโทนี่ ทุกวันพวกเขาจะป้อนอาหารให้ฉัน นั่งเป็นเพื่อนฉัน และถึงแม้ฉันจะไม่ค่อยพูดอะไร แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครโกรธเคือง หนึ่งในพวกเขามักจะอยู่กับฉันเสมอตอนที่ฉันเข้านอน ส่วนใหญ่จะเป็นแมตต์ แต่บางครั้งโทนี่ก็จะมาอยู่ด้วยในชุดสูท ขดตัวอยู่อีกข้างของฉัน
ฉันอดคิดไม่ได้ว่าบางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำร้ายอะไรฉันเลย บางทีพวกเขาอาจจะห่วงใยฉันด้วยซ้ำ
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” แมตต์ถามขณะเอนกายอยู่ข้างๆ นิ้วของเขากำลังสางผมลอนของฉันอย่างที่เขาชอบทำ
“ทำไม… คุณถึงชอบมองผมฉันแบบนั้นล่ะคะ”
เขายิ้ม “ฉันเคยบอกแล้วไงว่าชอบผู้หญิงผมยาว ฉันกำลังรอให้มันยาวขึ้นอยู่”
ฉันอดหัวเราะกับท่าทางที่เขาทำหน้ามุ่ยใส่ไม่ได้ ดวงตาของเขาเป็นประกาย แล้วเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้น ดึงให้ฉันนอนลงข้างๆ เขา
“นั่นเป็นครั้งแรกเลยนะที่เธอหัวเราะ” แมตต์พึมพำเบาๆ จรดริมฝีปากลงบนหน้าผากฉัน “มุกตลกทั้งหมดที่ฉันเล่าไปนี่คือ… เธอไม่คิดว่าฉันตลกเลยเหรอ”
ฉันกลืนน้ำลาย ไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร
“ไม่นะ” แมตต์กระซิบ เสียงของเขาฟังดูร้อนรนเล็กน้อยขณะที่ประคองใบหน้าฉัน “อย่า… ฉันไม่ได้ตั้งใจจะ…”
เขานิ่วหน้า ดูสับสนเหมือนไม่รู้จะพูดอะไร
“ฉัน… ฉันกลัวค่ะ” ฉันกระซิบ มองขึ้นไปบนใบหน้าเขา “หลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น…”
เขาเหลือบมองไปทางอื่นพลางทำหน้าบึ้ง “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะต้องไปบอกโทนี่ว่าเขาพูดถูก เขาก็มั่นใจในตัวเองจะแย่อยู่แล้ว”
ริมฝีปากฉันยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เขา… เป็นห่วงคุณนะคะ”
แมตต์เหลือบมองฉัน “ออกแนวเจ้ากี้เจ้าการมากกว่า”
ฉันย่นจมูก “คุณน่าจะฟังเขามากกว่านี้นะคะ”
“ไม่ใช่เธอด้วยสิ!”
“เธอมีเหตุผล” เสียงของโทนี่ดังเข้ามาในห้อง ฉันหันไปมองเขาที่กำลังพิงกรอบประตู มองดูพวกเราอยู่ห่างๆ “ไม่เหมือนบางคน”
แมตต์พ่นลมหายใจแล้วดึงฉันเข้าไปใกล้ขึ้น ฉันนึกภาพออกเลยว่าเขาคงกำลังแลบลิ้นใส่โทนี่อยู่
“ฉันยอมไม่มีเหตุผลดีกว่าต้องมาเจ้าระเบียบตลอดเวลา”
“ในเมื่อมันเป็นความผิดของนายที่ฉันต้องเจ้าระเบียบตลอดเวลา นายไม่ได้ช่วยให้ข้ออ้างของนายดีขึ้นเลยนะ”
ฉันหัวเราะออกมา ดวงตาของโทนี่เบิกกว้างขึ้นครู่หนึ่ง แววตาของเขาอ่อนโยนลง และรอยยิ้มละมุนก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปาก ฉันตกใจมาก ไม่เคยเห็นเขามีท่าทางแบบนี้มาก่อนเลย
เขาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินข้ามห้องมาหาพวกเรา ก่อนจะนั่งลงบนขอบเตียง
“หายกลัวแล้วเหรอ”
ฉันเลียริมฝีปากแล้วพยักหน้า “นิ-นิดหน่อยค่ะ”
แมตต์ทำเสียงฮึดฮัด “นายกำลังทำให้เธอกลัวอีกแล้วนะ!”
ฉันยิ้ม มองดูแมตต์กับโทนี่ทะเลาะกันอีกครั้ง และเช่นเคย แมตต์เถียงสู้ไม่ได้จนมุม เขาดึงฉันเข้าไปกอดแน่นขึ้นแล้วซบหน้าลงกับซอกคอฉัน
“โทนี่ใจร้ายกับฉันอีกแล้ว เหมือนเดิมเลย”
ฉันเหลือบมองโทนี่ ซึ่งดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ฉันลูบหัวแมตต์เบาๆ
“บางทีคุณก็ไม่ควรหาเรื่องทะเลาะทั้งๆ ที่รู้ว่าจะแพ้นะคะ”
โทนี่เงยหน้าหัวเราะลั่น เป็นเสียงหัวเราะที่อบอุ่นและก้องกังวานจนทำให้ฉันยิ้มตาม ฉันหวังว่าเขาจะหัวเราะบ่อยกว่านี้
“หรือไม่งั้น เขาก็น่าจะเป็นพี่ชายที่ดีแล้วยอมให้ฉันชนะบ้าง”
“อย่าทำตัวงอแงน่า” โทนี่พ่นลม โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาถอนหายใจแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันต้องไปรับสาย อย่าให้แมตต์ทำอะไรตามใจชอบได้ล่ะ”
ทันทีที่เขาออกไป แมตต์ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาพลิกตัวฉันแล้วโน้มตัวลงมาคร่อม หัวใจฉันเต้นรัว ดวงตาของเขามีสีเข้มขึ้นขณะมองลงมาที่ฉัน ผ้าปูที่นอนคลุมศีรษะเขา ปิดล้อมเราไว้ในสีขาวนุ่มของผืนผ้า
“ฉันจะไม่บอกถ้าเธอไม่บอก”
“อะไรนะคะ”
ก่อนที่ฉันจะได้ถามซ้ำ เขาก็จูบฉันอีกครั้ง ท้องของฉันปั่นป่วนไปหมด ฉันพยายามจะเบือนหน้าหนี แต่เขาสอดมือเข้ามาในกลุ่มผมของฉันแล้วยึดไว้แน่น ฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งขืนขึ้นและกำลังกดทับต้นขาขณะที่เขาบิดสะโพกแทรกกายเข้ามา ระหว่างขาของฉัน
เขาครางเบาๆ แล้วประทับริมฝีปากลงบนลำคอฉัน ขบเม้มอยู่ตรงนั้น ฉันสูดปากกับความรู้สึกจั๊กจี้ปนซาบซ่าน ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี เลยได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ ความร้อนเริ่มก่อตัวขึ้นในช่องท้อง ฉันอ้าปากครางออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
“เสียงเธอช่าง…”
“แมตต์!” เสียงของโทนี่ตัดผ่านอากาศ ผ้าปูที่นอนถูกกระชากออก แต่แมตต์ก็ยังไม่หยุดขบเม้มและเลียซอกคอฉัน “รู้จักยับยั้งชั่งใจบ้างสิ”
แมตต์เงยหน้าขึ้นขณะที่ฉันพยายามสูดลมหายใจ “เธอยังใส่เสื้อผ้าอยู่เลย”
ฉันมองขึ้นไปที่โทนี่ ซึ่งทอดสายตาลงไปยังจุดที่แมตต์เพิ่งจะขบเม้มบนคอของฉัน
แล้วสายตาของเราก็สบกัน
“ฉันนึกว่าบอกเธอแล้วว่าอย่าให้เขาทำอะไรตามใจชอบได้”
ฉันกะพริบตามองเขา เขาถอนหายใจแล้วดึงแมตต์ออกจากตัวฉัน แมตต์ทำเสียงฮึดฮัด
“ใจร้ายชะมัด” แมตต์พูด แล้วเขาก็ขยิบตาให้ฉัน “ดูเหมือนเราจะโดนจับได้ซะแล้ว”
ฉันยิ้มเล็กน้อยขณะที่หัวใจเริ่มสงบลง โทนี่นั่งลงข้างฉันบนเตียงแล้วปล่อยให้สายตาของเขากวาดมองไปทั่วตัวฉัน
“เธอโอเคไหม”
ฉันพยักหน้า
“ฉันดีใจที่เธอเริ่มผ่อนคลายได้แล้ว” เขาพูด “มีบางอย่างที่ฉันต้องถามเธอ”
ฉันขมวดคิ้วมองเขา รอให้เขาพูดต่อ
“เธอไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง” โทนี่ถาม “ใครขายเธอให้กับการประมูล”
ฉันเบือนหน้าหนีจากเขา “…พ่อแม่อุปถัมภ์ของฉันค่ะ”
ฉันดึงขาเข้ามาใกล้ตัว “ฉันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นวันเกิดของฉัน”
“วันเกิดอะไรของเธอนะ” แมตต์ตะโกน
ฉันสะดุ้ง “วัน… วันเกิดของฉันค่ะ วันเกิดอายุสิบแปดปี”
โทนี่กับแมตต์มองหน้ากัน สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ ดูเหมือนพวกเขากำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันทางสายตาก่อนจะหันกลับมามองฉัน
“เธอเพิ่งจะอายุสิบแปด”
ฉันพยักหน้า
โทนี่ยกยิ้มมุมปาก แมตต์ดูร้อนรนเล็กน้อย แต่เขากำลังจ้องมองมาที่ฉัน
“ถ้างั้น เราคงต้องชดเชยให้เธอหน่อยแล้วล่ะ”
ฉันกะพริบตา ไม่แน่ใจว่านั่นหมายความว่าอะไร แต่โทนี่ดึงฉันเข้าไปใกล้ กลิ่นโคโลญจน์ของเขาอบอวลอยู่ในจมูกขณะที่เขาจูบฉัน
“เราจะอ่อนโยนนะ” โทนี่สัญญา
ไฟดับลง และฉันก็ตัวสั่นอยู่ใต้ร่างเขา ฉันได้ยินเสียงแมตต์เลื่อนเข้ามาข้างๆ และมือของเขาก็ลูบไล้มาบนต้นขาฉัน ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว เสื้อผ้าของฉันก็หายไปแล้ว มือของแมตต์อยู่ ระหว่างขาฉัน ลูบไล้ปลุกเร้าส่งคลื่นความซาบซ่านถาโถมเข้าใส่ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า โทนี่จูบฉันอย่างลึกล้ำจนแทบหายใจไม่ออก จากนั้น ศีรษะของเขาก็เคลื่อนต่ำลงไปยังทรวงอกของฉัน
ฉันแอ่นกายรับความร้อนรุ่มจากริมฝีปากเขา แทบจะกลั้นหายใจ
“ฉะ…ฉัน…แมตต์…โทนี่…ได้โปรด!”