


บท 5
เฉินหยู่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้น้องชาย ซื้อลูกอมผลไม้หนึ่งกระปุก ซื้อรถของเล่นชิ้นเล็ก และยังเก็บเงินไว้ให้น้องเรียนหนังสือในอนาคต เขามีเงินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร ทำไมถึงใช้ได้หลายที่ขนาดนี้ ก็เพราะเขาไม่ได้ใช้เงินกับตัวเองแม้แต่สตางค์เดียว
หากเฉินเหยียนโตขึ้น เขาคงจะรู้ว่าความไม่ยุติธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ก็คือความรัก
ตอนเฉินเหยียนอายุห้าขวบ สวี่ฮวนก็จากไป
เฉินหยู่ไม่รู้ว่าเธอจะไปไหน เธอเพียงบอกว่าหลังจากนี้จะไม่กลับมาอีก เฉินหยู่รู้ว่าเธอจากไปเพราะรอคนที่อยากรอไม่ได้แล้ว เขาจึงพยักหน้าและบอกว่าหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ดีต่อไป เขาไม่เคยเรียนหนังสือ พูดอะไรไพเราะไม่เป็น แต่สวี่ฮวนกลับยิ้ม เธอบอกว่าเธอหวังว่าเขาและน้องชายก็จะมีชีวิตที่ดีเช่นกัน
หลังจากอวยพรกันเช่นนั้น สวี่ฮวนก็จากไป เฟอร์นิเจอร์ที่เธอจัดหามาทั้งหมดก็มอบให้เฉินหยู่ ให้เขาขนกลับบ้านตัวเอง รวมทั้งผ้าห่มหนาและหมอนหนึ่งใบ วันรุ่งขึ้นหลังจากเฉินหยู่ขนของกลับบ้าน เขาถึงพบว่าในปลอกหมอนมีเงินอยู่หนึ่งปึก ทั้งธนบัตรย่อยและธนบัตรใหญ่ ไม่มากแต่ก็ไม่น้อย เฉินหยู่กำเงินปึกนั้นจ้องมองอยู่นาน
เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ชีวิตของเขาที่เน่าเหม็นเหมือนโคลนในท่อระบายน้ำ ทำให้เขารู้สึกแต่ความรังเกียจ แต่น้องชาย สวี่ฮวน เจ้าของร้านอาหาร ทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใจละทิ้งได้อย่างเด็ดขาด ทำให้เขาคิดว่าชีวิตนี้อาจจะไม่ได้ไร้ค่าถึงเพียงนั้น
เฉินเหยียนเคยถามเขาว่าทำไมไม่เห็นสวี่ฮวนอีก เขาบอกว่าสวี่ฮวนไปแล้ว จะไม่กลับมาอีก เฉินเหยียนดูเหมือนจะตกใจกับคำพูดนี้และรู้สึกเจ็บปวดมาก เขาคงคิดว่าวันหนึ่งพี่ชายก็จะเหมือนสวี่ฮวน จากไปแล้วไม่กลับมา จึงเริ่มร้องไห้อีก ร้องไห้นานทุกวัน เฉินหยู่ไม่สนใจ ไปทำงานตามปกติ ทุกวันกลางวันซื้ออาหารจากร้านกลับมาให้น้องกิน ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่น้องนั่งที่โต๊ะอย่างสงบ น้องจะถามว่าพี่กินข้าวหรือยัง เฉินหยู่บอกว่ากินแล้ว น้องก็ถามว่าทำไมพี่ไม่กินกับหนู เฉินหยู่ไม่ตอบ
เฉินหยู่กินแล้ว กินเศษอาหารจากโต๊ะคนอื่น ข้าวเป็นข้าวที่เจ้าของร้านตักใหม่ให้ ไม่คิดเงิน รู้ว่าเขาทำงานหลายอย่างในหนึ่งวัน ยังตักให้ถึงสองชาม
เฉินหยู่เพิ่งได้รับสารอาหารและเติบโตอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานี้เอง
หลังจากร้องไห้อยู่ระยะหนึ่ง เฉินเหยียนพบว่าพี่ชายกลับบ้านตามปกติทุกวัน จึงค่อยๆ ลืมความเศร้าและความกลัวนั้นไป ไม่ร้องไห้อีกต่อไป และเขายังพบว่าน้ำตาของเขาไม่มีผลกับพี่ชายอีกแล้ว หัวใจของพี่ชายดูเหมือนจะแข็งกระด้างขึ้น
ตอนเฉินเหยียนอายุห้าขวบครึ่ง เฉินหยู่ใช้เงินที่เก็บสะสมส่งเขาไปโรงเรียนอนุบาล เขาร้องไห้อย่างหนัก แต่เฉินหยู่หันหลังเดินจากไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ปล่อยให้น้องดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของครู ร้องเรียกพี่ชายอย่างสุดหัวใจ
ตอนนั้นเฉินหยู่อายุเกือบสิบสองปี เขาหางานมานานกว่าจะพบไซต์ก่อสร้างที่ยอมรับเขา เพราะเขายังเป็นเด็ก หางานจริงจังไม่ได้ ไม่มีใครอยากรับเขา
เขาปรึกษาเจ้าของร้านอาหาร เจ้าของร้านไม่ได้ว่าอะไร แค่บอกให้ระวังตัว เขาตอบรับ
เขาขนอิฐในไซต์ก่อสร้าง และเริ่มใช้เงินซื้ออาหารกินเอง เพราะเขาได้ยินว่ามีที่ชกมวยใต้ดินที่ได้เงินมาก แค่อายุสิบหกก็เข้าได้แล้ว
เขาตัดสินใจว่าจะไปที่นั่นในอนาคต แม้จะอันตรายกว่าไซต์ก่อสร้างแน่ แต่ได้เงินมากกว่า เฉินเหยียนต้องเข้าประถม เข้ามัธยม เข้าไฮสคูล เข้ามหาวิทยาลัย และยังต้องแต่งงานในอนาคต เขาไม่สามารถยากจนแบบนี้ตลอดไปได้
ถ้าเขาตายจริงๆ ก็ช่วยไม่ได้ ก็คงต้องแล้วแต่โชคชะตาของเฉินเหยียนเอง