4.พันธมิตรเตียงใหม่

ลูซี่

พวกเขาพยุงฉันลงจากเตียงแล้วพาฉันออกจากห้อง ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนักกับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ฉันฟังวิธีที่พวกเขาคุยกับคนที่เคาน์เตอร์ แมตต์ดูใจดีมาก โทนี่ดูเย็นชามาก

“เอารถของเรามาทันที เราจะไม่พักที่นี่”

“โอ้ แต่โดยปกติแล้ว ราคานั้นสำหรับแค่...”

โทนี่คำรามใส่ชายที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ “เราไม่แบ่งใคร ราคาตกลงกันแล้ว และไม่มีการพูดคุยเงื่อนไขใดๆ ก่อนซื้อ เราจะไป เอากระเป๋าของเธอมา”

แมตต์หันมาหาฉัน “มีอะไรที่เธออยากเก็บไว้จาก...ที่ไหนก็ตามที่เธอมาหรือเปล่า”

ฉันนึกอะไรไม่ออก เลยส่ายหัว อย่างไรก็ตามฉันก็ไม่ได้มีข้าวของอะไรมากมายอยู่แล้ว

“ไม่มีอะไรติดตัวเธอมาเลย เธอเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน ไม่เกินสองสามนาทีก่อนจะถูกนำตัวขึ้นประมูล”

โทนี่หันหลังแล้วเดินนำไปที่ประตูหน้า ผู้คนคนอื่นๆ ในชุดสวยๆ เดินไปมาและมองดูขณะที่เราเดินผ่าน ฉันคิดว่าบางทีอาจจะมีใครสักคนช่วยฉัน แต่ไม่มีใครดูเหมือนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเลย

รถหรูคันหนึ่งแล่นมาจอด และพวกเขาก็จับฉันนั่งในรถตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคนที่เบาะหลัง

“เลื่อนที่กั้นขึ้น” โทนี่สั่ง “เราจะไปบ้านในเมือง”

“ตามประสงค์ครับ” คนขับรถตอบ

“เธอยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย” แมตต์พูด

“นายคาดหวังให้เธอพูดหรือไง” โทนี่ถาม “เธอมันลูกหนูมากกว่าหมาป่าเสียอีก”

แมตต์หัวเราะ “นี่นายกำลังใจร้ายนะ”

ชายคนหนึ่งที่จับตัวฉันมาเคยพูดแบบนั้น แต่พอโทนี่พูด มันกลับไม่รู้สึกเหมือนเป็นการดูถูกเท่าไหร่ น้ำเสียงของเขาเย็นชา แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายเสียทีเดียว ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง มองดูทิวทัศน์ที่เคลื่อนผ่านไป ฉันจำเมืองนี้ไม่ได้ และฉันมั่นใจว่ามันไม่ใช่เมืองเดียวกับที่เราเคยอยู่มาก่อน หรือบางทีมันอาจจะเป็นแค่ย่านที่ดีกว่าของเมืองที่ฉันไม่เคยไปมาก่อน

“ชอบรถคันนี้ไหม” แมตต์ถาม

ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป

“นายว่าเราทำให้เธอกลัวหรือเปล่า” แมตต์ถามพลางเลื่อนแขนมาโอบเอวฉัน “นายไม่น่าแปลงร่างต่อหน้าเธอแบบนั้นเลยนะ”

โทนี่ไม่ได้พูดอะไร และคนขับรถหรูคันนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เราขับผ่านต้นไม้และอาคารมากมายก่อนจะถึงบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง มันใหญ่กว่าตึกที่ฉันเคยอยู่กับสามีภรรยาคู่นั้นหรือแม้แต่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ฉันเคยอยู่ตอนเด็กๆ มาก

แมตต์กระโดดลงจากรถแล้วยื่นมือมาให้ฉัน “มาเถอะ เราถึงแล้ว”

โทนี่ลงจากรถอีกด้านหนึ่ง และฉันก็ปล่อยให้แมตต์ช่วยฉันลงจากรถด้วยความหวาดกลัว พวกเขาจะทำอะไรกับฉันเมื่อเราเข้าไปในบ้านหลังนี้ ฉันรู้ดีอยู่แล้ว พวกเขาเริ่มมันในห้องนั้นแล้ว และหยุดไปด้วยเหตุผลบางอย่าง

ทุกย่างก้าวที่ฉันเดินไปทางประตูหน้ารู้สึกหนักอึ้ง หัวใจฉันเต้นรัว ความคิดของฉันสับสนวุ่นวายไปหมด

“นี่ เธอโอเคหรือเปล่า” แมตต์ถาม “หัวใจเธอเต้นผิดปกติมากเลยนะ”

“ฉัน...”

ฉันหายใจไม่ออก ความตื่นตระหนกทั้งหมดของวันนี้ ความวิตกกังวลทั้งหมด ความกลัวทั้งหมดกำลังถาโถมเข้ามาใส่ฉันในตอนนี้ เมื่อฉันตระหนักได้ว่าไม่มีทางหนีรอดไปได้จริงๆ พวกเขาจะทำอะไรกับฉันก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ และฉันไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะต่อสู้กับพวกเขา ฉันหันหลัง คิดว่าบางทีฉันอาจจะวิ่งหนีหรือทำอะไรสักอย่างได้ แต่แล้วภาพตรงหน้าก็มืดลง และทุกอย่างก็เงียบสงัด

โทนี่

หัวใจของลูซี่เต้นรัว ฉันได้ยินเสียงเธอหายใจสั้นๆถี่ๆ ซึ่งไม่เพียงพอที่จะส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมองของเธอ

จากนั้นเธอก็หันตัว โซเซ และเริ่มล้มลงไปด้านข้าง แมตต์รับตัวเธอไว้ได้ก่อนที่เธอจะล้มถึงพื้นแล้วช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม

เขาหันมามองฉัน “นี่เป็นความผิดของนายทั้งหมด นายทำให้เธอกลัว”

“ฉันว่าการถูกลักพาตัว ถูกจับยัดท้ายรถ ถูกนำขึ้นประมูล ถูกขาย ถูกซื้อ แล้วก็ถูกพามาที่นี่ต่างหากล่ะที่เป็นสาเหตุ” ฉันเลิกคิ้วใส่เขา “แต่แน่นอนแมตต์ ตามที่นายว่าเลย”

ฉันดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อค้นหาข้อมูลหมอของฝูง ตามแมตต์ขึ้นบันไดไปยังห้องพักแขกห้องหนึ่งที่ค่อนข้างดีในบ้าน ผู้หญิงคนนั้นรับสายในกริ๊งที่สอง

“ใครเลือดออกหรือคะ”

“ไม่มีใครหรอก” ฉันแค่นเสียง “แต่เรามีปัญหา มาที่บ้านในเมืองหน่อย มีคนไข้ที่นี่ที่เราอยากให้คุณมาดู”

“....ฉันควรเตรียมตัวสำหรับอะไรเป็นพิเศษไหมคะ”

“ไม่หรอก เธอแค่เป็นลมไป”

แมตต์วางเธอลงบนเตียงแล้วนั่งข้างๆ ห่มผ้าให้ เธอดูบอบบางราวกับว่าไม่ได้กินอะไรมานาน

“ผอมเกินไป บางทีเธออาจจะเป็นลมเพราะหิวก็ได้นะ” แมตต์ถาม

“ฉันนึกว่านายจะสบายใจขึ้นบ้างที่คิดว่าฉันทำให้เธอกลัวเสียอีก”

“ก็อาจจะนิดหน่อย” เขาพูด ริมฝีปากกระตุก

พอหมอมาถึง เธอก็ไล่พวกเราออกจากห้อง เหตุผลเดียวที่ฉันยอมก็เพราะรู้ว่าเธอไม่มีวันทำร้ายลูซี่

“เธอเป็นใครคะ” หมอถามก่อนจะปิดประตูตามหลังพวกเรา

ฉันมองแมตต์ขณะที่เขามองฉัน หมอคนนี้ก็ประมาณว่ามีความเกี่ยวข้องกับฝูงอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เป็นสมาชิกฝูงจริงๆ เราควรบอกเธอไหม

“คู่นอนคนใหม่” ฉันพูด

เธอมองอย่างสงสัยราวกับไม่เชื่อฉัน แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรแล้วปิดประตูเบาๆ

แมตต์มองฉันพลางเลิกคิ้ว

“อะไร”

“นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่นายคิดออกแล้วเหรอ”

“ฉันไม่เห็นนายเสนอความคิดเห็นอะไรเลยนี่”

เขายักไหล่ “ฉันคงบอกความจริงเธอไปแล้ว มันไม่ได้จะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราเลยสักนิด เธอเป็นแค่ครึ่งเดียวเอง”

“นั่นก็จริง ถึงเราอยากจะให้เป็นอย่างนั้น เราก็คาดหวังให้เธอตามทันไม่ได้หรอก”

ฉันไปนั่งตรงส่วนนั่งเล่นที่อยู่สุดโถง แมตต์ตามมาสมทบ พวกเราเทเครื่องดื่มแล้วรอ ฉันไม่รู้เลยว่าหมอกำลังตรวจอะไรอยู่ แต่ก็หวังว่าผลตรวจจะไม่ใช่ว่าเธอเป็นโรคร้ายแรงอะไร

สักพักหมอก็เดินมาตามโถงแล้วหยุดยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าไม่เห็นด้วย

“ว่าไงคะ”

“ความเครียด ภาวะขาดสารอาหาร ความอ่อนเพลีย... เธอต้องการการพักผ่อนและอาหาร ฉันไม่แน่ใจว่าพวกคุณสองคนวางแผนจะเริ่มปลดปล่อยแรงขับทางเพศบ้าๆ ของพวกคุณใส่เด็กคนนี้เมื่อไหร่ แต่คงต้องรออีกสักพักจนกว่าเธอจะแข็งแรงพอ... เธอเด็กไปสำหรับรสนิยมพวกคุณหน่อยไม่ใช่เหรอคะ”

ฉันแยกเขี้ยวใส่เธอ “ขอบคุณ นั่นคือทั้งหมด”

เธอแค่นเสียงแล้ววางกระดาษปึกหนึ่งลงบนโต๊ะระหว่างพวกเรา แผ่นหนึ่งเป็นใบแจ้งหนี้ อีกสองแผ่นเป็นบันทึกการดูแล

“ฉันทำอาหารไม่เป็น” แมตต์พูด “ให้ตายสิ นายก็ทำอาหารไม่เป็นเหมือนกัน”

“งั้นก็โทรหาเชฟแล้วให้ผู้ช่วยเขามาที่นี่ดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอให้เรียบร้อย” ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปตามโถงทางเดินไปยังห้องที่เธออยู่ “นายจะมาด้วยไหม”

ฉันไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำเพราะรู้สึกได้ว่าเขากำลังเดินตามมาข้างหลัง

ลูซี่

ตอนที่ฉันรู้ตัวว่าสลบไป ฉันก็กำลังจะตื่นพอดี หัวของฉันปวดตุบๆ ไปทั้งตัวเหมือนถูกจับโยนไปมา แล้วฉันก็นึกถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ฉันถูกขาย ถูกซื้อ และถูกผู้ชายแปลกหน้าสองคนจูบ ฉันถูกพามาที่บ้านแปลกๆ แห่งหนึ่งโดยรู้ดีว่าพวกเขาจะทำอะไรกับฉันก็ได้ตามใจชอบ และฉันก็ไม่มีทางหนี

ฉันแทบไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาเลย

แต่แล้วฉันก็ลืมตา เพราะท้องของฉันร้องโครกคราก ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วก็รู้ตัวว่าอยู่บนเตียง ฉันพยายามจะลุกขึ้นนั่งแล้วก็รู้สึกถึงน้ำหนักของบางอย่างที่รั้งตัวฉันไว้ ฉันสูดหายใจเข้าอย่างตกใจแล้วมองไปทางซ้ายและขวา

แมตต์อยู่ที่นั่น แขนของเขาวางพาดอยู่บนเอวของฉัน ส่วนโทนี่อยู่อีกข้างหนึ่งโดยแขนของเขาวางอยู่เหนือแขนของแมตต์เล็กน้อย

พวกเขาทั้งคู่หลับสนิท และนอกจากอาการปวดหัวแล้ว ก็ไม่มีอะไรเจ็บปวดอีก

“เธอตื่นแล้วเหรอ” โทนี่พูด ฉันสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงสายตาของเขาในความมืด เขาลุกขึ้นนั่ง “อยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวฉันไปเอาอาหารเย็นมาให้”

เขาจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก แมตต์พึมพำบางอย่างแล้วดึงฉันเข้าไปใกล้ขึ้น สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือนอนนิ่งด้วยความตกใจ

이전 챕터
다음 챕터
이전 챕터다음 챕터