บทที่ 4 Young Master [1]
[พาร์ท : สมิง]
ผมนั่งกดมือถือยิกๆ เล่นเกมกับเพื่อนในเกมฆ่าเวลาไอ้ความรู้สึกหัวควยในหัวอย่างเมามันส์
ไอ้บุหรี่นั่งดูหนังโป๊อยู่อีกหัวมุมด้วยโน๊ตบุ้คคู่ใจของแม่ง อีเจ๊มดกลับไปแล้ว นมใหญ่ๆ กับบั้นท้ายงอนๆ ทำเอาต้องเผลอใจอยู่ชั่วครู่ แต่ผู้หญิงที่อยู่ในหัวดันเป็นยัยหน้าเด็กนั่น
เวรเอ้ย สลัดอีปูน้อยออกไปไม่ได้!
น่าเศร้าที่ระหว่างเล่นเกม ไอ้หยาดแม่งก็โทรเข้ามาไม่ดูจังหวะจะโคนเป็นสิบยี่สิบสาย
แค่ไม่ไปตามนัดต้องโทรจิกอะไรขนาดนั้นวะ ไอ้สัส
“เหี้ยเอ้ย แพ้เลยไอ้เวร” ตะคอกลั่นตอนที่ปามือถือลงพื้นจนหน้าจอแตก แต่ไอ้เหี้ยบุหรี่ไม่มีท่าทางว่าจะหันมาสนใจหรือยี่หระอะไร มันนั่งดูหนังโป๊อย่างตั้งใจ
ผมหงุดหงิดเลยเดินออกไปจะดูดบุหรี่ข้างนอกในขณะที่เก็บมือถือมาเพื่อจะกดโทรหาผู้หญิงสักคนให้เริงอารมณ์ระหว่างนั้น แต่กลับไม่มีอารมณ์กำหนัดจนต้องตัดสายทิ้งทั้งที่ยัยผู้หญิงคนนั้นยังไม่รับ
ไอ้หยาดโทรเข้ามาอีกสาย ที่ไม่ได้บล็อกเบอร์เพราะมันคือหนึ่งในแก๊งของเรา เลยกดรับสายอย่างยอมแพ้
ติ๊ด
“ว่าไงครับคุณหยาดคนสวย?” หยอกไปนิด ก็นะ กูไม่รู้สึกผิดเหี้ยไรหรอก
[สวยที่หน้าพ่อมึงดิ] มันตวาดกลับมาทันที ท่าจะโกรธหนัก แต่แล้วไงอ่ะ [มึงรู้มั้ยว่ามึงทำกูลำบากขนาดไหนไอ้เวร]
“ก็นะ” ไหวไหล่ตอนที่แนบมือถือไว้ข้างหูแล้วใช้ไหล่ดันไว้ ขณะที่คาบบุหรี่มาโบโรของไอ้ตีหรี่มาจุดไฟแช็คสูดควันเข้าปอด “กูไม่รู้หรอก”
[แต่เผอิญว่ากูรู้ว่ามึงติดพันอะไรอยู่] คิ้วกูกระตุกเมื่อได้ยินว่ามันพูดเรื่องห่าไรไม่รู้ จนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง
ไอ้เหี้ยหยาดมันเล่นอะไรอีกแล้ววะ
กูพ่นควันบุหรี่ออกจมูกตอนที่เดินเกาหัวไปส่องตาแมว พอเห็นว่าเป็นไอ้หยาดกับพรรคพวกก็ตีหน้าเซ็ง ก่อนที่จะเปิดประตูให้แม่ง
พลั่ก!
ทันทีที่เปิดไปตรงหน้า หมัดหนักๆ ของไอ้หยาดก็สวนเข้าที่ข้างแก้มขวาจนเซเข้าไปในห้องทันทีแบบไม่ต้องคุยห่าไรกันก่อน มันเป็นพวกปากว่ามือถึง บุหรี่ที่คาบไว้ถูกกัดจนป่นปี้ ก่อนที่จะถูกคลายปากออกจนหล่นลงไปที่พื้น
สัสเอ้ย เจ็บชิบ
“ละ ลูกพี่หยาด!” ลูกน้องของมันกรูกันไปคว้าแขนไอ้หยาดไว้ที่ทำท่าจะถีบยอดอกผมต่อ แต่มือมันข้างนึงกำลังคว้าข้อแขนของผู้หญิงตัวเล็กๆ สักคนมาด้วยเลยทำไรไม่ได้มากกว่านั้น
กูถ่มน้ำลายลงพื้น เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่กำลังหมายตา
“พะ... พี่หยาด! อย่าทำแบบนั้นค่ะ” เธอกอดแขนไอ้เหี้ยหยาดเอาไว้แน่นไม่ให้มาทำร้ายผมได้อีก แต่มันกลับถลึงตาฉีกยิ้มเลือดเย็น เหมือนการต่อยหน้าเพื่อนร่วมธุรกิจเป็นอะไรที่โคตรน่าหฤหรรษ์
“ต่อยกูทำเหี้ยไร” กูถุยเลือดลงพื้นเพราะอย่างที่บอก ไอ้หยาดมันเก่งเรื่องต่อยตี มันเรียนมวยมา การต่อสู้นับว่าเป็นที่หนึ่ง แถมยังเป็นสตรีทไฟต์เตอร์ รู้จักประยุคดัดแปลงการต่อสู้ ไม่ต่อสู้ในกฎเกณฑ์ง่อยๆ
“ค่าที่ปล่อยกูลุยเดี่ยว กูคงไม่เอาเศษเงินของมึงเป็นค่าจ้างหรอก” มันกระตุกยิ้มจนเห็นเขี้ยว หักนิ้วกรอบแกรบ ก่อนที่จะผลักยัยตัวเล็กนั่นจนเซมาชนอกผมจนต้องรวบเอวไว้ “เดี๋ยวนี้เลือกคู่ขาเก่งดีนี่ อีนี่แม่งเป็นมวยด้วย”
“ว่าไงนะ?”
เป็นมวย? พล่ามไรของแม่ง
“ดูแผลตรงแก้มกูสิ อีนี่แม่งต่อยหมัดเดียว หน้ากูชาไปครึ่งแถบ” กูเบิกตากว้างตอนมันใช้นิ้วชี้ที่ไว้เล็บจนยาวจิ้มตรงแก้มที่เป็นรอยช้ำ หันกลับไปมองยัยปูน้อยที่อยู่คาอก เธอตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ดูยังไงก็ไม่น่าทำอะไรไอ้หยาดจนได้แผลขนาดนั้น
“จะปดไรก็เอาเรื่องที่แม่งเป็นไปได้หน่อยไอ้ควาย” พูดแล้วดึงเธอมาหลบข้างหลัง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน สงสัยต่อมคนดีจะทำงาน
“มึงดูถูกผู้หญิงมากเกินไปนะไอ้หมิง อย่าคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะอ่อนแอให้มึงรวบหัวรวบหางได้ง่าย” มันกอดอกแล้วกระดิกนิ้วให้ลูกน้องมันพุ่งเข้าหายัยตัวเล็กที่อยู่ข้างหลัง กูทำท่าจะสวน แต่เธอไวกว่า
อีปูน้อยตั้งท่าใช้เข่ากระแทกลูกหมากมันเต็มๆ ต่อหน้าผมและไอ้หยาดกับลูกน้องของมัน
พลั่ก!!
“อ้ากกกก!” ไอ้ขี้ข้าตัวนั้นล้มลงกุมเป้าร้องโอดโอย “อีนี่แม่งแรงเยอะชิบหาย!!”
“ยะ... อย่าให้น้องต้องใช้ความรุนแรงเลยนะคะ!” เธอตะโกนแทรกเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ หวานๆ นั่น ดูน่ารักน่าหยอกมากกว่าจะน่าเกรงขาม แต่ภาพที่เธอศอกเข่าใส่เป้าลูกน้องไอ้หยาดแม่งติดตากูมาก “ถึงพี่สมิงเขาจะเลว แต่ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาค่ะ!”
กูชะงักไป ยัยนี่แม่งบอกว่าผมเลวว่ะ พูดออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
กูแสยะยิ้ม ตวัดสายตามองไอ้หยาดที่ฉีกยิ้มกลับอย่างรู้กัน
ผู้หญิงที่ดูจะอ่อนแอ ยอมให้โดนตบเหมือนไอ้พวกกระจอก แต่จริงๆ แล้วกลับมีของดีซ่อนอยู่
ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่
พลั่ก!!
“อ้ากกกก!” ไอ้ขี้ข้าตัวนั้นล้มลงกุมเป้าร้องโอดโอย “อีนี่แม่งแรงเยอะชิบหาย!!”
“ยะ... อย่าให้น้องต้องใช้ความรุนแรงเลยนะคะ!” เธอตะโกนแทรกเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดขึ้นมาด้วยเสียงเล็กๆ หวานๆ นั่น ดูน่ารักน่าหยอกมากกว่าจะน่าเกรงขาม แต่ภาพที่เธอศอกเข่าใส่เป้าลูกน้องไอ้หยาดแม่งติดตากูมาก “ถึงพี่สมิงเขาจะเลว แต่ก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาค่ะ!”
กูชะงักไป ยัยนี่แม่งบอกว่าผมเลวว่ะ พูดออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
กูแสยะยิ้ม ตวัดสายตามองไอ้หยาดที่ฉีกยิ้มกลับอย่างรู้กัน
ผู้หญิงที่ดูจะอ่อนแอ ยอมให้โดนตบเหมือนไอ้พวกกระจอก แต่จริงๆ แล้วกลับมีของดีซ่อนอยู่
ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่
ผมยกมือขึ้นกอดอก กระดิกนิ้วทั้งห้าที่มีแหวนทองราคาแพงอย่างสบายอุรา ก่อนที่จะโพล่งขึ้นมาเสียงเข้มขึ้น
“มาคุยกันหน่อย น้องปูน้อย” ร่างเล็กที่ตั้งท่าจะชกอยู่ชะงักไป เธอกวาดสายตาไปมองรอบๆ ก่อนที่จะค่อยๆ หันหน้ามามองผมที่กระตุกยิ้ม
หน้าเธอซีดเผือดเมื่อกูดีดนิ้วเปาะ คงรู้ตัวแล้วดิว่าได้แสดงอะไรสุดมหัศจรรย์ลงไป
“อยากรู้ว่าท่าเตะผ่าหมากอันแสนวิเศษนั่น ไปได้มาจากไหนเหรอคะ?”
[จบพาร์ท : สมิง]
หนูนั่งเหงื่อแตกพลั่กๆ อยู่ในห้องที่กำลังเปิดแอร์เหน็บหนาว
ภาพตรงหน้าคือผู้ชายทั้งสามคน พร้อมกับลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่เป็นโขยง ดูเหมือนถ้าหนีไม่ยอมตอบอะไรตอนนี้ คงจะโดนรุมรังแกได้อย่างง่ายๆ เลยล่ะค่ะ
สมิงที่นั่งอยู่ตรงกลางถือโทรศัพท์สีชมพูของหนูเลื่อนดูหน้าเฟสที่มีเพื่อนไม่ถึง 200 กว่าคนของหนูอย่างสนใจสุดๆ เขาฉีกยิ้มตอนที่ลดมือที่ถือโทรศัพท์ลงแล้วสบตาสายตากับหนูที่รีบหลบตาไปอย่างรวดเร็ว
“ค่ายมวยหญิง? น่าสนใจดีนะ” เขาพูดพร้อมกับฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวกระจ่าง “แล้วทำไมถึงปิดเรื่องนี้ไว้ แล้วยอมโดนตบจนอ่วมขนาดนั้นวะ?”
“นะ... หนูไม่ชอบใช้ความรุนแรงค่ะ” หนูเลือกที่จะโกหกออกไป แล้วหลับตาปี๋เมื่อสมิงแค่นหัวเราะแล้วกางขาออกมามากขึ้น จนสายตาที่หนูโฟกัสอยู่กลายเป็นเป้ากางเกงที่กำลังตุงอยู่ของเขา “... อีกอย่างอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า ถ้าลงมืออาจจะเป็นการปีนเกลียว แล้วก็จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่มากกว่านี้ก็ได้นะคะ”
“เหอะ!” พี่หยาดสบถออกมา “แม่พระสิ้นดี”
“น่าตลกดีที่น้องเก่งมวยขนาดนั้น” สมิงฉีกยิ้มกริ่ม ก่อนที่จะโยนโทรศัพท์ส่งให้หนูที่รับแทบไม่ทัน “เอางี้ปะ”
“...”
“มาเป็นของพี่ซะ แล้วพี่จะปิดเรื่องที่เธอเป็นมวยไม่ให้คนอื่นรู้”
หนูหน้าเหวอออกมาทันที ตะ... ตรงประเด็นเกินไปแล้วค่ะ แล้วรู้ได้ยังไงว่าหนูต้องการปิดบังมันไว้ เพราะที่หนูพูดออกไปยังไม่มีคำว่าหนูต้องการจะปิดบังเลย
“มะ... ไม่ได้นะคะ” หนูรีบส่ายหน้าทันที สมิงเลยจิ๊ปาก “เรายังไม่ได้ตกลงดูใจกันเลย แล้วอีกอย่างน้องก็ไม่ได้ชอบพี่...”
“น่ารำคาญชิบหาย! แล้วจะยอมให้แพร่งพรายออกไปเหรอไง” แต่สมิงก็ตะคอกออกมาเหมือนไม่อยากฟัง เขาขยับเท้ามานั่งไขว่ห้างแบบผู้ชายแล้วเริ่มคีบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบต่อหน้า “ว่าน้องปูน้อยที่ยอมโดนรังแกเสมอมา ที่แท้โคตรเหง้าศักราชเสือกเป็นค่ายมวยหญิง แถมยังเตะผ่าหมากลูกน้องของแก๊งสมิงซะช้ำใน”
“...”
“ตลกร้ายดีที่ต้องบอกว่า ถ้าทุกคนรู้ เธอจะไม่มีเพื่อนในมหาลัยอีกแน่” ร่างสูงเอียงตัวมาตรงหน้าโต๊ะ แล้วสูดบุหรี่เข้าปอด พร้อมกับพ่นควันออกมาใส่หน้าหนูจนต้องไอค่อกแค่ก “แค่พี่ถูกใจหนู ไม่พอเหรอวะ”
“...”
“ต้องปฏิเสธอะไรขนาดนั้น” เขาฉีกยิ้มแล้วเอนตัวไปพิงกับพนักเก้าอี้แล้วพาดแขนกับไหล่ของพี่หยาดที่ปัดออกแทบจะทันทีอย่างรำคาญ ร่างสูงเลยพ่นควันบุหรี่ออกมา “ใช่มั้ยครับคุณหยาด”
“คนอย่างมึงอย่ามั่นหน้าว่าต้องมีผู้หญิงทุกคนมาชอบ” เขาพูดแดกดันแล้วพ่นควันบุหรี่ไปทางอื่น
“แล้วมึงอ่ะ ไอ้บุหรี่” พูดอย่างไม่ยี่หระกับคำด่า แล้วเอียงคอไปหาคนที่ชื่อบุหรี่ที่ตอนนี้ใส่กางเกงแล้วพร้อมกับส่งบุหรี่ที่ตัวเองดูดไปแล้วให้เขา บุหรี่เลยรับมาแล้วสูดควันเข้าปอดตอนที่จ้องหน้าหนูผ่านกลิ่นควัน
แววตาของเขาดูวาววับเหมือนมีความสนใจ แต่ก็คาดเดายากเหมือนกันในฐานะของคู่ต่อสู้
“ยังไงก็ได้” เขากระซิบเสียงแหบพร่าตอบกลับมา ก่อนที่จะดีดขี้บุหรี่ที่ปลายมวนทิ้ง “กูก็ชอบเหมือนกัน”
ชะ... ชอบเหมือนกัน?
หมายความว่ายังไงคะ
“อืม” สมิงตอบรับสั้นๆ เขาใช้นิ้วก้อยขยี้หูอย่างรำคาญ ก่อนที่จะผุดลุกขึ้นแล้วโน้มหน้าผ่านโต๊ะกระจกใสมาตรงหน้าหนูที่เหงื่อซ่กเต็มกรอบหน้า เขาคว้าปลายคางหนูด้วยมือใหญ่ๆ สากๆ นั่น แล้วแลบลิ้นออกมา
“อะ... แลบลิ้นทำไมคะ?”
“ถ้าอยากให้พี่ยอมแพ้” เขากรีดยิ้มตอนที่พูดคำต่อไป “ก็แสดงให้เห็นว่าแลกลิ้นเป็นก่อนดิ”
“...”
“ละถ้าพี่แลกลิ้นกับหนูแล้วหนูไม่เคลิ้ม พี่จะยอมปล่อยหนูไปก็ได้”
อะ... อะไรนะ
