


บทที่ 2 การทดแทนที่มีความคล้ายคลึงกันเจ็ดสิบ
ออเรเลียนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ใจลอย เหม่อลอย ในมือกำใบหย่าที่เซ็นแล้วกับเช็คใบหนึ่งไว้แน่น สมองของเธอว่างเปล่าไปหมด
การจากไปของนาธาเนียลถาโถมเข้าใส่เธอราวกับถูกก้อนอิฐขนาดมหึมาทับ น้ำตาไหลอาบแก้มขณะที่เธอจมดิ่งอยู่ในห้วงแห่งความสูญเสียและความสิ้นหวัง ช่วงเวลาอันแสนหวานและอบอุ่นของพวกเขากลับกลายเป็นความทรงจำที่เย็นชาและเจ็บปวด
“นาธาเนียล” เธอกระซิบ เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เธอไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตแต่งงานของพวกเขาจะจบลงเช่นนี้ แม้จะรู้ตั้งแต่แรกว่าการแต่งงานกับนาธาเนียลเป็นความผิดพลาด แต่การต้องเซ็นชื่อในเอกสารเหล่านั้นด้วยตัวเองมันก็ยังเจ็บปวดราวกับตกนรก
“คุณผู้หญิงไฮล์บรอนน์ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เบ็ตตี้ ยัง แม่บ้าน เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ฉันไม่เป็นไร” ออเรเลียตอบพลางปาดน้ำตาและฝืนยิ้ม เธอซาบซึ้งในความเป็นห่วงของเบ็ตตี้ แต่ตอนนี้เธอเพียงต้องการอยู่คนเดียว
“รับประทานอะไรหน่อยไหมคะ” เบ็ตตี้ถาม พยายามทำให้เธออารมณ์ดีขึ้น
“ไม่ล่ะ ขอบคุณ ฉันอยากออกไปเดินเล่น” ออเรเลียพูดพลางลุกขึ้นยืน เธอรู้สึกกระสับกระส่ายและต้องการให้สมองปลอดโปร่ง อยากหนีไปจากบ้านที่น่าอึดอัดหลังนี้
“ให้ดิฉันไปด้วยนะคะ” เบ็ตตี้อาสา
“ไม่เป็นไร ฉันไปคนเดียวได้” ออเรเลียตอบปัดเบ็ตตี้ไป จากนั้นเธอก็เริ่มจัดกระเป๋าเดินทาง
เมื่อหย่ากันแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เธอจะต้องอยู่ที่คฤหาสน์บลูมวิลล่าอีกต่อไป สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความทรงจำระหว่างเธอกับนาธาเนียล แต่เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ออเรเลียเก็บเสื้อผ้าของเธอใส่กระเป๋าเดินทาง เธอทิ้งชุดเดรสหรูหราราคาแพงไว้เบื้องหลัง แล้วหยิบชุดลำลองสบายๆ ที่ใส่ได้ทุกวันเพียงไม่กี่ชุด เธอมองไปที่ตู้ในห้องแต่งตัวแบบวอล์คอินคลอเซ็ต เห็นกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงระยับที่นาธาเนียลเคยให้เธอ แต่ละใบมีมูลค่ามหาศาล
แต่ตอนที่เธอถูกปล้น กระเป๋าเหล่านั้นก็ช่วยชีวิตเธอไม่ได้ ช่างน่าขันสิ้นดี ที่ในฐานะภรรยาของนาธาเนียลผู้มีทรัพย์สินมากมาย เธอกลับมีค่าน้อยกว่ากระเป๋าถือใบหนึ่งเสียอีก
กระเป๋าเหล่านี้ล้วนเป็นของใหม่ บางใบยังคงมีป้ายราคาติดอยู่ และเธอไม่เคยใช้มันเลยสักใบ เธอไม่ได้คลั่งไคล้กระเป๋า เธอแค่ต้องการใบที่ใช้งานได้จริงไม่กี่ใบเท่านั้น แต่ทุกครั้งที่เธอกับนาธาเนียลมีสัมพันธ์ทางกายกัน เขาก็จะยืนกรานที่จะให้กระเป๋าถือแก่เธอ
เธออดสงสัยไม่ได้ว่า ‘กระเป๋าเหล่านี้เป็นของขวัญจากสามีให้ภรรยา หรือเป็นรางวัลสำหรับผู้หญิงขายบริการกันแน่’ ในตอนนี้ ออเรเลียไม่แน่ใจในคำตอบเลย
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี นาธาเนียลก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชอบอะไร เขาให้กระเป๋าถือแก่เธออย่างหยิ่งผยอง โดยคิดว่าเธอจะรู้สึกขอบคุณ แต่สำหรับออเรเลีย กระเป๋าแต่ละใบเป็นเครื่องย้ำเตือนว่านาธาเนียลใส่ใจเธอน้อยเพียงใด คนที่รักกระเป๋าถือไม่ใช่ออเรเลีย แต่เป็นเชลซีต่างหาก!
ออเรเลียส่ายหน้า พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วหันกลับมาสนใจกระเป๋าเดินทางของเธอ “ฉันจะเริ่มต้นใหม่” เธอปฏิญาณในใจเงียบๆ พยายามรวบรวมสติของตนเอง
อนาคตยังคงไม่แน่นอน และเธอไม่รู้เลยว่าจะไปที่ไหนหลังจากออกจากที่นี่ แต่เธอรู้ว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับมันอย่างกล้าหาญ
หลังจากเก็บของเสร็จ ออเรเลียยืนอยู่หน้ากระจก สูดหายใจเข้าลึกๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าของตัวเองในกระจก ความกล้าหาญที่เพิ่งรวบรวมมาได้ก็แทบจะเลือนหายไป มันเป็นใบหน้าที่เธอคุ้นเคยดี ใบหน้าที่งดงามจนน่าตะลึง
ใบหน้าของออเรเลียราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ บอบบางเสียจนแม้สัมผัสเพียงแผ่วเบาก็ทิ้งรอยไว้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นาธาเนียลชอบฉวยโอกาสใช้ประโยชน์เสมอ ในช่วงเวลาใกล้ชิดของพวกเขา เขามีความสุขอย่างบิดเบี้ยวกับการทิ้งร่องรอยของเขาไว้บนผิวของเธอ
ในตอนแรก ออเรเลียคิดว่ามันเป็นสัญญาณของความรัก แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นเพียงวิธีการแสดงความเป็นเจ้าของของเขาเท่านั้น
เธอยังคงพิจารณาภาพสะท้อนของตัวเองต่อไป เครื่องหน้าที่ละเอียดอ่อนและสมส่วน ดวงตาที่ชวนมอง คิ้วโค้งได้รูป ขนตายาว และริมฝีปากอิ่มเต็ม แม้ไม่ได้แต่งหน้า ความงามของเธอก็ยังคงโดดเด่น
แต่ออเรเลียเกลียดใบหน้านี้ เพราะมันดูคล้ายกับใบหน้าของเชลซีมากเหลือเกิน นาธาเนียลแต่งงานกับเธอไม่ใช่เพียงเพื่อเอาใจคุณปู่ของเขา รีด ไฮล์บรอนน์ เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเธอหน้าตาคล้ายเชลซีมากอีกด้วย
ออเรเลียคือตัวแทนที่สมบูรณ์แบบ ว่านอนสอนง่าย สวยงาม และเหมือนเชลซีราวกับแกะ ตอนนี้เมื่อเชลซีกลับมาแล้ว ออเรเลียผู้เป็นตัวแทนก็ไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป การหลีกทางให้เชลซีดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้
“ลาก่อน นาธาเนียล” ออเรเลียกระซิบ ในแววตามีประกายแห่งความมุ่งมั่น เธอรูดซิปกระเป๋าเดินทาง พร้อมที่จะจากบ้านที่เคยอบอุ่นแต่บัดนี้กลับเย็นชาหลังนี้ไป
ทันใดนั้น ก็มีเสียงทุบประตูดังลั่นและต่อเนื่องมาจากชั้นล่าง ราวกับมีใครบางคนพยายามจะพังประตูเข้ามา
“ใครกันคะ” เบ็ตตี้พึมพำอย่างหงุดหงิด ‘ใครมาเคาะประตูแบบนี้ ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ถ้าฉันไม่ได้ทำความสะอาดอย่างดี ฝุ่นที่ประตูคงฟุ้งไปทั่วแล้ว’
เบ็ตตี้แอบมองผ่านตาแมว เห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่ข้างนอก ดูท่าทางอายุราวๆ เดียวกับเธอ
“พวกคุณเป็นใครคะ” เบ็ตตี้แง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะกระแทกปิดหากจำเป็น ท่าทางระมัดระวังตัว
ในฐานะแม่บ้านมากประสบการณ์ของตระกูลไฮล์บรอนน์ เบ็ตตี้รู้วิธีรับมือกับแขกเป็นอย่างดี หากเป็นคนที่คุ้นเคย เธอก็มีขั้นตอนการต้อนรับอย่างเป็นแบบแผน แต่สามีภรรยาคู่นี้ดูน่าสงสัยเกินไป เธอจึงต้องระมัดระวัง
ทั้งคู่ดูประหลาดใจที่เห็นคนอื่นที่ไม่ใช่ออเรเลียมาเปิดประตู โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ระมัดระวังตัวขนาดนี้ ชายคนนั้นซึ่งกำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตูอีกครั้ง ลดมือลงอย่างอึดอัด เขาจำเบ็ตตี้ได้ ซึ่งอยู่กับนาธาเนียลมาตั้งแต่เด็ก และรู้ดีว่าไม่ควรต่อกรกับเธอ เขาจึงพูดอย่างพยายามสุภาพว่า “ผมเป็นพ่อของออเรเลีย และนี่คือแม่ของเธอ เรามาหาเธอครับ”
เบ็ตตี้ตกตะลึง ตลอดสามปีที่แต่งงานกันมา พ่อแม่ของออเรเลียไม่เคยปรากฏตัวเลยแม้สักครั้ง แม้แต่งานแต่งงานก็ไม่มา
เบ็ตตี้คิดว่าพวกเขาต้องเป็นพวกต้มตุ๋นแน่ๆ เธอตัดสินใจอย่างรวดเร็วแล้วกระแทกประตูปิดใส่จมูกชายคนนั้นอย่างแรง
แม้ประตูจะปิดแล้ว เบ็ตตี้ยังได้ยินเสียงชายคนนั้นร้องโอ๊ยและกุมจมูกอยู่ข้างนอก
“สมน้ำหน้า! บังอาจมาอ้างตัวเป็นพ่อแม่ของคุณนายไฮล์บรอนน์ คิดจะมาหลอกลวงตระกูลไฮล์บรอนน์โดยไม่เจียมตัว!” เบ็ตตี้พึมพำขณะเดินกลับไปที่ห้องครัว
วันนี้ออเรเลียอารมณ์ไม่ดี เบ็ตตี้จึงตัดสินใจทำอาหารพิเศษเพื่อปลอบใจเธอ
ทันใดนั้นเอง ออเรเลียก็เดินลงบันไดมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเธอ
“คุณผู้หญิงไฮล์บรอนน์ จะไปไหนหรือคะ” เบ็ตตี้ถามด้วยความประหลาดใจ