คุณฟอร์บส์

Scarica <คุณฟอร์บส์> gratis!

SCARICA

บทที่ 04: ข้ามเส้นความเป็นมืออาชีพ

แอนน์

ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก มีผู้บริหารบางคนรอพวกเราอยู่ข้างหน้าแล้ว หลังจากการจับมือทักทายตามมารยาทเล็กน้อย พวกเราก็ไปรวมกับกลุ่มแล้วมุ่งหน้าไปยังห้องที่จะใช้ประชุม

ฉันรู้สึกไม่สบายตัวตลอดการนำเสนอ อาจเป็นเพราะไบรซ์นั่งอยู่ทางขวาของฉัน และทุกครั้งที่ฉันหันไปชี้อะไรบนหน้าจอ ฉันก็รู้สึกเหมือนเขากำลังมองก้นฉันอยู่ มันอาจจะเป็นแค่ฉันคิดไปเอง แต่ฉันก็โล่งใจเมื่อในที่สุดเขาก็เป็นคนนำเสนอต่อแล้วฉันก็ได้นั่งลง

การประชุมใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเรากำลังจะกลับกันอยู่แล้วตอนที่ไบรซ์ได้รับโทรศัพท์แล้วบอกว่าพวกเรากลับไปที่ออฟฟิศก่อนได้เลยโดยไม่ต้องรอเขา

ลุคดูจะไม่ผิดหวังเท่าไหร่กับความคิดที่จะได้กลับไปกับฉันแค่สองคน อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องใช้เวลาอยู่กับไบรซ์ตามลำพังในที่แคบๆ อีก โดยเฉพาะหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉันนึกภาพออกเลยว่ามันจะน่าอึดอัดขนาดไหน

กับลุค มันไม่ได้มีความรู้สึกอึดอัดแบบนั้น แต่ถึงแม้เขาจะพยายามทำให้ฉันรู้สึกสบายใจอยู่เสมอ เขาก็ยังเป็นผู้ชายที่หล่อและเซ็กซี่สุดๆ ที่สนใจในตัวฉัน ดังนั้นมันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความตึงๆ ในอากาศอยู่บ้างเสมอ

อย่างไรก็ตาม บทสนทนาระหว่างเราก็ลื่นไหลเป็นธรรมชาติเสมอ และเขาก็มักจะทำให้ฉันหัวเราะได้ตลอด แล้วทำไมฉันถึงจะไปเดทกับเขาไม่ได้ล่ะ เขาไม่ใช่เจ้านายของฉัน ไม่ใช่โดยตรงด้วยซ้ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันปฏิเสธคำชวนของเขาเพียงเพราะเขาเป็นคนตระกูลฟอร์บส์หรือเพราะไบรซ์กันแน่

ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะเลิกสนใจว่าไบรซ์จะคิดยังไงกับฉัน เขาเป็นเจ้านายของฉัน แต่เขาไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของฉัน และแน่นอนว่าตัดสินใจแทนไม่ได้ด้วยว่าฉันจะไปเดทกับใครหรือไม่ไป

แต่โจเอลกับอมีเลียจะเห็นด้วยหรือเปล่าที่ฉันจะไปพัวพันกับลูกชายคนหนึ่งของพวกเขา บางทีมันอาจจะเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องนั้น ว่าไปแล้ว โอกาสที่ความสัมพันธ์กับลุคจะพัฒนาไปเป็นอะไรที่จริงจังมันมีสักแค่ไหนกันเชียว เมื่อพิจารณาว่าเขาเป็นพวกเสือผู้หญิง ฉันว่าฉันไม่ควรจะกังวลเรื่องนี้เลย

เมื่อพวกเรามาถึงฟอร์บส์ มีเดีย ฉันก็ส่งลุคที่ชั้นของเขาแล้วขึ้นไปชั้นของตัวเองคนเดียว ยังคงสงสัยอยู่ว่าฉันควรจะตกลงไปเดทกับเขาดีไหม วันนั้นใกล้จะหมดลงแล้ว แต่พวกเรายังมีประชุมทีมตอนห้าโมงเย็น ซึ่งหมายความว่าอีกไม่นานไบรซ์ก็จะกลับมา

ฉันง่วนอยู่กับการเตรียมห้องประชุมสำหรับการประชุมในช่วงครึ่งชั่วโมงถัดมา ในระหว่างนั้น ฉันก็ถือโอกาสลิสต์ข้อดีข้อเสียของการตอบตกลงไปเดทกับลุค

ข้อดีก็คือเขาเป็นคนดี ฉลาด และฮอตมาก และฉันพนันได้เลยว่าเขารู้วิธีจัดการกับผู้หญิงด้วย นั่นยิ่งทำให้ความคิดนี้น่าสนใจมากขึ้นไปอีก ส่วนข้อเสียก็คือโดยพื้นฐานแล้วก็คือการที่ไบรซ์จะไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิง และฉันอาจจะกำลังละเมิดจรรยาบรรณของบริษัทและทำให้หน้าที่การงานของตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง

เรื่องนี้มันอาจจะแย่ลงจริงๆ ก็ได้ ให้ตายสิ บางทีฉันควรจะโทรหาฟาเบียนแล้วนัดอะไรสักอย่าง

ไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว แต่เคมีของเราเข้ากันได้ดี อาจจะมากกว่าดีด้วยซ้ำ เมื่อพิจารณาว่าเขาสามารถทำให้ฉันถึงจุดสุดยอดได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้ชายคนอื่นๆ ที่ฉันเคยคบด้วย ฉันมั่นใจว่าเขาจะไม่ปฏิเสธแน่ แต่เมื่อพิจารณาว่าสองสามครั้งล่าสุดเขาพยายามจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้มันมากกว่าแค่คบกันเล่นๆ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความคิดที่ดีหรือเปล่า

ความรู้สึกแปลกๆ แล่นเข้ามาในตัวฉัน คิดถึงเขางั้นเหรอ ฉันจะไปคิดถึงเขาได้ยังไง ความสัมพันธ์ของเรามันก็แค่เล่นๆ บางทีอาจเป็นเพราะเขาเป็นคนดีที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะแสดงความรักใคร่ นั่นมันอันตรายสุดๆ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาอันตราย

ฟาเบียนตรงกันข้ามกับพวกผู้บริหารหัวสูงน่าเบื่อที่ฉันต้องรับมือด้วยทุกวันอย่างสิ้นเชิง มากซะจนเขาดูเหมือนหลุดออกมาจากจินตนาการสุดเร่าร้อนของฉัน ร่างกายของเขาเกือบทั้งหมดเต็มไปด้วยรอยสัก ไม่ใช่แค่สองสามจุดประปรายนะ ไม่เลย มันเริ่มตั้งแต่เหนือสะโพกขึ้นมาแล้วปกคลุมหน้าท้องลอนๆ หน้าอก แขน หลัง และคอ แล้วลามขึ้นไปถึงท้ายทอยจนถึงด้านหลังศีรษะ สูงขึ้นไปจนเหนือใบหู มันโคตรเซ็กซี่เลย โดยเฉพาะตอนที่เขาตัดผมสั้นแล้วรอยสักบนหัวก็ปรากฏให้เห็น

และเหมือนยังไม่พอ ฟาเบียนเป็นนักดับเพลิงและมีสำเนียงเยอรมัน บางทีนั่นอาจจะเพียงพอที่จะอธิบายการถึงจุดสุดยอดของฉันได้ ฉันสารภาพเลยว่าครั้งแรกที่เห็นเขาในเครื่องแบบ ฉันเคยคิดถึงขั้น “แกล้ง” จุดไฟในอพาร์ตเมนต์ตัวเองเพียงเพื่อจะได้เห็นเขาปฏิบัติงาน โอเค บางทีมันอาจจะมีมากกว่าหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันคิดถึงเขา

เมื่อฉันเตรียมห้องประชุมเสร็จในที่สุด ฉันก็กลับไปที่โต๊ะทำงาน ประตูห้องทำงานของไบรซ์เปิดอยู่ ซึ่งหมายความว่าเขากลับมาแล้ว ฉันต้องไปล้างมือ เลยเดินไปห้องน้ำ

ไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกมา ฉันก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากห้องประชุม ประตูห้องทำงานของไบรซ์ปิดอยู่ ฉันเลยเดาว่ามีคนมาถึงห้องประชุมแล้ว

หลังจากหยิบของ ฉันก็เริ่มเดินไปตามโถงทางเดิน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงก็ยิ่งชัดเจนขึ้น และฉันก็จำเสียงของลุคได้ ฉันหยุดอยู่หน้าประตู กำลังจะเปิดเข้าไป แต่เสียงของไบรซ์ก็ทำให้ฉันชะงัก

“เลิกพยายามซะทีเถอะ นายน่ะมันน่าสมเพช เธไม่มีวันตกลงไปเดทกับนายหรอก ฉันมั่นใจ”

จากน้ำเสียงของเขา ดูเหมือนเขาจะหงุดหงิดเล็กน้อย เขากำลังพูดถึงฉันอยู่หรือเปล่า เขามั่นใจได้ยังไงกันว่าฉันจะไม่ไปเดทกับลุค นั่นมันอวดดีเกินไปแล้ว แม้แต่สำหรับเขาก็ตาม

ส่วนที่แย่ที่สุดก็คือเขาพูดถูก ฉันเพิ่งตัดสินใจว่าจะไม่ไปเดทกับลุค เพราะกลัวว่ามันจะกระทบกับหน้าที่การงานของฉัน แต่เขารู้ได้ยังไง

ช่างแม่งสิ! ฉันจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าเขาคิดผิด

ฉันเปิดประตู เดินเข้าไปแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่โต๊ะใหญ่กลางห้องประชุม ทั้งสองคนยืนอยู่ข้างหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดาน

ฉันไม่สนใจพวกเขา วางของลงบนโต๊ะแล้วหยิบมือถือขึ้นมา ตั้งใจจะส่งข้อความหาลุค

ฉันพิมพ์สิ่งแรกที่นึกขึ้นได้

แอน: "คุณบอกว่าแค่ส่งข้อความมาก็พอแล้วนี่นา งั้น... วันเสาร์นี้คุณว่างไหมคะ"

หนึ่งนาทีหลังจากส่งข้อความไป ฉันก็เริ่มรู้สึกเหมือนคนโง่ที่ตกลงจะไปเดตกับลุคเพียงเพื่อจะพิสูจน์ให้ไบรซ์เห็นว่าเขาคิดผิด ให้ตายสิ บางทีไบรซ์ก็ทำให้ฉันทำตัวงี่เง่า ด้วยความอยากจะเอาชนะเขา

โอเค ช่างมันเถอะ แล้วมาสนใจความจริงที่ว่าฉันสนใจลุคจริงๆ ดีกว่า ยังไงซะ การไปเดตกับคนอย่างเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องฝืนใจอะไรนักหรอก

เริ่มมีคนทยอยเข้ามาในห้องประชุม ทำให้ฉันคิดถึงอเล็กซาขึ้นมา เธอกำหนดกลับจากพักร้อนที่อิตาลีสัปดาห์หน้า เธอคงมีเรื่องบ้าๆ บอๆ มาเล่าให้ฉันฟังเยอะแยะแน่

อเล็กซาทำงานเป็นผู้ช่วยของลุคมาสองปีกว่าแล้ว เธอเข้าทำงานที่ฟอร์บส์มีเดียหลังฉัน แต่เพราะเราทำงานกับพวกผู้บริหารโดยตรง เราเลยกลายเป็นทีมที่เข้าขากันได้ดี นอกจากจะเป็นที่ปรึกษาคู่ใจแล้ว เธอยังกลายเป็นเพื่อนแท้ของฉันด้วย ฉันแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นปฏิกิริยาของเธอตอนที่ฉันเล่าเรื่องเหตุการณ์ในลิฟต์กับไบรซ์ให้ฟัง

ทันทีที่การประชุมทีมสิ้นสุดลง และแผนงานกับเป้าหมายของสัปดาห์หน้าถูกกำหนดเรียบร้อย ทุกคนก็เริ่มทยอยออกจากห้อง อีกครั้งที่เหลือเพียงฉันกับสองพี่น้องฟอร์บส์ ฉันดูเวลาจากมือถือ เหลืออีกแค่สิบนาทีก็จะหมดเวลางานแล้ว ไบรซ์กับลุคยังคงคุยเรื่องงานกันอยู่

ฉันลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มเก็บของ วินาทีต่อมา ฉันก็รู้สึกได้ถึงสายตาของลุคที่มองมา

"ทำไมไม่เป็นวันนี้ล่ะ" เขาพูดขึ้น เรียกความสนใจจากฉัน

ฉันกะพริบตาอย่างงุนงง

"อะไรนะคะ"

"จะรอถึงวันเสาร์ทำไมล่ะ วันนี้คุณไม่ว่างเหรอ"

อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว เขาหมายถึงข้อความของฉันนั่นเอง ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าพี่ชายของเขา

"ฉันว่าคุณรออีกหน่อยก็ได้นี่คะ"

"อืม ผมว่าผมรอได้ ผมก็รอแบบนี้มานานแล้วนี่นา จนกว่าจะถึงตอนนั้น ผมขอดื่มด่ำกับชัยชนะครั้งนี้ก่อนแล้วกัน" เขาขยิบตา ทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมา "เอาล่ะ ผมไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้นะ น้องชาย"

สายตาฉันเลื่อนไปมองไบรซ์ ซึ่งก็เหมือนเคย เขามีสีหน้าที่อ่านไม่ออก ชั่วครู่หนึ่ง ฉันลืมไปเลยว่าเขากำลังฟังอยู่

"เจอกันพรุ่งนี้นะ แอน" ลุคพูด

ฉันโบกมือตอบ ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ประตูแล้วปิดมันลงเมื่อออกไปแล้ว ไม่นานห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ

"ก่อนที่ดิฉันจะไป มีอะไรให้รับใช้อีกไหมคะ คุณฟอร์บส์" ฉันถามพลางถือของไว้ในมือ

เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ทำให้ฉันคิดว่าเขาคงจะเมินฉันเสียแล้ว

"เท่าที่ผมเข้าใจ คุณตั้งใจจะไปเดตกับน้องชายผมงั้นเหรอ"

ในที่สุดดวงตาของเขาก็จ้องมองมาที่ฉัน และฉันก็สบตาเขานิ่ง มันยากเสมอที่จะไม่เผลอไผลไปกับดวงตาสีฟ้าลุ่มลึกคู่นั้น

ปกติแล้วไบรซ์สามารถข่มขวัญใครก็ได้ ยกเว้นฉัน ด้วยสายตาคมกริบกับคิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อยซึ่งทำให้เขาดูเหมือนกำลังโกรธ แต่ฉันกลับมองว่ามันเซ็กซี่เป็นบ้า บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันยังไม่บีบคอเขาจนถึงตอนนี้

"ค่ะ คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว"

"นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน"

"ไม่ใช่ค่ะ ทำไมถึงคิดว่าเป็นเรื่องตลกล่ะคะ"

"คุณน่าจะรู้ดีว่ามันไม่เหมาะสมแค่ไหน และมันอาจจะส่งผลตามมาได้"

"นี่คุณกำลังขู่ดิฉันเหรอคะ"

"บางทีผมอาจจะคิดผิดไปเองที่คิดว่าคุณจริงจังกับงานของคุณ"

"อย่าทำแบบนี้นะคะ... อย่าพยายามใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อตั้งคำถามกับความสามารถของดิฉัน"

"เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าของคุณ และเรามีนโยบายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ประเภทนี้ ผมจะไม่ยอมให้น้องชายผมทำลายภาพลักษณ์ของบริษัท เพียงเพราะเขาคิดจะไปมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพนักงาน"

ไอ้สารเลวเอ๊ย เขาพยายามจะพูดเป็นนัยว่าฉันเป็นผู้หญิงสำส่อน และในขณะเดียวกันก็ดูถูกฉันด้วยงั้นเหรอ ความโกรธพลุ่งพล่านอยู่ในอก ฉันคิดถึงสารพัดวิธีที่จะฆ่าเขา แต่ครั้งนี้ฉันจะทำเป็นเมินเฉยไม่ได้แล้ว เขามันเป็นไอ้ทุเรศ

"ว่าตามหลักแล้ว เขาไม่ใช่เจ้านายโดยตรงของดิฉัน แล้วรู้อะไรไหม ช่างหัวคุณสิ!" ฉันคำราม ก่อนจะหันหลังแล้วกระทืบส้นสูงเดินตรงไปยังทางออก

"สตาร์ลิ่ง..."

ฉันไม่สนใจเขา

"ผมยังไม่ได้อนุญาตให้คุณไป" เขาพูดขึ้นตอนที่ฉันกำลังจะเปิดประตู ทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก

ความโกรธแล่นพล่านไปทั่วร่าง เขาคิดอะไรของเขาอยู่ คิดว่าเขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉันหรือไง ฉันรู้สึกได้ถึงความเดือดดาลที่เข้าครอบงำทุกอณูเซลล์ในร่างกาย

ฉันคิดอยากจะคว้าของใกล้ตัวขว้างใส่เขา แต่ก็ได้แต่มองดูเขาลุกขึ้นยืน ดันเก้าอี้ไปข้างหลัง เขารวบแฟ้มเอกสารสองสามอันกับกระดาษมากองไว้บนโต๊ะ

"เอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานผมด้วย" เขาพูดก่อนจะเดินเลี่ยงไปใกล้หน้าต่างบานใหญ่บานหนึ่ง

ไอ้สารเลว ฉันคิดอยากจะบอกให้เขาเอาไปวางเอง แล้วก็แค่เปิดประตูเดินออกไป แต่ฉันรู้ว่าบางครั้งฉันก็ต้องหุบปาก แล้วทำตามที่เขาแม่งสั่งทุกอย่าง เพราะฉันเรียนรู้แล้วว่ามันไม่คุ้มที่จะไปเถียงกับไบรซ์ ฟอร์บส์ ว่าเขาเป็นไอ้ชาติชั่วได้มากแค่ไหน มันไม่ช่วยอะไรเลย เพราะพรุ่งนี้เขาก็ยังเป็นเจ้านายของฉันอยู่ดี

การทำเป็นไม่สนใจเรื่องไร้สาระของเขาเป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุดเสมอ โดยเฉพาะถ้าฉันอยากจะรักษาสติของตัวเองไว้ เขาเป็นคนเฮงซวย และถึงแม้เขาจะฉลาดแค่ไหน เขาก็ดูจะไม่แคร์ที่จะทำตัวแบบนั้นต่อไป ทั้งๆ ที่เขาก็รู้ตัว

ฉันเดินไปที่โต๊ะอย่างเงียบๆ เพื่อหยิบกองเอกสาร

บางครั้งฉันก็คิดถึงโจเอลจริงๆ ทำไมเขาต้องรีบเกษียณเร็วนักนะ ทำไมเขาไม่เลือกลุคแทนที่จะเป็นไบรซ์ แน่นอนว่าเป็นเพราะลุคดูจะพอใจกับตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว แต่ไอ้ทุเรศนั่นเป็นลูกชายของคนอย่างโจเอลได้ยังไงกันวะ

ร่างกายฉันสั่นสะท้านขึ้นมา และความคิดของฉันก็ถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหัน เมื่อร่างสูงใหญ่ของเขากดเบียดเข้ามาจากด้านหลัง ฉันหยุดหายใจ ร่างกายฉันแข็งทื่อไปทั้งตัว และหัวใจก็เต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ในอก มือใหญ่กำยำวางลงบนสะโพกของฉันทั้งสองข้าง แล้วบีบแน่น ดึงสะโพกฉันให้แนบชิดกับร่างของเขา

Capitolo precedente
Capitolo successivo