บทที่ 5 ห้องคิงและควีน

Michael Part

และแล้วเอวาก็ได้รู้ว่าเพราะอะไร เพราะตอนนี้ไมเคิลกำลังดึงทึ้งดอกไม้ออกจากศีรษะเล็กพร้อมแกะเปียผมออกไปพลาง ปากก็ยังคงบ่นไม่หยุด

“ตัวเล็ก คราวหลังอย่าให้คนอื่นเล่นผมนะคะ”

“บาร์คไม่ใช่คนอื่นนน” เด็กน้อยลากเสียงยานค้าง ทำให้ไมเคิลปรายตามองเพื่อนสนิท ก่อนจะเอ่ยปากอีกหน

“ไม่ใช่คนอื่น แต่พี่ก็ไม่ให้ใครเล่นค่ะ พี่หวง” ว่าพร้อมกับหยิบหวีขึ้นมาสางผมสีดำสนิทอย่างเบามือ

“เจ็บไหมคะ บาร์คมือหนัก เบาไม่เป็น” ว่าพร้อมกับเริ่มมัดผมให้ใหม่ คนถูกกล่าวถึงรีบแทรกขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว

“เฮ้ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อย อย่าเวอร์น่า” เพียงเท่านั้นไมเคิลก็ตวัดสายตามองจ้องดุดันด้วยสายตาเย็นเหยียบ หากแต่บารอนไม่เกรงกลัว หัวเราะในลำคอ และเอื้อมหยิบแก้วไวน์จากถาดสีเงินที่โรมเดินนำมาเสิร์ฟได้ทันท่วงที ก่อนที่ถาดนั้นจะวางลงบนโต๊ะ

“ไปซะบาร์ค.....” ไมเคิลเหลือบตามองด้วยความเฉยชา ในดวงตาปรากฏร่องรอยความขุ่นเคืองใจ แต่คนโดนไล่กลับหัวเราะในลำคอแผ่วเบาอย่างชอบใจ ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดแล้วเอนตัวนอนลงบนเบาะกำมะหยี่สีแดงสดดิ้นทองอย่างสบายอารมณ์

“ไม่ไป นานๆ นายจะกลับมาสักที”

“ใครจะนั่งว่างเหมือนนายกันบาร์ค”

“ใครบอกว่าฉันว่างกัน! ตาแก่นั่นไม่ไว้ใจให้ฉันทำเองต่างหาก!” ว่าพร้อมกลอกตาส่งให้ไปอีกที ในขณะที่ไมเคิลหัวเราะขึ้นจมูก

“หึ ไร้น้ำยา....” ว่าพร้อมกับผละมือออกจากเส้นผมสีดำสนิท เปียมงกุฎปรากฏอยู่บนศีรษะของเด็กตัวเล็กในปกครอง ไมเคิลใช้กิ๊ฟสีดำไล่เก็บปอยผมจนหมด แล้วจึงใช้หมุดดอกไม้ลวดลายต่างๆ ปักลงไปอย่างประณีต

“ให้มันน้อยๆ หน่อย รู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มีน้ำยา”

“ถ้ามี...... คงไม่มานั่งอยู่ตรงนี้.....” เหลือบสายตามองอีกหนอย่างดูแคลน แล้วกลับไปจัดการกับทรงผมของเด็กน้อยต่อ

“เรื่องงานอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องอื่น........ฉันมั่นใจว่าพอตัว” บารอนพูดลากเสียงพร้อมมองจ้องไปที่กลางลำตัวของตน ไมเคิลตะปบมือลงที่ใบหูน้อยๆ ของเด็กตัวเล็กที่ยังคงนั่งไม่รู้เรื่องรู้ราว ถลึงตามองเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่เจ้าตัวหัวเราะก๊ากอย่างชอบใจ

“ระวังปากบารอน.....”

“โอเคๆ เข้าใจแล้ว ลอร์ดวัลโด้” บารอนยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ ไมเคิลจึงค่อยๆ ละมือออก จัดแต่งทรงผมอีกเล็กน้อยแล้วผละออกมาดูผลงาน ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ

“อย่าแกล้งบอสนักเลยครับคุณบารอน แค่นี้บอสก็ทำงานหนักมากพอแล้วครับ” โรมพูดพร้อมกับวางถาดผลไม้และขนมเอาไว้ให้บนโต๊ะ เอวาที่ดูทรงผมทรงใหม่ของตัวเองพอใจแล้วก็กระโดดเข้าไปหยิบผลไม้มานั่งทานเหมือนหนูแฮมเตอร์อยู่บนโซฟาตัวเดียวกันกับบารอนที่กำลังนอนอยู่

“ฉันแกล้งอะไรกันโรม แค่ส่งรูปไปถามเท่านั้นเอง หึหึ” ว่าพร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างสะอกสะใจ โรมโคลงหัวให้ก่อนจะเอ่ยตอบกลับมา

“ครับ ถามเฉยๆ เองครับ แค่ถามว่าผมทรงนี้เหมาะที่จะเป็นเจ้าสาวรึเปล่าแค่นั้นเอง.....”

“ฮ่าๆๆๆ ช่วยไม่ได้นี่น่า หนูเอวาสวยจนผู้หญิงแท้ๆ ยังอายเลยนี่” บารอนลุกขึ้นมาจิ้มแก้มตุ่ยๆ ของเด็กน้อยอย่างกวนๆ และเพียงไม่นานนัก ไมเคิลที่เก็บอุปกรณ์ทำผมเสร็จแล้วก็ขยับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ดึงเอาเด็กน้อยมานั่งตัก แล้วป้อนน้ำผลไม้ให้ดื่มอย่างเอาใจใส่

“พี่จ๋า หนูจะเป็นเจ้าสาวของใคร” เอวาร้องถามพร้อมเอียงคอมอง ไมเคิลเผยยิ้มบาง ลูบศีรษะเล็กไปพลาง

“หนูไม่มีทางเป็นเจ้าสาวของใครได้หรอกครับเอวา นอกจาก......” บารอนแกล้งลากเสียงยาวพร้อมปรายตามองคนที่ตัวเองกำลังพูดถึง

“นอกจาก?”

“ไม่มีอะไรค่ะ” ไมเคิลพูดพร้อมใช้นิ้วแตะปลายจมูกรั้นด้วยความมันเขี้ยว

“หึหึ” บารอนหัวเราะในลำคอ แล้วขยับมานอนพิงไหล่ของไมเคิลอย่างทุกที ขยับเข้าใกล้อีกนิด กระซิบเสียงเบาแค่พอให้ได้ยินกันสองคน

“เรื่องที่ให้สืบ-”

“ไว้ก่อน.....” พูดพร้อมเหลือบตามองเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตัก บารอนเบ้ปากใส่ก่อนจะขยับผละออกแล้วเอ่ยต่อด้วยเสียงปกติ

“ก็แค่บอกว่าจะไปรอที่ห้อง” ว่าพร้อมยักไหล่ ไมเคิลปรายตามองเพียงชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับและไม่ได้พูดอะไรอีก

ไมเคิล เอวา และบารอนใช้เวลาร่วมกันในช่วงบ่ายไปจนกระทั่งยามเย็น โดยที่การทานอาหารเย็นในวันนี้มีแขกอย่างบารอนมาเข้าร่วมด้วย จวบจนกระทั่งตะวันลาลับและส่งเด็กน้อยเข้าห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ไมเคิลจึงเดินไปที่ห้องทำงานเพื่อรอคุยเรื่องงานกับบารอนตามที่ได้ตกลงกันไว้

หากแต่เมื่อชายหนุ่มไปถึงห้องทำงานก็ต้องแสดงสีหน้าขัดใจออกมา แทนที่จะมีใครบางคนรอเขาภายในห้องแห่งนี้กลับพบเพียงความว่างเปล่า และโดยไม่ต้องส่งเสียงถามออกไป ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มก็หมุนตัวหันหลังกลับ มุ่งตรงไปที่ทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

แกร๊ก!

ชิ้ง!

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกกว้าง ใครบางคนก็โถมตัวเข้ามาหาพร้อมๆ กับไมเคิลที่ยกมีดขึ้นมากันได้อย่างทันท่วงที ปลายมีดจดจ่ออยู่ที่ปลายคางของผู้บุกรุกอย่างไม่มีความเกรงกลัวว่าจะพลาดพลั้งเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงลอดไรฟันอย่างพยายามอดทนอดกลั้นสะกดอารมณ์ที่กำลังปะทุโหมกระพือสุดกำลัง

“ไม่มีใครบอกนายรึไงบาร์ค.... ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าห้องของฉัน......” น้ำเสียงเย็นเหยียบพร้อมกับปลายมีดที่ลูบไล้ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเย็นชา หากแต่อีกฝ่ายไม่ได้สนถ้อยคำนั้นของเจ้าของห้อง กลับเผยรอยยิ้มพราย หันไปจรดริมฝีปากลงที่ปลายมีด ตวัดปลายลิ้นเลียไปตามคมมีดแผ่วเบา และขยับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากนั้นแตะสัมผัสกับปลายนิ้วมือ

“ไม่มี.... ถึงมีฉันก็ไม่สน.... หึหึ” ไมเคิลปรายตามองอย่างเย็นชา แล้วถอนคมมีดออกอย่างช้าๆ เดินผ่านเพื่อนสนิทของตัวเองไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียงใหญ่ ก่อนจะหยิบผ้าแพรสีอ่อนขึ้นมาเช็ดปลายมีดของตน

“ว่ามาบาร์ค ฉันไม่ได้มีเวลาทั้งวัน....” บารอนขยับตัวเข้ามาใกล้ แล้วทิ้งตัวนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง ก่อนจะผุดลุกขึ้นนอนตะแคงเท้าคางมอง พูดด้วยเสียงหยอกเย้า

“แต่ฉันเชื่อว่านายมีเวลาทั้งคืนไมค์.....” ไมเคิลมองคนที่ถือวิสาสะขึ้นมานอนทับที่ของคนตัวเล็ก ทำให้ดวงตาสีทองเรืองรองราวราชสีห์คลั่ง ก่อนจะขยับเข้าไปฉุดกระชากข้อมือของเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว บารอนตัวลอยตามแรงดึงรั้ง ถูกลากออกจากห้องด้วยความรวดเร็ว และจับยัดเข้าไปที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งปิดล็อกแน่นหนา ทันทีที่ห้องถูกเปิดออกกว้าง แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่อยู่ภายในเน้นสีดำแดงเป็นหลัก ภายในห้องนั้นประกอบด้วยของเล่นต่างๆ มากมายเอาไว้ประกอบกิจกามารมณ์ และมีคนไม่น้อยที่เคยเข้ามาเหยียบย่างที่ห้องแห่งนี้ และคนตรงหน้าเองก็เช่นกัน

“รออะไรล่ะบาร์ค.... นายรู้นี่ว่าต้องทำยังไง....” ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มพรายซึ่งหากใครได้เห็นเป็นต้องหลบหน้าหนีอย่างประหวั่นพรั่นพรึง แต่ไม่ใช่กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท.... และคู่นอนคนสนิท.....

ไมเคิลก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า มือก็พากันปลดอาวุธต่างๆ ออกจากตัว ไม่ว่าจะเป็นสนับมือ.... ปืนสั้นสีดำมะเมื่อม.... มีดคู่สีเงินทั้งสองเล่ม..... นอกจากนี้แล้วยังมีมีดเล่มเล็กเพียงพลายนิ้วก้อยที่ถูกซ่อนไว้เป็นแผงใต้แผ่นอกหนา ในขณะที่บาร์คนั้นทำเพียงถอดชุดคลุมขนสัตว์สีเทาออกจากตัวอย่างเชื่องช้าจนร่นไปกองอยู่แทบเท้า

เปิดเผยเรือนร่างสูงโปรงกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามและร่องรอยต่างๆ ตามร่างกาย ไมเคิลขยับเข้าไปยืนใกล้ๆ ท่อนบนของชายหนุ่มเปลือยเปล่า ส่วนที่ท่อนล่างสวมใส่กางเกงเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่อ สายรัดที่ต้นขายังคงมีปืนกระบอกหนึ่งถูกผูกติดเอาไว้อยู่

“นายยังปลดปืนออกมาไม่หมดนะไมค์.....” บารอนพูดพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เงยหน้าขึ้นมองอย่างยั่วยวน แทนที่จะปลดปลายกระบอกปืนดั่งปากว่า กลับกลายเป็นว่าปลด ‘ปืน’ อีกกระบอกออกมาแทน ไมเคิลแสยะยิ้มร้าย ก่อนจะจิกกำกระชากเส้นผมสีน้ำตาลแดงของเพื่อนสนิทและคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ขา แล้วเริ่มต้นขยับกายเข้าออกอย่างไม่ออมแรง หลังจากนั้นทั่วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงครวญครางราวกับจะขาดใจ.....

เนินนานกว่าที่ห้วงอารมณ์พัดโหมกระหน่ำจะจบสิ้นลง บารอนนอนคว่ำหน้าลงกับหมอนใบใหญ่ ตามเนื้อตัวปรากฏรอยบาดแผลและรอยช้ำอยู่หลายแห่งจนน่ากลัวว่าจะอักเสบในไม่ช้า ในขณะที่ไมเคิลนั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับบุหรี่ที่คาบอยู่บนริมฝีปากบางสีซีด มือนั้นเลื่อนอัลบั้มภาพในมืออย่างพินิจพิเคราะห์

“จะเอาไงต่อ?” ชายผมสีน้ำตาลแดงหันหน้ามาถามพร้อมไล้ปลายนิ้วมือไปตามมัดกล้าม หน้าท้องเป็นลอนสวยของไมเคิลอย่างหลงใหล

“หึ..... ส่งของขวัญ” ว่าพร้อมโปรยรูปถ่ายในมือทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะอ้าปากขบกัดลงที่บ่ากว้างอย่างไม่ออมแรงจนหยาดโลหิตสีแดงก่ำไหลออกมาตามรอยฟันคมเขี้ยวจนแลดูคล้ายกับผีดูดเลือด

“อึก!” บารอนเชิดหน้าเอียงคอ ยินยอมให้ชายหนุ่มผู้มีรอยสักมังกรคำรามกระทำได้โดยง่าย ไม่มีแม้แต่เสียงร้องขอความเห็นใจ กลับกัน สองมือนั้นกลับกดลงที่ศีรษะของชายหนุ่ม หวังให้รอยเขี้ยวนั้นเจาะลึกลงไปยิ่งกว่าเดิม

เมื่อไมเคิลถอนริมฝีปากออก ก็ส่งปลายลิ้นไปเช็ดคราบเลือดที่ไหลซึมอย่างเชื่องช้าแผ่วเบา หลังจากนั้นจึงผละออก พร้อมกับใช้หลังมือเช็ดหยาดเลือดที่ติดอยู่กับริมฝีปากออกอย่างช้าๆ แสยะยิ้มส่งให้ แล้วเอ่ยปากพูดเสียงเย็นไร้ความรู้สึก

“ขอบใจ บาร์ค....” ว่าจบก็ผุดลุกขึ้นจากเตียงในทันที ก้มลงหยิบเอาเสื้อเชิ้ตสีดำขึ้นมาสวมใส่ โดยใช้คลุมกายเอาไว้เฉยๆ เปิดเผยแผ่นอกแกร่งและกล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวยล่อสายตา

“ไมค์ นายก็รู้ว่าฉันภูมิต้านทานกล้ามแน่นๆ ต่ำ” บารอนย่นจมูกส่งให้ ไมเคิลหัวเราะเสียงต่ำทุ้มเย็นอยู่ภายในลำคอ ก่อนจะหยิบเอากางเกงมาสวมใส่ แล้วต่อสายหาใครบางคน

[ครับบอส]

“มาห้องโพแดงแล้วเก็บกวาดด้วย......”

[รับทราบครับ]

“อ้อ... ส่งของขวัญให้ฉันด้วย.... ของเตรียมไว้ให้แล้ว.....”

[ครับ ผมจะเร่งจัดการให้ครับ] ไมเคิลวางสายลงในที่สุด ยกมือข้างซ้ายขึ้นเสยเส้นผมที่ฝั่งหนึ่ง ทำให้เห็นดวงตาสีทองเรืองรองในความมืด

“ไปได้แล้วบาร์ค.....” พูดแล้วก็ทำท่าจะผละไป หากแต่เสียงของคนที่ด้านหลังทำให้ไมเคิลชะงักไปชั่วครู่

“นายคิดว่าตัวเล็กจะทนแรงนายได้สักแค่ไหนกันไมค์”

“....”

“ดูรอยที่นายทำไว้กับฉันสิ ตัวเล็กของนายไม่มีวันทนได้กับเซ็กส์ที่รุนแรงแบบนี้แน่”

“....”

“ไม่สนใจให้ฉันเป็น ‘ตัวจริง’ ของนายบ้างหรอ?”

“กับนายมันก็แค่เซ็กส์บาร์ค..... กับตัวเล็กมันคือรัก.....”

“......”

“ดังนั้นฉันไม่จำเป็นต้องถนอมคู่นอน.... ว่างั้นไหม?” ไมเคิลยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเย็น ในดวงตาปรากฏแววของความเย็นชา รังสีรอบกายแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมเมื่อมีคนกล้าเสนอตัวขอเป็น ‘ตัวจริง’ ของเขา ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดี ว่าตำแหน่งนี้ถูกจับจองไว้โดยใคร แม้ว่าเจ้าของตำแหน่งนั้นจะไม่รับรู้เลยก็ตามที.....

“เอาเถอะ เชิญนายไปนอนกอดตัวจริงของนายเถอะไมค์ ฉันเองก็จะกลับแล้วเหมือนกัน”

“โรมจะดูแลนาย.... ขาดเหลืออะไรบอกเขา....” ไมเคิลเปิดประตูออกไป และพบกับโรมีโอที่ยืนก้มหน้ากุมมือรออยู่ที่หน้าห้องอย่างนอบน้อม ไมเคิลเดินผ่านไปโดยไม่ได้พูดอะไร แทนที่จะเข้าห้องของตน กลับเข้าห้องที่อยู่ข้างๆ กันแทน ชายหนุ่มเดินก้าวเท้าอย่างแผ่วเบาไร้สุ้มเสียง คร่อมทับเด็กน้อยในปกครองเอาไว้ ไล้ปลายนิ้วมือลงกับใบหน้าขาวนวลจิ้มลิ้มน่ารักน่าชัง

“ฝันดีครับ ตัวเล็กของพี่” ว่าพร้อมทาบทับริมฝีปากลงบนปากบางสีสดแผ่วเบา ก่อนจะล้มตัวนอนเคียงข้าง ขยับเข้าไปกกกอดเด็กตัวเล็กเอาไว้ในอ้อมแขน

มีเพียงคนๆ เดียวเท่านั้นที่เป็นตัวจริง คนๆ เดียวเท่านั้นที่ได้รับอุ่นไอ และเพียงคนเดียวเท่านั้นได้รับจุมพิตแสนหวานจากผู้เป็นนายใหญ่ของตระกูลวัลโด้......

และคนๆ นั้นคือเด็กตัวเล็กในอ้อมแขนนี้.....

ไมเคิลไม่เคยนอนกอดกับคู่นอนคนไหน ไม่เคยมีสัมผัสที่อ่อนโยนและอ่อนหวานในการกระทำ ไม่เคยมีแม้กระทั่งจูบเบาบางเพื่อแสดงความรู้สึก.....

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นถูกบรรจงเก็บไว้เพื่อเจ้าของหัวใจเพียงคนเดียว.....

.

.

.

“บางทีนายก็น่าสงสารนะโรม” บารอนพูดพร้อมกับปรายตามองเข้าไปในห้องซึ่งมีสองพี่น้องนอนกอดกันอยู่บนเตียงผ่านบานประตูที่ถูกแง้มเปิดออกเพียงเล็กน้อย เจ้าของชื่อไม่ได้พูดอะไรกลับไปนอกจากส่งรอยยิ้มอ่อนบางไปให้เป็นคำตอบ

“บางทีอาจจะเป็นเราทั้งคู่ที่น่าสงสาร........” บารอนพูดพร้อมลูบคางไปมาอย่างใช้ความคิด ก่อนจะยักไหล่

“แค่กำจัดตัวเล็กไปเรื่องมันก็ง่ายแล้วใช่ไหมล่ะ” บารอนพูดเสียงเหี้ยม แววตาเป็นประกายวาววับ

“ครับ เรื่องมันคงง่ายถ้า.... ทำได้ น่ะนะครับ....” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้มแต่ส่งไปไม่ถึงดวงตา ราวกับชายที่สวมใส่หน้ากากของเทพบุตรลงมาจุติบนพื้นโลก มองความคิดหรือการกระทำที่แสนโง่งมของมนุษย์ผู้ด้อยค่าด้วยความขบขันระคนบันเทิงใจ

“เจ้าตัวเล็กมีดีอะไรกันนะ” บารอนพูดเพียงเท่านั้นก็ผละจากไป โรมีโอมองตามหลังไปไม่ละสายตา ส่งสัญญาณให้ลูกน้องแถวนั้นตามไปดูแลในระยะประชิด ก่อนจะถอนสายตากลับมามองบุคคลทั้งสองภายในห้องนอนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ อ่อนโยน แล้วจึงขยับเท้าเข้าไปใกล้ ดึงลูกบิดประตูให้ปิดพับลงตามเดิม

ไมเคิลลืมตาขึ้นเมื่อประตูปิดสนิทลงปรายสายตามองไปยังจุดที่มีบุคคลทั้งสองพูดคุยกันอยู่เบาๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างไม่ใส่ใจ

ใครที่มันคิดร้าย......

มักจะไม่ได้ตายดี......

.

.

.

Romeo Part

ชายผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลเข้มกำลังยืนพิงผนังห้องชมแสงจันทร์ที่บานประตูซึ่งเปิดกว้างรับลมในยามค่ำคืน ในมือถือแก้วทรงสูงพร้อมเปิดเพลงคลอไปเบาๆ และมองจ้องแสงสุดท้ายที่กำลังจะลาลับไปของดวงจันทร์ผู้ซึ่งไม่มีใครมองเห็น และถูกแทนที่ใหม่ด้วยแสงแห่งรุ่งอรุณ

“เอาล่ะ มาเริ่มงานของวันนี้กัน” โรมีโอพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนบาง ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ เดินไปหยุดเพลงที่กำลังบรรเลงซึ่งเขาชื่อชอบเป็นพิเศษ เพราะมันช่างตรงกับเรื่องราวในอดีตเสียเหลือเกิน ชายหนุ่มหัวเราะให้กับตัวเองเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องพักส่วนตัวซึ่งอยู่ห่างจากบอสใหญ่ของบ้านไม่มากเท่าไหร่นัก

เรียกได้ว่าห่างกันเพียงห้องกั้นเท่านั้นเอง.....

ห้องโพแดง......

ที่บานประตูถูกแกะสลักลวดลายไว้อย่างวิจิตรงดงาม หากมองผ่านๆ คงเป็นห้องที่ดูอ่อนช้อยน่ามองเป็นอย่างยิ่ง แต่น้อยคนที่จะรู้จุดประสงค์แท้จริงของมัน เรียกว่าห้องระเริงรักก็คงไม่ผิด.....

เพียงแต่ในห้องนี้ไม่มีรักที่คุณกำลังตามหา......

หากคุณปรารถนาที่จะได้รักมา จะต้องเป็นคนที่อยู่ห้องควีน......

โรมีโอยกยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลงมือเคาะประตูห้องที่ถูกแกะสลักและลงลวดลายถมทับด้วยทองแท้ดัดเป็นเส้นวาดลวดลาย เพียงเท่านั้นดูเหมือนว่ายังไม่เป็นที่น่าพอใจของคนเป็นนาย จึงสั่งให้คนติดตั้งเพชรพลอยลงไปฝังลงในเนื้อไม้ประดับประดาบานประตูอีกด้วย โรมมองบานประตูที่ถูกตกแต่งให้เป็นรูปมงกุฎอย่างชัดเจนด้วยรอยยิ้ม แล้วส่งเสียตามไปติดๆ

“คุณหนูครับ เช้าแล้วครับ”

“อื้อ!” เสียงใสร้องตอบกลับมา แต่เชื่อเถอะว่าไม่ได้ร้องตอบเขา คาดว่าตอนนี้คุณหนูตัวเล็กของบ้านคงจะถูกบอสของตนหาเศษหาเลยในยามเช้าเช่นนี้เป็นแน่

เมื่อแน่ใจแล้วว่าคุณหนูของบ้านตื่นขึ้นเต็มตา โรมีโอก็ผละจากไป ชายหนุ่มเดินลงไปตรวจตราข้าวปลาอาหารและชุดที่จะสวมใส่ของนายท่านทั้งสองของบ้าน หลังจากตรวจทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีก็กลับขึ้นมาที่ด้านบนอีกครั้งด้วยชุดที่ถืออยู่ในมือทั้งสองข้าง โรมีโอชะงักไปเล็กน้อยและหลีกทางให้ เมื่อพบบอสของตนเดินออกมาจากห้องของควีน

เป็นภาพที่เห็นจนชินตาจนเลิกที่จะแปลกใจ ก่อนจะเดินตามหลังไปติดๆ ตามเข้าไปในห้องคิง จัดการแขวนเสื้อผ้าเครื่องประดับรวมถึงอุปกรณ์ป้องกันตัวต่างๆ ไว้ภายในห้องแต่งตัวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วจึงก้าวเท้าออกจากห้องอย่างไร้เสียง เดินตรงไปห้องที่อยู่ข้างกัน และทำแบบเดียวกันคือตระเตรียมเสื้อผ้าเอาไว้ให้

หลังจากที่คุณหนูของบ้านอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยและสวมใส่ชุดพร้อมที่จะไปเรียน ประตูห้องก็ถูกเปิดออกขึ้นอีกครั้งด้วยฝีมือของเจ้าบ้าน ไมเคิลเดินเข้ามาหลังจากที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ทำให้โรมีโอที่กำลังจะเริ่มต้นทำผมให้ต้องขยับเท้าก้าวถอยออกไป

ไมเคิลปรายสายตามองก่อนจะขยับไปแทนที่ แล้วเริ่มทำผมให้กับเด็กตัวเล็กของบ้าน โดยผมที่ทำนั้นเรียกได้ว่ามีความยุ่งยากซับซ้อนเอาเรื่องเลยทีเดียว ทำให้ใช้เวลานานมากกว่าปกติ จวบจนกระทั่งทำผมเสร็จ เอวาน้อยก็ปรบมือปรบไม้อย่างชอบอกชอบใจ

“พี่จ๋าาาา สวยยยยยยย” ไมเคิลยิ้มรับคำชมนั้น สองขาตั้งหลักหนักแน่นเมื่อเด็กตัวน้อยโถมเข้าใส่ กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันไปมา โรมีโอที่ยืนมองอยู่ก็ยกยิ้มด้วยความชื่นชม

คุณหนูจะรู้ไหม กว่าจะได้ทรงนี้มาหัวของผมต้องระบมไปกี่วัน.....

ได้เพียงคิด แต่ไม่พูดออกไป......

ภายในห้องของบอสใหญ่มีหุ่นจำลองวางเรียงรายเอาไว้เพียบ สาเหตุนั้นก็เพราะไมเคิลต้องการฝึกปรือฝีมือการทำผมให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นไปอีก จนถึงกับลงทุนสั่งทำห้องหุ่นเตรียมเอาไว้ เพื่อใช้สำหรับฝึกฝีมือโดยเฉพาะ เมื่อยามที่ได้พักผ่อนอยู่บ้าน ก็มักจะขลุกอยู่แต่ในห้องนั้นมากกว่าห้องทำงานเสียอีก แต่เมื่อไหร่ที่ต้องเดินทาง......

แน่นอนว่าหุ่นทดลองนั้นคือเขาคนนี้นี่เอง......

โรมีโอมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มพลิ้วไหวดุจผ้าไหมนุ่มมือ สาเหตุนั่นก็เพราะเอาไว้ให้บอสใหญ่ได้ฝึกมือเวลาที่ต้องไปทำงานไกลๆ โชคดีอยู่บ้างที่บอสไม่ชอบสัมผัสเส้นผมหยาบกร้าน ทำให้ชายหนุ่มสรรหาสิ่งของบำรุงเส้นผมมากมาย รวมถึงใช้เขาเป็นหนูทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นภายในบริษัท ก่อนจะถูกนำไปให้นายน้อยได้ใช้ต่อไป หรือเรียกอีกอย่างง่ายๆ ก็หนูลองยา......

ซึ่งกว่าจะได้มาเรียกได้ว่าผมร่วงไปไม่รู้เท่าไหร่......

โรมีโอยกยิ้มมองภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ภายในหัวสมองคิดคำนึกไปถึงเรื่องราวในอดีต.....

.

.

.

“พิต๋า! มันบัง!” เด็กตัวเล็กที่ยังพูดได้ไม่คล่องเท่าไหร่นักกำลังใช้มือน้อยๆ ขย้ำดึงทึ้งเส้นผมของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย จนเส้นผมแทบจะหลุดออกมาเป็นกระจุกอย่างนึกรำคาญใจ โรมีโอทำเพียงยืนมองอยู่เงียบๆ ที่ด้านหลัง ด้วยอยากรู้ว่าเจ้านายคนใหม่ของตนจะทำเช่นไร

“ตัวเล็ก ไม่ดึงนะครับ คุณเส้นผมจะเจ็บเอานะ” ไมเคิลจับมือของเด็กน้อยให้ลดลงช้าๆ ก่อนจะหันมาสั่งกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเฉกเช่นทุกที

“หนังยาง.... เอามาให้ฉัน” โรมีโอค้อมตัวเล็กน้อยรับคำสั่ง ก่อนจะเดินผละไป และกลับมาใหม่พร้อมกับหนังยางเต็มกำมือ เพราะคิดเผื่อเอาไว้ด้วยเลยหยิบหวีติดมือมา ก่อนจะยื่นส่งของทั้งหมดให้กับผู้เป็นนาย ไมเคิลรับไปโดยไม่พูดอะไร วางของกองไว้ที่ข้างตัว แล้วเริ่มต้นมัดผมอย่างเงอะงะ จนโรมีโออดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

“ฮึ แค่กๆ” เพียงแค่หนึ่งคำ สายตาดุดันก็ตวัดมองจ้องอย่างเอาเรื่องในทันที ดวงตานั้นวาววับเต็มไปด้วยโทสะ ก่อนจะล่าถอยกลับไปเมื่อเสียงใสๆ ร้องเรียก

“พิต๋า เสร็จแล้วหรอ” เด็กตัวน้อยนั่งจุ้มปุ๊กแล้วใช้มือจับผมน้ำพุของตนไปมา ก่อนจะหันมาคลี่ยิ้มสดใสส่งให้ จนทำให้ใจคนมองพลันกระตุกไหววูบ

“ไม่บังแล้ววววว พิต๋าเก่งที่สู๊ดดดด” เด็กน้อยโถมเข้าใส่ทั้งตัวถูไถใบหน้าลงกับอกอย่างออดอ้อน และหลังจากนั้นมา โรมีโอที่เคยไว้ผมสั้นระต้นคอก็ต้องไว้ผมยาวตามคุณหนูของบ้านไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ นั่นคือบทลงโทษที่กล้าหัวเราะใส่ไมเคิลเพียงหนึ่งคำ......

ไม่เพียงแต่ต้องไว้ผมยาวเท่านั้น ต้องเป็นหุ่นทดลองให้กับไมเคิลอีกด้วย....

นอกจากนี้แล้วยิ่งคนพี่ทำผมออกมาได้สวยมากเท่าไหร่ คนน้องก็ยิ่งดวงตาเป็นประกายมากเท่านั้น ยิ่งทำ ยิ่งสวย ยิ่งชอบและยิ่งหลง จนท้ายที่สุดแล้วคุณหนูของบ้านก็ตัดผมเพียงเพื่อไม่ให้ยาวจนเกินไป ส่วนคนพี่นั้นก็ชื่นชอบที่จะได้ทำผมให้กับคนน้องในทุกๆ วัน......

บทก่อนหน้า
บทถัดไป