บทที่ 1

ฉันวิ่งไปตามโถงทางเดินของมหาวิทยาลัย สัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ไหลอาบแผ่นหลังขณะที่เช็กตารางเรียนคาบแรกอย่างร้อนรน การตื่นสายในวันแรกของการเรียนเนี่ย มันเป็นอะไรที่สไตล์ฉันสุดๆ เลย

“เชี่ย เชี่ย เชี่ย!” ฉันสบถกับตัวเองเบาๆ ขณะที่สะดุดขาตัวเองจนหนังสือกองโตหลุดจากมือ ฉันรีบคว้ามันขึ้นมาแล้ววิ่งต่อ หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะไปทันเวลา

ในที่สุดฉันก็เห็นป้ายห้องบรรยาย 301 แล้วพรวดพราดเข้าไปในห้องโดยไม่คิดจะเคาะประตูด้วยซ้ำ ทั้งห้องเงียบกริบ ทุกสายตาจับจ้องมาที่ฉันขณะที่ฉันเดินสะดุดอย่างงุ่มง่ามเพื่อหาที่นั่ง

ชายที่อยู่หน้าห้องซึ่งฉันเดาว่าเป็นอาจารย์ จ้องฉันเขม็งด้วยสีหน้าเรียบตึงราวกับว่าฉันเพิ่งจะบุกเข้าไปขัดจังหวะงานศพพ่อของเขาในชุดแต่งงาน

ฉันหัวเราะแหะๆ พร้อมกับยกมือขึ้นเชิงขอโทษ พยายามทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ รู้สึกเหมือนนักศึกษาทุกคนกำลังจ้องมองฉันอยู่จนกระทั่งในที่สุดอาจารย์ก็ยอมพูดขึ้นมา

“อย่างที่ผมกำลังพูดไปก่อนที่จะถูกขัดจังหวะอย่างไม่มีมารยาท” เขาเริ่มพูด พลางชำเลืองมองมาทางฉัน “ผมชื่อศาสตราจารย์แกรี่ และผมจะเป็นอาจารย์สอนวิชาการถ่ายภาพของคุณในเทอมนี้”

ฉันทรุดตัวลงบนเก้าอี้มากขึ้นไปอีก ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายกับการมาถึงอย่างซุ่มซ่ามของตัวเอง

“ว้าว เปิดตัวได้เริ่ดมาก! ขนาดเป็นเลสเบี้ยนด้วยกันยังอายแทนเลย” ฉันได้ยินเสียงกระซิบจากข้างๆ เลยหันไปเห็นผู้ชายผมดำตาสีฟ้าเข้มคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มเจิดจ้าแบบดาราฮอลลีวูดมาให้

“ว่าไงนะ” ฉันเลิกคิ้ว ประหลาดใจในความใจกล้าของเขา “ใครบอกนายว่าฉันเป็นเลสเบี้ยน”

“โอ๊ย แม่คุณเอ๊ย” เขากรอกตา “เชือกรองเท้าสีรุ้ง? เสื้อเชิ้ตผ้าสักหลาด? แล้วเล็บเธอนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยนะ”

“นี่นายสังเกตทั้งหมดนั่นได้ใน 10 วินาทีเลยเหรอ ให้ทายนะ... เกย์ใช่ปะ” ฉันหัวเราะเบาๆ พยายามคลายความตึงเครียด

“เซบาสเตียนต่างหาก” เขาตอบพร้อมกับยื่นมือมาให้ฉันจับ “และจากนี้ไป... เพื่อนซี้ของเธอ”

“เยี่ยมเลย ขั้นแรกสำเร็จไปได้ด้วยดี อย่างน้อยก็มีเพื่อนแล้ว” ฉันพูดขณะจับมือเขาแล้วยกนิ้วโป้งให้

เราทั้งคู่หันกลับไปสนใจอาจารย์ที่กำลังพูดถึงองค์ประกอบพื้นฐานของการถ่ายภาพต่อ ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก

วันนี้มันน่าจะแย่กว่านี้ได้อีกเยอะ การได้เรียนปริญญาด้านการละครเป็นความฝันของฉันมาตลอด และถึงแม้ฉันจะไม่ได้สนใจการถ่ายภาพเป็นพิเศษ แต่มันก็เป็นวิชาพื้นฐานที่ต้องเรียนให้จบในปีแรกของมหาวิทยาลัย

ตั้งแต่เด็กฉันก็หลงใหลในการแสดงแล้ว ฉันไปคัดตัวนักแสดงหลายครั้งและได้เล่นบทเล็กๆ ในโฆษณาทีวีสองสามชิ้น แต่มันก็ยังห่างไกลจากสิ่งที่ฉันอยากทำหรือคนที่ฉันอยากจะเป็น

คาบบรรยายจบเร็วกว่าที่คาดไว้เพราะเป็นแค่การเกริ่นนำ พอมีเวลาว่าง เซบาสเตียนกับฉันเลยตัดสินใจไปหาอะไรดื่มด้วยกันเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

“แล้วนายตั้งใจจะเรียนเอกอะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความอยากรู้จริงๆ

“ฉันอยากเป็นผู้กำกับ เหมือนพี่ชายของฉันน่ะ เขาเป็นฮีโร่ของฉันเลย” เซบาสเตียนตอบ น้ำเสียงเจือความภาคภูมิใจ

“พี่ชายนายคือใครเหรอ” ฉันถาม

"เธอต้องรู้จักเขาแน่ๆ เขาเป็นผู้กำกับชื่อดัง... เอซรา กาเอล" เซบาสเตียนพูดพลางยิ้มจนตาเป็นประกาย

"จริงเหรอ ล้อกันเล่นใช่ไหม!" ฉันอุทาน เอซรา กาเอลเป็นชื่อที่ใครๆ ก็รู้จักในวงการ และการที่เซบาสเตียนเป็นน้องชายของเขาทำเอาฉันอึ้งไปเลย

เซบาสเตียนหัวเราะเบาๆ "งั้นเธอก็รู้จักเขาสินะ ดีเลย"

"รู้จักสิ! เขาทำงานกับโอลิเวีย โลเปซนี่นา เธอเป็นดาราในดวงใจของฉันตั้งแต่ตอนอายุ 12 เลยนะ" ฉันอุทาน นึกถึงนักแสดงสาวสวยที่ครองใจคนไปทั่ว

"ใช่แล้วล่ะ ฉันเจอเธอที่กองถ่ายหลายครั้งแล้ว" เซบาสเตียนพูดพลางหัวเราะเบาๆ

"ไม่จริงน่า! เธอโชคดีสุดๆ ไปเลย! เล่าให้ฟังหน่อยสิว่าตัวจริงเธอเป็นคนยังไง" ฉันกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น อยากจะฟังเรื่องของเธอใจจะขาด

"อืม ตัวจริงเธอน่าทึ่งมากเลยนะ เธอเป็นคนถ่อมตัว ติดดิน แล้วก็เป็นคนที่คุยด้วยง่ายมากๆ" เซบาสเตียนเล่า และหัวใจของฉันก็เต้นรัวขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น วันนี้มันดีขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ

"จริงๆ แล้วฉันอยากเรียนเอกการแสดงก็เพื่อหวังว่าสักวันจะได้มีโอกาสเจอเธอนั่นแหละ" ฉันพูดพลางพิงกำแพงแล้วจิบกาแฟอีกอึก

"อ้อ งั้นเธอก็อยากเป็นนักแสดงสินะ แล้วได้เริ่มงานแสดงบ้างหรือยัง หรือว่ารอให้เรียนจบก่อน" เซบาสเตียนถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นมาทันที

"เคยเล่นบทรองมาบ้างสองสามเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่บทที่จะทำให้ฉันได้เข้าใกล้อยู่ในระดับเดียวกับโอลิเวียหรอก" ฉันหัวเราะแหะๆ รู้สึกอายกับบทที่เคยได้รับมานิดหน่อย

"แล้วเธอมีเอเจนซี่สังกัดอยู่ไหม หรือว่าแค่ลองหาลู่ทางด้วยตัวเอง" เซบาสเตียนถาม

"ก็มีเอเจนซี่นะ แต่พวกเขาไม่ค่อยป้อนงานให้ฉันเท่าไหร่ บทที่ได้ก็มีแต่แนวเดิมๆ... ขายหน้าตาอย่างเดียว ไม่ได้ท้าทายความสามารถทางการแสดงเลย ฉันไม่มีปัญญาปฏิเสธงานหรอก แต่ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองติดแหง็กอยู่กับงานโฆษณา" ฉันอธิบาย หวังว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน

"ฉันเข้าใจเลย เธอดูสวยใสบริสุทธิ์จริงๆ นั่นแหละ" เซบาสเตียนหัวเราะเบาๆ และฉันก็อดรู้สึกดีใจแกมเขินนิดๆ ไม่ได้

"เอาอย่างนี้ไหม" เซบาสเตียนพูด แววตาเป็นประกาย "เอซรากำลังจะเปิดออดิชันซีรีส์เรื่องใหม่ที่พวกเขากำลังจะถ่ายทำกันพอดี ฉันไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่เดี๋ยวฉันบอกได้ว่าเขาออดิชันกันเมื่อไหร่ แล้วเอเจนซี่ของเธอก็ลองติดต่อไปขอรับบทดู"

ฉันตกใจจนเกือบทำกาแฟหก "จริงเหรอ" ฉันอุทานอย่างตื่นเต้น

เซบาสเตียนหัวเราะ "ใช่ แต่เอเจนซี่ของเธอต้องส่งเธอเข้าไปให้ได้นะ บริษัทของพี่เขาน่ะการแข่งขันสูงมาก" เขาพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

"แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ขอบคุณมากจริงๆ นะ!" ฉันร้องเสียงหลงแล้วโผเข้ากอดเขา

"เธอว่าฉันจะมีโอกาสบังเอิญเจอโอลิเวียไหม" ฉันพูดพลางหัวเราะแห้งๆ

"ตอนนี้พี่เขาไม่ได้ทำงานกับเธอแล้วนะ แต่ใครจะไปรู้ล่ะ" เซบาสเตียนพูดพลางเคาะคางตัวเองเบาๆ

"บ้าน่า! ฉันแค่ล้อเล่น ตอนนี้ฉันชักจะประหม่าขึ้นมาจริงๆ แล้วเนี่ย" ฉันพูด รู้สึกกังวลใจ

"ตั้งใจไปออดิชันให้ผ่านก่อนเถอะ แล้วค่อยกังวลเรื่องที่จะบังเอิญเจอดาราในดวงใจของเธอก็ยังไม่สาย" เซบาสเตียนพูดพลางกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย

"นั่นสินะ เธอพูดถูกเผงเลย ใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง" ฉันพูดพลางยิ้ม พลางสงสัยว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

บทถัดไป