บทที่ 3
มุมมองของโซยา
เอซร่าส่งยิ้มเป็นมิตรแล้วเริ่มอธิบายรายละเอียดของบทที่ฉันมาทดสอบ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวดราม่าเข้มข้นเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่สูญเสียสามีไปขณะกำลังตั้งครรภ์ และตอนนี้ต้องมารับมือกับความท้าทายในการบริหารอาณาจักรธุรกิจของเขา แม่สามีและน้องชายของสามีต่างก็จ้องจะฮุบทุกอย่างไปเป็นของตัวเอง รวมไปถึงลูกของเธอด้วย ฉันมาคัดเลือกในบทพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งเป็นบทที่ต้องปรากฏตัวในเกือบทุกตอน ถึงแม้จะเป็นเพียงบทสมทบเล็กๆ ฉันก็ตื่นเต้นกับโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่องที่น่าติดตามเช่นนี้
ขณะที่ฉันรอ พวกเขาก็ยื่นบทฉากนั้นให้ฉัน ฉันกวาดสายตาอ่านบท ซึมซับจังหวะและอารมณ์ของตัวละคร ฉันอ่านมันอีกครั้ง ช้าลงกว่าเดิม ปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกค่อยๆ จมลึกลงไป ฉันหลับตาลง จินตนาการภาพฉากนั้น นึกถึงเดิมพันของเรื่อง โทนของฉาก และความตึงเครียดที่ซ่อนอยู่ หัวใจฉันเริ่มเต้นเร็วขึ้น—นี่คือโอกาสของฉัน
ฉันก้าวไปยืนบนตำแหน่งที่มาร์กไว้และสูดหายใจเข้าลึกเป็นครั้งสุดท้าย เอซร่าพยักหน้าเล็กน้อย และกล้องก็เริ่มเดิน
ฉากเปิดด้วยเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากนอกจอ ฉันในบทพี่เลี้ยงเด็กย่อตัวลง ทำทีเป็นเก็บของเล่นที่กระจัดกระจายอยู่ในห้องเด็ก
“ชู่ว์” ฉันกระซิบในความเงียบ เสียงเบาแต่เร่งรีบ “เดี๋ยวพวกนั้นก็ได้ยินเราหรอก”
จากนั้นฉันก็ลุกขึ้นยืนและหันไปเผชิญหน้ากับคุณแม่ในจินตนาการที่เพิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้อง
“ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าบ้านหลังนี้ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป” ฉันพูด เสียงสั่นแต่เด็ดเดี่ยว “น้องชายสามีของคุณอยู่ตรงโถงทางเดิน เขาเห็นเรา”
ฉันหยุด กลืนน้ำลาย และปล่อยให้ดวงตาร้อนผ่าวราวกับกำลังปกป้องเด็กที่ไม่ใช่ลูกของตัวเอง—แต่กลับรู้สึกผูกพันเหมือนเป็นลูกแท้ๆ
“คุณจะเกลียดฉันก็ได้ที่ไปให้การกับตำรวจ” ฉันพูดต่อ “แต่ฉันยอมตกงานดีกว่าเห็นแกต้องเจ็บตัว คุณก็รู้ว่าคนอย่างนั้นทำอะไรได้บ้าง”
ฉันทิ้งจังหวะสุดท้าย มองเหม่อไปยังที่ไกลๆ ราวกับกำลังจ้องมองความจริงอันตรายที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึง
ความเงียบ
“คัท” เอซร่าพูดเบาๆ
พอฉันแสดงฉากของตัวเองจบ ฉันลืมตาขึ้นก็เห็นเอซร่ายิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น “เป็นฉากที่งดงามมาก โซยา” เขาพูดพลางลุกขึ้นยืนและชมการแสดงของฉัน “ผมมีคอมเมนต์นิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วต้องบอกว่าผมประทับใจมาก” เขาเสริม แล้วหันไปทางชายที่อยู่ด้านขวา
“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ” ชายคนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า “อันที่จริง คุณดูเหมือนตัวละครที่ผมจินตนาการไว้ตอนเขียนเรื่องนี้เป๊ะเลย”
ฉันตั้งใจฟัง หัวใจพองโตด้วยความยินดี ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูเบาๆ ก็ขัดจังหวะการสนทนาของเรา เผยให้เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้ามาในห้อง ฉันอดไม่ได้ที่จะสังเกตเห็นใบหน้าที่สะสวยจนน่าทึ่งของเธอ ผมสีดำยาวสลวยของเธอทิ้งตัวเป็นลอนคลายๆ กลางแผ่นหลัง ผิวสีมะกอกของเธอดูเปล่งปลั่ง ขับให้เด่นขึ้นด้วยบลัชออนสีชมพูอ่อน ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอสีเข้มและดูลึกลับ ทำให้เธอมีออร่าที่น่าค้นหา ท่วงท่าของเธอมั่นคงและสง่างาม แผ่รังสีของความสูงส่งออกมา
หัวใจฉันเต้นรัวขณะจับจ้องไปที่หญิงสาวสวยสง่าที่กำลังเดินเข้ามาทางประตู โอลิเวีย โลเปซ คนที่ฉันใฝ่ฝันอยากจะเจอ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว ฉันได้ยินเสียงชีพจรเต้นตุบๆ อยู่ในหู รอยยิ้มสวยสะกดของเธอแวบหนึ่งทำเอาฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว และรู้สึกเหมือนขาจะทรุดลงไปกองกับพื้น
“โอลิเวีย นี่โซยา” เอซร่าพูด “ผมเชื่อว่าเธอคือคนที่เรากำลังตามหาอยู่”
หัวใจฉันรู้สึกเหมือนจะทะลุออกมาจากอก ดวงตาของโอลิเวียเป็นประกายขณะที่เธอมองสำรวจฉัน และฉันรู้สึกราวกับจะละลายไปใต้สายตาของเธอ ห้องเริ่มหมุน ลมหายใจฉันตื้นขึ้น และก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ทุกอย่างก็ดับวูบไป
“โซยา...” ฉันได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชื่อฉันแว่วมาจากที่ไกลๆ
ขณะที่ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้ายังคงพร่ามัว ฉันเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเอซร่าก้มลงมามอง “ขอบคุณพระเจ้าที่คุณไม่เป็นอะไร” เขาพูดพลางส่งสัญญาณให้คนเอาน้ำมาให้ฉัน
ขณะนอนอยู่บนพื้นเย็นๆ ฉันก็ประหลาดใจที่หัวของตัวเองรู้สึกสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ ทันใดนั้น ฉันก็เงยหน้าขึ้นและสบเข้ากับดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งที่กำลังมองลงมา ตามด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น ฉันพร้อมที่จะเป็นลมไปอีกรอบในทันทีด้วยความอับอายล้วนๆ
“สวัสดีค่ะ” เธอกล่าวอย่างปลอบโยน ขณะที่ศีรษะหนุนอยู่บนตักของโอลิเวีย ฉันก็อดสงสัยไม่ได้—นี่ฉันกำลังฝันไปหรือเปล่า?







































































