


บท 1
"เจ็บ..."
ศีรษะของฉุยเสี่ยวอวี่รู้สึกเหมือนถูกปั่นในเครื่องซักผ้านานสี่สิบเก้าชั่วโมงเต็ม มันทั้งวิงเวียนและแน่นหน้าอก ความรู้สึกคลื่นไส้ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น
"ไอ้รอง หน้าลูกสาวบ้านเจ้าห้าซีดเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งเลย แกให้ยานอนหลับมันมากเกินไปรึเปล่าวะ?"
"พูดบ้าอะไร อีแก่เอ๊ย แกรู้อะไร กูให้แค่ครึ่งเม็ด จะไปฆ่าคนตายได้ยังไง"
เสียงพูดที่แหบพร่าและมีสำเนียงท้องถิ่นดังเข้าหูฉุยเสี่ยวอวี่อย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
ไอ้รอง? เจ้าห้า? อะไรกัน?
ก่อนที่เธอจะทันได้คิดอะไร กระเพาะก็ปั่นป่วน เธออ้าปากและอาเจียนออกมาทันที
"โอ๊ย! โอ๊ย! เด็กน้อยอาเจียนแล้ว นี่มันจะไม่ไหวแล้วใช่มั้ย! กูบอกแล้วไงว่าจะให้ยาตั้งครึ่งเม็ดกับเด็กสองขวบได้ยังไง เดี๋ยวไอ้โก้วต๋านก็จะมารับเด็กแล้ว แล้วแกจะเอาอะไรไปอธิบายกับเขาถ้าเด็กตาย!"
"อย่าเสียงดัง เด็กนี่มีชีวิตอยู่ยังแลกข้าวสารดีๆ ได้สี่ถุง ถ้าแค่ครึ่งตายครึ่งเป็นก็ยังได้อย่างน้อยสองถุงไม่ใช่เหรอ?"
ท่ามกลางเสียงด่าทอและโวยวาย ความเจ็บปวดในศีรษะของฉุยเสี่ยวอวี่ก็หายไปอย่างกะทันหัน ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมอง
ร่างที่เธอมาอยู่นี้ชื่อฉุยเสี่ยวอวี่ อายุแค่สามขวบ เป็นลูกสาวของฉุยหัวเฉียงจากหมู่บ้านฝูกุ้ย
แม่ของเธอชื่อหวังไอ่เหลียน เธอมีพี่ชายสองคนชื่อฉุยเจี้ยนและฉุยคัง
สองปีที่ผ่านมาเกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ ผู้คนอดตายไปมากมาย ซานเฉิงอยู่ทางตะวันตกสุด ดินไม่อุดมสมบูรณ์และขาดน้ำ ช่วงนี้แม้แต่ข้าวโพดก็ยังแห้งตาย หลายครอบครัวต้องกินเปลือกไม้ประทังชีวิต
คนที่กำลังพูดคือลุงรองกับป้ารองของเธอ พวกเขามีลูกชายสี่คนที่กำลังเติบโต เพื่อไม่ให้ลูกตัวเองอดตาย พวกเขาจึงฉวยโอกาสตอนที่พ่อแม่ของเธอไปทำงานที่เหมือง พยายามจะขายเธอให้กับไอ้โก้วต๋าน คนขอทานที่มีชื่อเสียงจากในเมือง
แลกกับข้าวสารสี่ถุง นับว่าเป็นการค้าที่คุ้มทีเดียว
ก่อนที่ฉุยเสี่ยวอวี่จะทันลืมตา ป้ารองของเธอก็เข้ามาตรวจลมหายใจ กลัวว่าเธอจะตายและจะไม่ได้แม้แต่ข้าวสารสองถุงที่ลดราคาลงมา
"ป้ารอง ทำอะไรน่ะ?"
ฉุยเสี่ยวอวี่ค่อยๆ ฟื้นสติ เธอลุกพรวดจากเตียงกังและมองลงมาที่ป้ารองของเธอ
"แม่เจ้า! ไอ้รอง มาเร็ว! ผีลุกขึ้นมาแล้ว!"
ป้ารองตกใจจนแทบตาย ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น ร้องไห้โวยวายเรียกคนช่วย
มีคำพูดว่า คนตกใจคนอื่นจนตาย ยิ่งเป็นคนที่ทำเรื่องผิดและขี้ขลาดด้วยแล้ว ยิ่งแย่
ฉุยเสี่ยวอวี่เอียงหัวมองป้ารองที่กางเกงเปียกช้ืนบนพื้น ใบหน้าน้อยๆ ของเธอแสดงความรังเกียจ
"ป้ารองน่าอาย โตขนาดนี้แล้วยังฉี่ราด"
ป้ารองมองเด็กหญิงที่ตอนนี้กระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้า ขวัญหนีดีฝ่อ เด็กที่เมื่อกี้แทบจะหมดลมหายใจ ตอนนี้กลับกระโดดลงจากเตียงและเรียกเธอว่าป้ารอง นี่มันเจอผีชัดๆ!
"ร้องบ้าอะไร! กลัวว่าลูกชายสองคนของบ้านเจ้าห้าจะไม่ได้ยินรึไง..."
ลุงรองบ่นพึมพำด่าว่าผู้หญิงทำอะไรก็ไม่เป็นเรื่อง แม้แต่ประตูยังไม่ทันปิดให้ดีก็วิ่งเข้ามาในห้องเล็ก
"ลุงรอง!"
ฉุยเสี่ยวอวี่นั่งที่ขอบเตียงกัง แกว่งขาไปมา ยิ้มมองลุงรองที่อ้วนเหมือนลูกโป่ง
ในความทรงจำของร่างเดิม ลุงรองคนนี้ชอบรังแกพ่อของเธอ ไม่เพียงแต่ยืมข้าวไปหลายครั้งแล้วไม่คืน ยังชอบนินทาใส่ร้ายต่อหน้าย่าอีกด้วย
ลุงรองเป็นผู้ชาย คิดไปคิดมาก็รู้ว่าการขายเด็กวันนี้คงไม่สำเร็จแล้ว พอเห็นสภาพกางเกงเปียกของเมียตัวเอง หน้าก็ดำลงทันที ระบายอารมณ์ใส่เมีย
"ไอ้ไร้ประโยชน์ กล่อมเด็กนอนจนเป็นโรคจิตเหรอ ร้องโวยวายทำบ้าอะไรของแก!"
ในใจเขาคิดว่าเด็กตัวเล็กแค่นี้พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก หลอกๆ ไปก็ผ่านไปได้
แต่ฉุยเสี่ยวอวี่เป็นคนรุ่นใหม่จากศตวรรษที่ 24 ที่ย้อนเวลามา เธอกะพริบตาก็รู้ว่าเขาคิดอะไร เธอไม่มีทางปล่อยให้เขาสมหวัง
"ลุงรอง ดูให้ดีนะ"
พูดไม่ทันขาดคำ เธอก็ไถลลงจากขอบเตียงกัง หัวฟาดลงกับพื้นดินเหนียว เสียงดังตุ้บ
การกระแทกนี้ทำให้เธอเองยังตกใจ แย่แล้ว คำนวณความสูงพลาด
หน้าผากบวมเป็นลูกโป่งใหญ่เท่ากำปั้น เธอนอนบนพื้น กำมือแน่น น้ำตาคลอเบ้า
ก่อนที่ลุงรองและป้ารองที่ตกตะลึงกับการกระทำของเธอจะทันได้ตั้งตัว เสียงร้องไห้โหยหวนก็ดังสนั่นทั่วหมู่บ้านฝูกุ้ย
ฉุยเจี้ยนและฉุยคังที่กำลังขุดหญ่าป่าอยู่ริมทุ่งสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงร้อง พวกเขามองหน้ากัน
"พี่ นั่นเสียงน้องสาวเราใช่มั้ย?"
"น้อง ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น"
ทั้งสองทิ้งจอบและวิ่งไปที่บ้านลุงรองทันที น้องสาวของพวกเขาเป็นเด็กคลอดก่อนกำหนด ปกติเวลาร้องไห้จะหายใจไม่ทัน แต่ตอนนี้เสียงดังขนาดนี้ ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ
ปกติพวกเขาจะผลัดกันอยู่บ้านดูแลน้องสาว อีกคนไปขุดผักป่า วันนี้ลุงรองกับป้ารองอาสาจะดูแลน้องให้ พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าดีแล้ว สองคนจะได้ขุดผักได้มากขึ้น เพราะบ้านมีปากท้องถึงห้าคนที่ต้องเลี้ยงดู
ไม่คิดว่าการฝากเลี้ยงครั้งนี้จะเกิดเรื่อง
ฉุยเสี่ยวอวี่ร้องไห้จนสะอึก ส่วนหนึ่งเพื่อรอพี่ชายทั้งสองมา อีกส่วนหนึ่ง... เจ็บจริงๆ นั่นแหละ
ไม่คิดว่าเสียงร้องนี้จะยังไม่ทันดึงพี่ชายมา แต่กลับดึงชาวบ้านที่อยากดูเรื่องสนุกมาเป็นฝูง
ช่วงนี้ ผู้ชายในหมู่บ้านส่วนใหญ่ไปทำงานที่เหมืองเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว เหลือแต่คนแก่และเด็กเล็กกับแม่บ้านชาวนา ฝูงชนห้อมล้อมบ้านลุงรองจนแน่นขนัด
"ลุงรองกับป้ารองจะขายหนูให้ไอ้โก้วต๋านในเมืองฮือๆๆ"
"พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่อยู่ไหน หนูกำลังจะถูกขายไปขุดถ่านหินในเมืองแล้วนะฮือๆ"
"แม่ พ่อ ย่า ลุง ป้า..."
ฉุยเสี่ยวอวี่ร้องจนเสียงแหบแล้วเพิ่งจะหยุดพักหายใจ พอเห็นหัวคนเล็กคนใหญ่มามุงดู เธอก็มีแรงขึ้นมาอีก พูดไปร้องไห้ไป แทบจะกลิ้งเกลือกไปมาบนพื้น
เธอร้องเรียกทุกคน เหลือแต่พระโพธิสัตว์กับเทวดาที่ยังไม่ได้เรียก
การร้องเช่นนี้ไม่ธรรมดา พวกแม่บ้านชาวนาที่ชอบนินทาและว่างงานพวกนี้จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
พวกเขามองฉุยเสี่ยวอวี่ที่ตัวเปรอะเปื้อน หัวมีรอยบวมใหญ่ น้ำมูกน้ำตาเลอะเทอะเหมือนแมวลาย ความรู้สึกแม่พลุ่งพล่าน พวกเขาเริ่มวิจารณ์กันเซ็งแซ่เหมือนการประชุมของฝูงเป็ด
"ไอ้ฉุยรองนี่มันไร้ยางอาย จะขายลูกสาวของน้องห้าให้ไอ้โก้วต๋านสัตว์นรกนั่นเหรอ? ทำไมไม่ขายลูกชายอ้วนๆ สี่คนของแกเองล่ะ?"
"ดูสิ ดูสิ ฉันบอกแล้วว่าไอ้ฉุยรองนี่หัวใจมันคดเคี้ยว ถึงกับหมายตาลูกสาวหลานตัวเอง ยังเลวกว่าสัตว์อีก!"
"ใครขาดีๆ รีบไปบอกหัวเฉียงที่เหมืองเร็ว ลูกสาวแท้ๆ กำลังจะถูกพี่ชายเขาขาย เขายังไม่รู้เลย!"
"ฉันไป ฉันไป! ใครสักคนไปเชิญคุณยายที่บ้านฉุยใหญ่มาดูหน่อย เชิญท่านมาตัดสินความหน่อย!"