บทที่ 2

อิซซี่

ฉันมีพี่ชาย... ที่ดูเหมือนจะอายุเท่าๆ กับฉัน เขาไม่รอช้าเลย

“เธอคงเป็นอิซซี่ หลานสาวของแคทสินะ ฉันชื่อเดล เป็นเบต้าของฝูงเงา ส่วนนี่พอล เขาเป็นแกมม่า เราอยากจะมาแนะนำตัวเองให้เธอรู้จัก” เดลพูด

ฉันมองเขา ไม่ได้รู้สึกขำไปด้วยกับเขาและอัลฟ่าของเขาเลย ซึ่งคงจะกำลังยุ่งหรือไม่ก็ไม่คิดจะใส่ใจมาดูด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใคร

“ใช่ ฉันเอง ช่วยเลื่อนรถพวกคุณหน่อยได้ไหม เราจะได้ไปกัน” ฉันพูดลอดไรฟัน

น้าแคทดูเหมือนอยากจะต่อยฉันแต่ก็ควบคุมตัวเองไว้ “อิซซี่” น้าแคทเอ่ยปราม

“ขอโทษด้วยครับ เราไม่รู้ว่านี่เป็นรถของคุณ” เขาพูดพลางมองไปที่รถฮอนด้า โกหกเห็นๆ เพราะน้าแคทก็อยู่ในเมืองนี้มาสองสามเดือนแล้ว “เจค ช่วยเลื่อนรถไปจอดในช่องจอดรถหน่อย”

เจค ซึ่งคงจะเป็นคนขับ พยักหน้าแล้วกลับไปที่รถ ปีนเข้าไปแล้วขับรถตรงไปยังช่องจอดซึ่งอยู่อีกฝั่งตรงข้ามกับรถของน้าแคท

“ดีขึ้นไหมครับ” เขาถามพร้อมรอยยิ้ม

“ก็... คงงั้นมั้ง” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงเจือความรำคาญ “น้าแคท เราไปกันได้รึยังคะ หนูเหนื่อยแล้ว ตื่นมาตลอด 24 ชั่วโมงแล้วเนี่ย” ฉันพูดพร้อมกับหาวหลอกๆ น้าแคทยิ้มเพราะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันอยากจะรับมือด้วยเลย

“จ้ะ ได้สิอิซซี่ มีอะไรอีกไหมคะ เบต้า แกมม่า” น้าแคทพูดพลางวางกระเป๋าของฉันไว้ที่เบาะหลังแล้วยกกระเป๋าเดินทางไปที่ท้ายรถ

ทั้งคู่มองมาที่ฉัน แกมม่าพอลดูเหมือนกำลังเชื่อมจิตกับใครบางคน

“เขากำลังเชื่อมจิตกับอัลฟ่า” พูน่าที่อยู่ในหัวฉันมาตลอดพูดขึ้น เธอเฝ้ามองอย่างขบขัน มองผ่านดวงตาฉันโดยไม่แสดงตัวออกมา

ครู่ต่อมา เดลหันมาหาฉันกับน้าแคทแล้วยิ้ม “ไม่ครับ ไม่มีอะไรแล้ว อ้อ จริงๆ มีอย่างหนึ่ง เย็นนี้เราจะแวะไปที่คาเฟ่เพื่อรับเค้กที่สั่งไว้สำหรับพิธีการนะครับ”

“ไม่มีปัญหาค่ะ เค้กจะพร้อมตอนที่คุณมารับพอดี หวังว่าอัลฟ่าคนใหม่จะมีงานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้านที่ดีนะคะ” น้าแคทบอก

“โอ้ แน่นอนครับ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอวดดี ฉันตัวสั่นเมื่อคิดถึงเรื่องหยาบคายต่างๆ ที่เขาอาจจะหมายถึง แต่เขากลับทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการเอ่ยชวน “พวกคุณน่าจะมาด้วยกันนะ”

น้าแคทมองกลับไปที่พวกเขา “ฉันไม่คิดว่าอย่างนั้นนะคะ คือ อิซซี่ต้องการพักผ่อนหลังจากเดินทางมาไกล” น้าแคทพูด ฉันคิดว่าฉันรู้ว่าทำไมน้าถึงทำตัวแบบนี้ เลือดฉันเดือดพล่านเมื่อรู้ว่าใครจะอยู่ที่นั่น

“เอาเป็นว่าคำเชิญยังอยู่นะครับ” เดลบอก

พอลมองฉันอย่างระแวดระวัง “เธอควรจะมาที่บ้านของฝูงนะ...” แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค... “ฉันไม่คิดอย่างนั้น พวกคุณทั้งคู่ก็น่าจะรู้ว่าพ่อฉันเป็นส่วนหนึ่งของฝูงพวกคุณ ฉันจะไม่ หรือให้ถูกคือ ไม่มีวัน จะไปที่บ้านฝูงของพวกคุณเด็ดขาด งั้นทำไมพวกคุณไม่ไปทำธุระอะไรก็ตามที่ต้องทำ ก่อนที่ฉันจะอ้วกรดรองเท้าสวยๆ ที่พวกคุณใส่ล่ะ” ฉันพูดพลางเดินไปที่รถเพื่อเปิดประตู แต่ฉันหันกลับไปเผชิญหน้ากับแกมม่า “อ้อ แล้วก็ ฝากสวัสดีพ่อฉันด้วยนะ เพราะพนันได้เลยว่าเขาคงไม่โผล่หน้ามาเร็วๆ นี้หรอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิบปีแล้วที่เขาเจอฉันครั้งสุดท้าย งั้นก็ ขอให้พวกคุณมีปาร์ตี้ที่สนุกนะ แต่อย่ามาเข้าใกล้ฉันอีก”

ฉันปีนขึ้นรถแล้วกระแทกปิดประตู “พวกหมาป่างี่เง่า” ฉันพึมพำกับตัวเอง

ตอนนี้นั่งอยู่ในรถรอน้าแคทเข้ามา ฉันมองคนสามคนที่ฉันทิ้งให้ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นเพราะการปะทุอารมณ์ของฉัน

ฉันเกลียดผู้ชายคนนั้น ฉันไม่อยากเจอคนที่ทอดทิ้งฉันไป

“ฉันขอโทษแทนอิซซี่ด้วยนะคะ” น้าแคทพูดพลางเดินมาที่รถแล้วเปิดประตู “หวังว่าเธอจะเปลี่ยนใจนะครับ” เดลซึ่งดูเหมือนจะหายตกใจจากการระเบิดอารมณ์ของฉันแล้วพูดขึ้น เขายิ้มให้ฉัน “เราไม่อยากมีปัญหา” เขาบอก

ทั้งสามคนหันหลังแล้วเดินกลับไปทางที่เราเพิ่งมา

น้าแคทกับฉันจ้องมองตามพวกเขาไป “พวกหมาป่างี่เง่า” ฉันพึมพำอีกครั้ง

“อิซซี่ หนูต้องทำตัวดีๆ นะ แล้วก็ระวังคำพูดด้วย” น้าแคทพูดแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ เราเลี้ยวรถออกจากลานจอดแล้วมุ่งหน้าสู่ถนนทางตรง เราขับรถไปในความเงียบ

“น้าแคท ทำไมน้าถึงอยากให้หนูมาที่นี่คะ” ฉันถามเมื่อความเงียบในรถมันช่างน่าอึดอัดและเกินจะทนไหว

น้าถอนหายใจ “น้าแค่อยากเจอหนู หนูก็เป็นหลานสาวของน้านี่นา” ฉันหันไปมองน้า ฉันเชื่อคำพูดนั้น แต่ต้องมีอะไรมากกว่านี้ “แล้วมีอะไรอีกคะ” ฉันถาม

น้าเงียบไปครู่หนึ่ง “พ่อของหนูมาที่คาเฟ่ตอนที่น้าย้ายมาที่นี่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน สมาชิกฝูงคนหนึ่งของเขาบอกเขาว่าน้าอยู่ที่นี่ เขาอยากรู้ว่าหนูเป็นยังไงบ้าง แล้วก็อยากรู้ว่าหนูจะกลับมาอยู่ที่นี่ไหม” น้าแคทพูดพลางเหลือบมองฉันเป็นครั้งคราว “เขาอยากจะทำความรู้จักกับหนูนะอิซซี่”

ฉันหัวเราะเบาๆ “เหอะ ช่างเถอะ เขาไม่เคยใส่ใจมาตลอด 10 ปี ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยล่ะ” ฉันถาม

น้าแคทยักไหล่ “น้าก็ไม่รู้ น้ารู้ว่าหนูเกลียดเขาเรื่องที่ทำกับแม่ของหนูและเรื่องอื่นๆ ที่ตามมาทั้งหมด น้ารู้ว่าเขาทอดทิ้งหนูไป มันไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับสิ่งที่เขาทำ น้าก็เกลียดเขาเหมือนกันที่ทำกับหนูและแม่ แต่เขาดูสับสนและเจ็บปวดตอนที่น้าบอกเขาไปว่าหนูคงไม่มีวันอยากเจอเขาอีก”

ฉันไม่พูดอะไร ฉันรู้ว่าน้าคงปล่อยให้ฉันตัดสินใจเองว่าจะทำอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นทอดทิ้งฉันไป ฝันไปเถอะว่าฉันอยากจะเจอเขา

“อิซซี่ หนูยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมเขาถึงจากไปนะ” น้าแคทพูด

ฉันหันกลับไปมองน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ปัญหาของคำพูดนั้นคือ ฉันรู้ว่าทำไมเขาถึงจากไปและอะไรที่ทำให้เขาทำแบบนั้น น้าแคทอาจจะไม่รู้ว่าฉันรู้ หรือไม่ก็น้าอาจจะเชื่อเรื่องโกหกอะไรก็ตามที่เขาบอกน้า

“แล้วอัลฟ่าคนใหม่นี่เป็นใครกันเหรอ ทำไมพวกเขาต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับกลับบ้านให้เขาด้วยล่ะ” ฉันถาม พยายามจะเปลี่ยนเรื่องคุย

พี่แคทมองฉันแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองทาง “เขาชื่อเบลค เป็นลูกชายของอัลฟ่า เขาไม่อยู่ที่นี่สองสามเดือนแล้ว ไปฝึกฝูงเพื่อนบ้านน่ะ” พี่แคทบอก “ก่อนไปเขาก็แวะมาที่คาเฟ่ทุกวัน เดี๋ยวเธอก็คงได้เจอเขาเองแหละ”

ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกอัลฟ่า ไม่ต้องพูดถึงหมาป่าตัวอื่นเลย พวกนั้นทำให้ฉันโมโห

ฉันหยุดบทสนทนาไว้แค่นั้นแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เมืองเล็กๆ แห่งนี้มีป่าใหญ่อยู่รอบๆ แต่บ้านทุกหลังกลับปลูกอยู่ใกล้ๆ กัน อีกไม่กี่นาทีต่อมา เราก็เลี้ยวเข้าถนนส่วนตัวที่นำไปสู่บ้านทาวน์เฮาส์หลังเล็กๆ มันก็ดูเหมือนบ้านทาวน์เฮาส์ธรรมดาทั่วไป บ้านทุกหลังตั้งอยู่ติดแนวป่า เหมาะที่สุดสำหรับคนที่อยากจะแปลงร่างแล้ววิ่งเข้าป่าไป

“เดี๋ยวเราต้องออกไปวิ่งกันนะ ฉันอยากวิ่ง” พูน่าพูด เราไม่ได้แปลงร่างกันมานานแล้วเพราะมัวแต่เดินทางไปไหนต่อไหน

พอพี่แคทเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าบ้าน บ้านก็ดูดี เหมือนกับหลังที่ฉันเคยอยู่กับแม่ ฉันสะท้านเมื่อนึกถึงความทรงจำนั้น ต้องสลัดมันทิ้งไปให้หมด

เราทั้งคู่ลงจากรถ ฉันเดินไปท้ายรถเพื่อหยิบกระเป๋าเดินทาง ส่วนพี่แคทก็หยิบกระเป๋าของฉันจากเบาะหลัง ฉันหยุดกึกทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองอยู่

“พูน่า สัมผัสได้ไหมว่ามีใครอยู่ข้างหลังเรา” ฉันถามโดยไม่หันไปมอง ใครก็ตามคนนั้น ทำให้สัญชาตญาณของฉันปั่นป่วน

“ไม่รู้สิ แต่ฉันเริ่มไม่ชอบที่นี่แล้ว” พูน่าตอบ “ทุกคนดูตึงเครียด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเราหรือเพราะอัลฟ่าคนนั้นกลับมา แต่มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล”

ฉันเห็นด้วยกับพูน่า มีบางอย่างผิดปกติจริงๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไร

ฉันเงยหน้าขึ้นเห็นพี่แคทกำลังจ้องมองไปด้านหลัง สีหน้าอ่านไม่ออก “เราต้องเอาของเข้าไปเก็บนะ ฉันต้องไปปิดร้านที่คาเฟ่แล้ว” พี่แคทพูดพร้อมกับคว้าแขนฉันดึงไปทางประตูหน้า

“ค่ะ พี่แคท” ฉันตอบแล้วเดินตามไป พี่แคทนำฉันเข้าไปข้างใน

พอเข้ามาข้างใน ฉันก็มองไปรอบๆ มีพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ เป็นห้องโถงเปิดโล่งเชื่อมกับห้องครัวด้านหลัง พอเดินเข้ามา บันไดก็อยู่ตรงหน้าเรา พี่แคทปิดประตูตามหลัง แต่ก่อนปิดฉันสังเกตเห็นพี่แคทมองไปข้างนอกอีกครั้งแล้วจึงปิดและล็อกประตู

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีเหรอคะ พี่แคท” ฉันถาม มีบางอย่างผิดปกติ ฉันสัมผัสได้

“เรียบร้อยดีจ้ะ เดี๋ยวพี่พาไปห้องนอนนะ เธอจะได้อาบน้ำพักผ่อน พี่ต้องไปคาเฟ่หน่อย ไปดูให้แน่ใจว่าอลิซทำเค้กสำหรับงานพิธีเสร็จรึยัง” พี่แคทบอก

พี่แคทพาฉันขึ้นชั้นบน ชี้ให้ดูห้องนอนของพี่แคทกับห้องน้ำ แล้วก็พาฉันไปที่ห้องของฉันซึ่งมีห้องน้ำในตัว “พี่เพิ่งให้เขาทำห้องน้ำนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพราะรู้ว่าเธอน่าจะแวะมาเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอมาอยู่เลย มันก็คงมีประโยชน์” พี่แคทบอก ห้องดูขนาดกำลังพอดี ตอนเดินทางฉันมักจะได้ห้องเล็กๆ หรือไม่ก็นอนตามพื้น นอนกลางดินกลางทราย หรือไม่ก็บนต้นไม้ แต่ห้องนี้ดีทีเดียว

“พี่ซื้อของที่เธออาจจะจำเป็นต้องใช้มาให้หมดแล้วนะ ถ้าต้องการอะไรอีก พรุ่งนี้ตอนไปคาเฟ่เราค่อยไปหาซื้อกัน เธออยากจะมาช่วยงานที่คาเฟ่สักสองสามกะไหม” พี่แคทถามขณะเดินไปทางประตูห้องนอน

ฉันพยักหน้า เพราะรู้ว่าพี่แคทคงจะจ่ายค่าจ้างให้ “ได้ค่ะ แน่นอน” ทันทีที่ฉันกำลังจะพูดจบ ท้องก็ร้องเสียงดังโครกคราก

พี่แคทมองฉันแล้วหัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวพี่ทำแซนด์วิชมาให้นะ จะเอาขึ้นมาให้ เธอคงอยากจะนอนเลยหลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จ วันนี้มันยาวนานจริงๆ”

ฉันหาวออกมาทันทีที่พี่แคทพูดถึงเรื่องนอน พี่แคทยิ้ม “เดี๋ยวพี่เอาอาหารขึ้นมาให้ตอนเธออาบน้ำนะ”

ฉันยิ้มแล้วกอดพี่แคท “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่จะไปคาเฟ่เมื่อไหร่คะ” ฉันถาม

“ทำอาหารเสร็จพี่ก็จะไปเลย ไม่นานหรอก” พี่แคทพูดแล้วหันหลังกลับ แต่ก็หยุดกึก “พี่จะล็อกประตูขังเธอไว้นะ แค่ป้องกันไว้ก่อน พี่ไม่อยากให้ใครเข้ามาตอนเธอหลับ”

ฉันมองกลับไปที่พี่แคท พี่แคทต้องล้อเล่นแน่ๆ ใช่ไหม ใครกันจะอยากเข้ามาที่นี่

“ค่ะ” ฉันตอบ รู้สึกถึงความไม่สบายใจที่กลับมาอีกครั้งอย่างรุนแรง

พูน่ากำลังหาว แต่ก็รู้สึกตึงเครียดเหมือนกัน “เธอโอเคไหม อิซซี่” พูน่าถาม ฉันรู้ว่าพูน่าสัมผัสได้ถึงความไม่แน่ใจในน้ำเสียงของฉัน

“อืม พี่แคทมีอะไรแปลกๆ ได้ยินที่พี่เขาพูดเมื่อกี้ไหม” ฉันพูด แต่ก็หาวออกมาอีกครั้ง

พูน่าพยักหน้าพลางพูดว่า “พี่เขาคงแค่อยากปกป้องเรา ถึงแม้ว่าเราจะแข็งแกร่งพอที่จะสู้ได้ก็ตาม พี่เขาแค่อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเข้ามา อิซซี่ เธอกำลังฝืนตัวเองอยู่นะ เธอต้องพักผ่อน ตื่นแล้วเราค่อยไปวิ่งกัน แต่ต้องยอมรับว่าฉันเองก็รู้สึกง่วงเหมือนกัน”

ฉันรู้สึกได้ถึงความหนักอึ้งของพูน่าที่ส่งผ่านมา ฉันหาวอีกครั้ง ฉันมองกลับไปที่พี่แคทซึ่งกำลังจ้องมองฉันอยู่ “แล้วเจอกันนะ อิซซี่” พี่แคทพูดแล้วก็จากไป

ฉันแกะเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าสองสามชิ้น แต่พลังงานที่เหลืออยู่หลังจากการเดินทางทำให้ฉันง่วงงุน ฉันหยิบชุดนอนแล้วตรงไปห้องน้ำ ฉันคิดว่าตัวเองคงอาบน้ำเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์เพราะรู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามา ฉันออกมา เช็ดตัว แล้วรีบกลับเข้าห้องนอน มีแซนด์วิชวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้ว พี่แคทคงเข้ามาตอนฉันอาบน้ำ ฉันใส่ชุดนอน ย้ายกระเป๋าเดินทางลงไปวางบนพื้น แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง

เพียงไม่กี่วินาทีที่หัวถึงหมอน ฉันก็จมดิ่งสู่ความมืดมิดของการหลับใหล

이전 챕터
다음 챕터
이전 챕터다음 챕터