


บท 1
ฟ้าสีเทาหม่นโปรยสายฝนลงสู่โลกมนุษย์ เม็ดฝนกระทบกระจกหน้าต่างเก่าๆ ส่งเสียงกังวานใสไม่รบกวนหู กลับให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
ห้องเรียนที่ปิดสนิทจมอยู่ในความมืด มีเพียงภาพงดงามคลาสสิกบนจอโปรเจคเตอร์ที่กำลังฉายวูบวาบ แสงสีเหลืองหม่นส่องกระทบใบหน้าของนักเรียนที่นั่งเอนกายระเกะระกะเป็นแถวๆ เผยให้เห็นดวงตากลมโตราวกับลูกองุ่นดำ
บนจอใหญ่กำลังฉายภาพยนตร์คลาสสิกเรื่อง "ไททานิค"
ไม่ใช่ฉากที่โรสถูกแจ็คโอบเอวยืนต้านลมที่หัวเรือ แต่เป็นฉากที่คาร์ล ชายคนรักเดิมของโรส เมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของเขาชอบแจ็ค เขาโกรธจัดจนคว่ำโต๊ะอาหารและตบหน้าโรสเต็มแรง
เมื่อเสียงตบดังขึ้น ดวงตาดำขลับของทุกคนในห้องเบิกโพลง บางคนเป็นนักเรียนหญิงพึมพำเบาๆ ว่า "ผู้ชายน่ารังเกียจ ทำอะไรแบบนี้ได้ยังไง"
เหยียนหลี่ที่นั่งอยู่แถวรองสุดท้ายกลับเท้าคางและยิ้ม ดวงตาเรียวยาวของเธอหรี่เป็นเส้นบางๆ สายตาจับจ้องที่คาร์ลอย่างเปล่งประกาย
เพื่อนตัวอ้วนที่นั่งอยู่ข้างหน้าเอียงหน้ามองเธอแล้วเอานิ้วจิ้มศีรษะเธอ
"ยิ้มอะไรของเธอน่ะ?" เพื่อนอ้วนถาม
เหยียนหลี่ใช้ฟันบนกัดริมฝีปากล่างบางๆ ของเธอ รอยยิ้มนั้นยิ่งดูหวานขึ้น
"ฉันชอบคาร์ล" เธอตอบ
เพื่อนอ้วนแทบจะกระอักเลือด
"บ้าไปแล้ว"
ไททานิคเป็นหนังรักคลาสสิกที่ทุกครั้งที่คนนึกถึง สมองจะเต็มไปด้วยเรื่องราวความรักอันยิ่งใหญ่และสะเทือนใจระหว่างโรสกับแจ็ค พร้อมกับความรู้สึกรังเกียจคาร์ลผู้ต่ำช้า เห็นแก่ตัว และหมกมุ่นในเงินทอง แต่เหยียนหลี่กลับชอบคาร์ล ชอบถึงขนาดที่มุมปากของเธอยกขึ้นเป็นรอยยิ้มโดยธรรมชาติ
ครูสอนภาษาอังกฤษตั้งใจยกระดับความสามารถทางภาษาของทุกคน จึงได้ขอแลกคาบกับครูวิชาอื่นเพื่อใช้เวลาบ่ายทั้งบ่ายให้นักเรียนได้ดูหนังเรื่องนี้ ขณะที่ฝนด้านนอกกระหน่ำลงบนหน้าต่าง ภาพยนตร์ค่อยๆ ดำเนินมาถึงตอนจบ
ไฟในห้องเรียนถูกเปิดทั้งหมด แสงจ้าทำให้นักเรียนต้องค่อยๆ ปรับสายตาอยู่พักใหญ่กว่าจะลืมตาได้ ครูเริ่มเขียนบทสนทนาคลาสสิกจากภาพยนตร์บนกระดาน พร้อมอธิบายโครงสร้างประโยค ความหมาย และชนิดของคำอย่างกระตือรือร้น...
เพื่อนอ้วนเริ่มหลับแล้ว เขาฉลาด แม้ไม่ฟังเรียนก็ยังได้คะแนนดีอย่างสบายๆ เหยียนหลี่ถอนหายใจเบาๆ จับปากกาขึ้นมา บังคับตัวเองให้ตั้งใจฟัง ดวงตาจับจ้องที่ประโยคภาษาอังกฤษมากมายบนกระดานดำ มือข้างหนึ่งจดบันทึกลงในช่องว่างของตำรา
นักเรียนที่กำลังจะเผชิญการสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างไวต่อความรู้ ทุกคนจ้องมองขึ้นไปที่หน้าชั้นด้วยสายตาเป็นประกาย เหยียนหลี่จดบันทึกอย่างรวดเร็ว ราวกับอยากจดทุกคำพูดของครูเอาไว้
แต่ซุนเสี่ยวเสี่ยว เพื่อนที่นั่งข้างๆ กลับดูผ่อนคลายเป็นพิเศษ เธอไม่ได้จดบันทึก ไม่แม้แต่จะเปิดตำรา เพียงแค่จ้องมองประโยคบนกระดาน ดูครุ่นคิดราวกับนักปรัชญา
เสี่ยวเสี่ยวเป็นเพื่อนสนิทของเหยียนหลี่ ลูกสาวตระกูลร่ำรวยที่ทั้งหน้าตาดีและสมองเป็นเลิศ ผลการเรียนของเธอดีเยี่ยมจนไม่มีอะไรจะติ
เหยียนหลี่เอียงหน้าเล็กน้อย แสงย้อนทำให้เห็นจมูกเล็กๆ ของเธอ ดวงตาเหลือบมองเสี่ยวเสี่ยวอยู่สองสามวินาที ก่อนจะหันกลับไป ดวงตาซ่อนอยู่ใต้ผมหน้าม้าที่ตกลงมาจากศีรษะ เธอหยุดเขียน เปลือกตาลดต่ำลง ขนตาหนาทิ้งเงาเป็นแถวบนใบหน้า
ในหัวของเธอดังขึ้นด้วยเพลงจากภาพยนตร์เมื่อครู่
ทำนองอันเศร้าสร้อยราวกับภาพที่อยู่ไกล แล้วค่อยๆ เข้าใกล้ ชัดเจน และค่อยๆ เลือนรางไปอีกครั้ง
ความคิดของเธอล่องลอยไปไกล
"เหยียนหลี่!"
เสียงตะโกนดังขึ้นในโลกแห่งภวังค์ เหยียนหลี่สะดุ้ง กะพริบตา สายตาค่อยๆ โฟกัสที่ใบหน้าของครูประจำชั้น แต่สีหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง
เธอเป็นเด็กสาวที่เพียงแค่มอง ก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน เงียบขรึม และแม้กระทั่งความเก็บตัว ร่างผอมบางของเธอสวมชุดนักเรียนที่หลวมเกินไป ใบหน้าเล็กๆ ซีดขาวแทบไม่มีอารมณ์ใดๆ ปรากฏ ทำให้ดูเหมือนคนเฉื่อยชา
เสี่ยวเสี่ยวเอานิ้วจิ้มแขนเธอ เอียงหน้ามองเธอ
"เป็นอะไรไปน่ะ?"
เพื่อนอ้วนที่ตื่นขึ้นมาดูเรื่องสนุก เช็ดน้ำลายออกจากมุมปาก หันมามองเหยียนหลี่ด้วยสีหน้าสะใจ
เหยียนหลี่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า ตอนนี้ครูประจำชั้นสวมรองเท้าส้นสูงมาหยุดตรงหน้าเธอแล้ว มองเธอด้วยท่าทางเชิดหน้า
"คิดว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังอีกไกลใช่ไหม? ดูสิ ดูนั่น"
ครูชี้ไปที่การนับถอยหลังที่มุมขวาบนของกระดานดำที่ถูกลบมานับครั้งไม่ถ้วน: 154 วัน
สายตาของเหยียนหลี่ตกลงบนตัวเลขนั้น ไม่มีอารมณ์ใดๆ ปรากฏ
"ยืนฟังบทเรียน" ครูสั่ง
เหยียนหลี่ก้มหน้าลงเล็กน้อย ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์ปะปน
เสี่ยวเสี่ยวดึงแขนเสื้อของเธอ
"ไม่เป็นไรหรอก" เสี่ยวเสี่ยวพูดเสียงเบา
เหยียนหลี่เงยหน้าขึ้นมองกระดาน เผลอใจลอยอีกครั้ง กระดานถูกเขียนจนเต็ม ทุกมุมเต็มไปด้วยคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ประโยคภาษาอังกฤษที่ถูกวงกลมด้วยชอล์กสีแดงตรงกลางกระดานทำให้เหยียนหลี่เหม่อลอย พอดีกับที่ครูกำลังอธิบายประโยคนั้น
"นักเรียนทุกคน การเรียนภาษาอังกฤษไม่ควรตึงเครียดเกินไป เราต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนวิธีคิดเพื่อเข้าใจภาษาอังกฤษ ใส่วัฒนธรรมความเคยชินของชาวต่างชาติเข้าไปในสมองของเรา แล้วทำให้มันเป็นของเราเอง ยกตัวอย่างประโยคนี้ 'You jump, I jump' ลองแปลดูสิ"
นักเรียนทั้งห้องตื่นเต้น ประโยคนี้ถือเป็นคลาสสิกของคลาสสิก
เพื่อนอ้วนอาสา ลุกขึ้นยืน
"เธอกระโดด ข้าก็กระโดด"
ห้องเรียนระเบิดเสียงหัวเราะ บางคนถึงกับตบโต๊ะ
ครูประจำชั้นขว้างชอล์กใส่เพื่อนอ้วน แต่เขาหลบได้อย่างง่ายดาย ชอล์กจึงลอยไปโดนหน้าผากของเหยียนหลี่แทน
ทุกคนรวมทั้งครูประจำชั้นเงียบกริบในทันที
ครูประจำชั้นที่เมื่อครู่ยังพูดจาฉะฉาน สีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาฉายแววขอโทษ
เหยียนหลี่ถูกชอล์กกระแทกจนต้องกะพริบตา แล้วค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น สายตาของเธอเหมือนอุโมงค์อันว่างเปล่า เชื่อมต่อกับประโยคที่ถูกวงกลมบนกระดาน
You jump, I jump.
หลังจากเงียบไปนาน เธอค่อยๆ ขยับริมฝีปาก
"เป็นตายร่วมกัน"