บทที่ 2

ฉันพยายามกลั้นหายใจให้เบาที่สุดเมื่อเห็นว่าเป็นแอนเดรียกับแก๊งของเธอที่เข้ามา

“ว่าไง? เธอกับแอชเชอร์ตกลงคบกันเป็นเรื่องเป็นราวแล้วเหรอ?” เพื่อนคนหนึ่งของแอนเดรียถามอย่างตื่นเต้น

เธอชื่ออะไรอีกนะ? เมโลดี้... ฉันจำไม่ได้แล้ว ฉันไม่เคยเสียเวลาจำชื่อพวกเธอเลยระหว่างที่โดนพวกเธอรุมแกล้ง

“แน่นอนสิ! มันสุดยอดมาก! คือฉันรู้แหละว่าเขาไม่ใช่หนุ่มซิง แต่ประสบการณ์ที่มากกว่านั่นแหละที่ทำให้มันคุ้มค่า!” แอนเดรียพูดอย่างตื่นเต้น

“แล้วเธอบอกเขาหรือเปล่าว่าเป็นครั้งแรกของเธอ? เขาว่าไงบ้าง?” ผู้หญิงอีกคนถาม

“ไม่ล่ะสิ! ฉันไม่อยากให้เขาทำตัวแปลกๆ กับเรื่องนี้ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร” แอนเดรียยอมรับ

“แหม พอเขาได้ลิ้มรสเธอแล้ว ต่อไปเขาต้องตามติดเธอแจอยากจะทำอีกแน่ๆ” ผู้หญิงอีกคนเสริม

“แล้วไงล่ะ? ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อเขา แค่เขาเอ่ยปากขอ ฉันไม่อยากเป็นแค่หนึ่งในพวกผู้หญิงที่เขาคบเล่นๆ แล้วทิ้ง ฉันอยากให้เขากลับมาหาฉันเสมอ ไม่ว่าเขาจะไปอยู่กับใครมาก็ตาม” แอนเดรียกล่าว

“งั้นก็ต้องทำให้ตัวเองคุ้มค่ากับความพยายามของเขาสิ นั่นหมายความว่าเราต้องไปชอปปิงกัน!” ผู้หญิงคนแรกพูดอย่างตื่นเต้น “ชุดชั้นในเซ็กซี่ๆ!”

“ใช่เลย! หลังเลิกเรียนนะ? เขาต้องน้ำลายหกแน่!” แล้วพวกเธอก็พากันเดินออกไปจากห้องน้ำอย่างเริงร่า ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวในที่สุด

แอนเดรียยังเวอร์จิ้นเหรอ? แล้วเธอก็ไม่ได้บอกแอชเชอร์? ทำไมเธอต้องโกหกเรื่องแบบนั้นด้วย? เธอทิ้งสิ่งพิเศษแบบนั้นไปเพื่อคนงี่เง่าอย่างแอชเชอร์ที่ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นอย่างสบายใจต่อหน้าต่อตาเธอแท้ๆ

ฉันส่ายหน้าแล้วเปิดประตูห้องน้ำ ส่องกระจกดูตัวเองอีกแวบหนึ่ง ทันใดนั้นออดแรกก็ดังขึ้นพอดี ฉันวิ่งออกจากห้องน้ำมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนแรกโดยมีเวลาเหลือไม่ถึงนาที พอฉันมองไปรอบๆ ก็พบว่าที่นั่งเต็มหมดแล้วยกเว้นที่เดียวซึ่งอยู่ด้านหลัง ตรงกลางวงของกลุ่มดาร์กแองเจิลพอดี

เยี่ยมเลย

ฉันค่อยๆ เดินไปยังที่นั่งนั้น ก้มหน้าต่ำ แต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มเยาะที่พวกผู้ชายส่งมาให้ ฉันแค่ต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้

“ไงจ๊ะ สาวน้อยซันนี่! เก็บที่ไว้ให้แล้วนะ เว้นแต่เธออยากจะนั่งบนบัลลังก์นี่” ลีโอพูดพลางผงกสะโพกตัวเองพร้อมหัวเราะ ซึ่งทำให้ท้องไส้ฉันปั่นป่วนอย่างน่าสะอิดสะเอียน

“ที่นี่ก็ดีแล้วค่ะ ขอบคุณ” ฉันพูดเบาๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ว่างตัวนั้นโดยไม่พูดอะไรอีก

ครูเดินเข้ามาในห้องก่อนที่คนอื่นๆ จะทันได้พูดอะไรออกมาอีก และในที่สุด ความสนใจของพวกเขาก็เบนไปจากฉัน คาบเรียนผ่านไปโดยไม่มีการปฏิสัมพันธ์ใดๆ จากพวกผู้ชาย นอกจากรอยยิ้มเยาะและสายตาไม่กี่ครั้ง ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมพวกนี้ถึงมาสนใจฉันนัก เพราะเมื่อเทียบกับแอนเดรียและคนอื่นๆ แล้ว ฉันไม่มีอะไรพิเศษเลย ฉันไม่ได้รับอนุญาตแม้แต่จะพยายามแต่งตัวให้ดูดี แต่บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่พวกเขาชอบแกล้งฉันนักก็ได้ เพราะฉันมันจืดชืดเหลือเกิน

ผมสีน้ำตาลเป็นลอนของฉันยาวเกือบถึงเอว และแก้มของฉันก็มีสีชมพูระเรื่ออยู่ตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอก ผิวฉันเป็นสีแทนอ่อนๆ และฉันมีรูปร่างผอมบางไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งเลยแม้แต่น้อย ส่วนหลังสุดนี่เป็นเพราะอาหารการกินของฉันถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อให้แน่ใจว่าฉันจะดูน่าสนใจสำหรับจุดประสงค์อะไรก็ตามที่พ่อมีให้ฉัน แอนเดรียไม่ใช่คนเดียวที่เพิ่งเสียความบริสุทธิ์ไปเมื่อไม่นานนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังใส่ใจผู้ชายที่ทำมัน ครั้งแรกของฉันจะไม่มีวันเป็นความทรงจำอันล้ำค่าสำหรับฉัน มันทำให้ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงกรีดร้องและน้ำตานับตั้งแต่วันนั้น

เมื่อคาบเรียนจบลง ฉันรีบเก็บข้าวของแล้วพุ่งไปที่ประตู ในที่สุดฉันก็มีโอกาสเอาของบางส่วนไปเก็บในล็อกเกอร์ ประตูตู้ล็อกเกอร์กระแทกปิดเสียงดังปัง เฉียดนิ้วฉันไปนิดเดียว ฉันร้องอุทานแล้วเซถอยหลัง หัวใจเต้นรัว ตาเบิกกว้าง

“ซันนี่” โลแกนพูดพร้อมรอยยิ้มขณะเดินเข้ามาหาฉัน

เมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้ ฉันก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เขาถอนหายใจ “หยุดเดินหนีฉันได้แล้ว ซันนี่”

ฉันกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วหยุดนิ่งอยู่กับที่ “เด็กดี ทีนี้ไปเข้าเรียนกันเถอะ” เขาพูดพลางใช้แขนโอบไหล่ฉันแล้วพาฉันไปยังห้องเรียนถัดไป ซึ่งฉันเดาว่าเราเรียนด้วยกัน

เขาพาฉันไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วตวัดสายตาไปมองผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้เขารีบลุกหนีไป เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่เพิ่งว่างลงพร้อมรอยยิ้มของผู้ชนะ ไม่นานแอชเชอร์ก็เดินเข้ามาโดยมีแอนเดรียคลอเคลียเขาไม่ห่าง แล้วเขาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามฉัน เขาไม่พูดอะไรกับฉันสักคำ แต่ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องเขม็งมา แม้ว่าแอนเดรียที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวหน้าเขาจะหันไปหาเขา พล่ามไม่หยุดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ฉันไม่สนใจเลยสักนิด มีบางอย่างเปลี่ยนไปจากวิธีที่พวกผู้ชายปฏิบัติต่อฉันตามปกติ แต่ฉันก็สับสนว่าทำไม พวกเขาชอบแกล้งฉันอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็หนักข้อจนแทบทนไม่ไหว ตอนนี้พวกเขากลับพยายามเข้ามาอยู่ใกล้ฉัน และทำท่าเหมือนกับ...แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ พวกเขากำลังเล่นเกมอะไรกันอยู่?

เมื่อคาบเรียนจบลงและฉันกำลังเดินไปโรงอาหาร ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนตามมา โลแกนกับลีโอเดินตามฉันมาติดๆ ตอนที่ฉันกำลังต่อแถวซื้ออาหารพลางหยิบแอปเปิลกับนม

“นี่เธอกินข้าวบ้างไหมซันนี่” ลีโอถามฉัน “หรือว่าเป็นพวกผู้หญิงที่พยายามจะผอมเหมือนซูเปอร์โมเดล?”

เขาไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย “เธออาจจะมีหุ่นแบบนั้นได้ แต่เตี้ยเกินไปที่จะเอาดีทางนั้นได้หรอก”

ฉันไม่พูดอะไรสักคำและหันกลับไปสนใจแถวต่อ

“ยังไงเธอก็ขี้เหร่เกินกว่าจะเป็นนางแบบอยู่แล้ว ดูสิ ไม่แต่งหน้าเลยสักนิด ยิ่งทำให้ดูแย่เข้าไปใหญ่ น่าสมเพช” แอนเดรียพูดพลางกระแทกไหล่ฉันแล้วแทรกเข้ามาต่อแถวข้างหน้าฉัน

ฉันยังคงไม่พูดอะไรและก้มหน้าต่ำ

“หุบปากไปเลยแอนเดรีย” ลีโอตวาดออกมา “เธอก็ไม่มีโอกาสเหมือนกันนั่นแหละ เงียบปากไปซะถ้ารู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง!”

ฉันกลืนน้ำลายแล้วกล้าๆ กลัวๆ ชำเลืองมองระหว่างพวกเขา แอนเดรียอ้าปากค้าง เธอหันไปหาแอชเชอร์แล้วทำหน้ามุ่ย “ที่รักคะ คุณจะปล่อยให้เขาพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?”

แอชเชอร์ยักไหล่แล้วเดินหนีไปโดยมีแอนเดรียเดินตามหลังไปพลางคร่ำครวญไปพลาง

“โธ่เว้ย ฉันเกลียดนังนั่นชะมัด เสียงอย่างกับเอาเล็บขูดกระดานดำ สงสารแอชจริงๆ” ฉันได้ยินโลแกนพูดพร้อมกับครางออกมา

ในที่สุด ฉันก็มาถึงหัวแถวและหยิบเงินออกมาเพื่อจ่ายค่าของสองอย่าง แต่ลีโอโฉบเข้ามาพร้อมยื่นธนบัตรสองสามใบให้ป้าที่เคาน์เตอร์ ฉันมองเขาอย่างงุนงง

“อะไร เธอไม่ชอบเหรอเวลาผู้ชายจ่ายค่าอาหารให้? ผู้หญิงก็ชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ที่ผู้ชายทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอะไรทำนองนั้นน่ะ” ลีโอพูดพร้อมรอยยิ้มยโส

“พวกคุณทำแบบนี้ทำไม?” ฉันถาม เสียงเบาเหมือนกระซิบ

เขามองฉันพลางขมวดคิ้ว “ฉันทำอะไรตรงไหน?”

“ฉันไม่รู้...ตามฉันมา ซื้อข้าวกลางวันให้ฉัน...พวกคุณต้องการอะไรจากฉัน?” ฉันถามเขา

เขายิ้ม “บางทีฉันอาจจะอยากให้เธอช่วยอะไรบางอย่าง”

ฉันถอนหายใจ “คุณต้องการอะไร?”

เขาเอานิ้วเคาะคางทำท่าเหมือนครุ่นคิดพิจารณาทางเลือก “เอาเป็นว่าฉันขอเก็บ 'บุญคุณ' นี้ไว้ก่อนดีไหม”

ฉันพยักหน้าแล้วหันหลังจะเดินไป แต่ลีโอกับโลแกนกลับคว้าข้อศอกฉันคนละข้างแล้วลากฉันไปที่โต๊ะของพวกเขา

“พ-พวกคุณทำอะไรน่ะ?” ฉันถาม พยายามสะบัดตัวหนีอย่างตื่นตระหนก

“วันนี้เธอนั่งกับพวกเรา เฮ้ เธอ! ขยับไป” ลีโอตะโกนใส่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

เธอรีบขยับออกไปทันที แล้วลีโอก็จับฉันนั่งลงแทนที่เธอ

“นี่คือการช่วยที่ว่าเหรอ?” ฉันถามเขา เสียงดังพอที่เขาจะได้ยินคนเดียว

เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ฉัน “ตอนที่ฉันทวงบุญคุณน่ะ เธอต้องทำมากกว่าแค่นั่งกินข้าวกลางวันข้างๆ ฉันแน่”

ฉันกลืนน้ำลายแล้วเงียบไป วางมือไว้บนตักและก้มหน้าต่ำ ฉันไม่ได้แตะอาหารเลยเพราะประหม่าเกินไป รู้สึกเหมือนเหล่าเทพบุตรทมิฬกำลังวางแผนอะไรบางอย่างกับฉันอยู่ และในหัวฉันก็ตื่นตระหนก ความคิดสารพัดว่ามันอาจจะเป็นอะไรผุดขึ้นมาไม่หยุด ฉันรู้สึกได้ว่าแอนเดรียจ้องเขม็งมาที่ฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ฉันจึงไม่พูดอะไรและไม่ขยับตัวเลยขณะที่คนอื่นๆ หัวเราะและพูดคุยเล่นกันรอบตัวฉัน ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ และทันทีที่กริ่งดัง ฉันก็คว้าอาหารแล้วรีบวิ่งหนีไป ฉันได้ยินเสียงแอนเดรียกับเพื่อนๆ หัวเราะและพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับฉัน ทำให้คนอื่นๆ ที่โต๊ะหัวเราะตามไปด้วย แต่ฉันไม่ได้อยู่รอฟังแม้แต่คำเดียว ฉันไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนเรียกตามหลังมา สิ่งเดียวที่ฉันทำคือวิ่งและผลักประตูข้างออกไป มุ่งหน้าไปยังสนามฟุตบอลแล้วพิงกำแพงที่ซ่อนอยู่ใต้อัฒจันทร์

‘พวกเขากำลังวางแผนอะไรกันนะ? ทำไมไม่ลงมือทำเสียที?’ ฉันคิดกับตัวเอง

이전 챕터
다음 챕터
이전 챕터다음 챕터