บทที่ 1 ตอนที่ 1

ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดปีนั่งดื่มเหล้าคนเดียวเงียบๆขณะที่ทอดสายตามองบรรยากาศรอบตัวของฝนที่พึ่งจะหยุดตกได้ไม่นาน สัมผัสกลิ่นไอดินหอมกรุ่นอบอวลเบาบางในแบบชอบมาก

ตัวเขาชื่อ “ฮาร์ดิน” ไม่ใช่คนไม่ธรรมดาตรงที่เป็นนักฆ่าเชี่ยวชาญอาวุธหลายแขนงโดยเฉพาะปืนที่ยิงแม่นเหมือนจับวางเพราะถูกฝึกฝนมาตั้งแต่จำความได้ ปัจจุบันเขาอยู่ในกลุ่มแบล็คอายเป็นในหัวหน้าทั้งสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดเพราะต้องบงการนักฆ่าอีกนับสิบกว่าคนในสังกัดตามงานที่ได้รับมอบหมายและเสนองานตามค่าหัวของใครสักคนที่ได้รับมาหรือแม้แต่งานคุ้มครองจากนักฆ่าด้วยกันเอง

เรียกได้ว่าชีวิตของเขาเป็นวงจรสีดำมืดสนิท

ความรักมันคือสิ่งที่อ่อนแอมากสำหรับเขาและโคตรไร้สาระที่สุดเลยด้วย ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนทำอะไรเหี้ยๆด้วยเหตุผลแค่นี้มันน่าตลกขบขันมากจนอยากจะหัวเราะให้ดังลั่นสักสามวันสามคืน เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยเปิดใจให้กับใครเพราะแค่เซ็กส์ก็มากเพียงพอจะระบายอารมณ์กำหนัดออกไปหมดแล้วจะมีเมียไปทำไมให้วุ่นวาย

ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดเสมอว่าไม่สามารถมีความรักจนทำตัวไร้สาระแบบเพื่อนได้หรอกเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตสักนิดเดียวจนกระทั่งเขาได้พบกับเธอคนนั้น

เธอชื่อ “เวย์” เป็นเด็กสาววัยสิบแปดปีแสนใสซื่อไร้เดียงสาและน่ารำคาญสำหรับเขาเสมอแต่กลับกลายเป็นเธอที่บังเอิญเข้ามาเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนหัวใจที่ด้านชา เปลี่ยนความรู้สึกจักรกลให้กลับมามีหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง

เขาไม่รู้วิธีการจะรับมือกับผลกระทบรุนแรงนี้ได้ยังไง สิ่งเดียวที่เขารู้คือเธอจะต้องไม่เป็นของใครนอกจากเขาเท่านั้น

เธอจะต้องไม่รักใครนอกจากเขา เธอจะต้องไม่สนใจใครนอกจากเขา เธอจะต้องไม่มีรอยยิ้มให้กับใครนอกจากเขาและทั้งร่างกายหัวใจหรือแม้แต่วิญญาณของเธอก็จะต้องยกให้กับเขาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!!

ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น...

“สวัสดีค่ะมีคนอยู่ไหมเอ่ย?” น้ำเสียงหวานใสตะโกนเสียงดังในเพนท์เฮ้าส์ราคาแพงมากในมือถือถุงขนมที่มีคนสั่งให้เอามาส่งที่นี่และแม่บ้านก็พาเข้ามาแต่ว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนจนน่ากลัวว่าจะถูกหลอก

“วางไว้ตรงนั้นแหละ” น้ำเสียงแข็งกระด้างดังมาจากชั้นสองตอบกลับมา นัยน์ตาคมปรายตามองเด็กสาวที่เคยเห็นอยู่ร้านกาแฟใกล้ๆก่อนจะตัดสินใจทำแบบนี้

“ค่ะ เอ่อ...ทั้งหมดห้าร้อยบาทค่ะ” เธอทำงานพาร์ทไทม์เพราะไม่มีใครเลยนอกจากพี่ชายที่พึ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อนทิ้งเงินไว้ให้มากพอสมควรแต่อนาคตใครจะรู้ว่าต้องใช้เงินอีกเท่าไรและจะพออยู่ได้อีกกี่ปีกว่าจะได้หาเงินเลี้ยงตัวเองจริงจัง

เธอจำเป็นต้องมาหางานทำและพนักงานร้านขนมที่เปิดถึงเที่ยงคืนก็เหมาะมาก เธอทำพาร์ทไทม์ตั้งแต่สองทุ่มจนร้านปิดทุกวันแล้วยังได้น้ำและขนมกินฟรีเกือบทุกวันด้วยนะ

“ชื่ออะไร?” ฮาร์ดินเดินลงมาจากชั้นสองหยุดตรงหน้าเด็กสาวน่ารักคนนี้

“ชื่อเวย์ค่ะ เอ่อ...ถ้าหนูทำอะไรผิดต้องขอโทษด้วยนะคะแต่พี่อย่าโทรบอกพี่เจ้าของร้านเลยนะคะ” เธอกลัวมากว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจเขาในตอนนี้แค่เงยหน้ามองยังรู้สึกกลัว

“ฝนพึ่งหยุดไม่คิดว่าจะมาเร็ว” เขาสั่งพึ่งคุกกี้ไว้กินกับกาแฟในช่วงเช้าของทุกวัน

“คือว่าร้านใกล้ปิดแล้วหนูเลยรีบเอาส่งค่ะ” ตอนนี้มันห้าทุ่มกว่า เธอต้องรีบขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าใกล้พังที่พ่นควันไล่ยุ่งตลอดทางเพื่อส่งให้เขาเลยด้วย

“อ่อ ไม่ต้องทอน”

“หู้!! ตั้งห้าร้อยพี่ให้ทิฟเหรอคะ?” เขาจ่ายแบงค์พันมาแบบไม่รู้สึกอะไรเลยกับการไม่รับเงินทอนตั้งห้าร้อยบาทแหนะต่างกับเธอที่ตื่นเต้นเพราะนานๆทีจะได้ขนาดนี้

“อืม ค่ารถค่าน้ำมันรีบกลับไปซะมันดึกมากแล้ว” ถึงเขาจะพูดออกไปแบบนั้นแต่กลับกวาดสายตามองเธอด้วยความสนใจอย่างมากจนแทบไม่น่าเชื่อเลยด้วยซ้ำ ฉิบหายแล้วไง! เขาจะสนใจผู้หญิงคนนี้ได้ไงในเมื่อไม่รู้จักสักนิดเดียวแต่คิดได้แบบนั้นก็ไม่สามารถละสายตาจากเธอได้

“แค่เศษตัง”

“แต่ซื้อขนมได้อีกตั้งเยอะนะคะพี่” เธอตอบเขากลับเพราะคนรวยแบบเขาไม่รู้จักคุณค่าของเงินเอาซะเลยเงินตั้งห้าร้อยบาทซื้อข้าวได้เยอะแล้วได้ขนมอีกด้วยนะ

“นี่เธอเถียงฉันเหรอ? เป็นแค่พนักงานกระจอกๆไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น” ฮาร์ดินแค่นเสียงพร้อมปรายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าพยายามไม่สนใจแต่ก็ละสายตาไม่ได้เลยขนาดว่าตอนนี้เธอเบะปากมองเขาด้วบความไม่พอใจอยู่แต่ก็ดูน่ามองมาก

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาวะ!?

“งั้นหนูกลับก่อนนะคะ” เธอบอกเขาเสียงอ่อยเพราะมันก็จริงอย่างที่เขาพูดทุกอย่าง

ในกลางดึกคืนนั้นฮาร์ดินนอนพลิกตัวไปมาไม่สามารถข่มตาหลับได้เลยเพราะว่ามันมีแต่ภาพเด็กคนนั้นวนเวียนตามหลอกหลอนไม่หยุด สุดท้ายเขาเดินลงไปชั้นล่างหยิบขนมขึ้นมาดูเบอร์โทรที่ติดไว้แต่ว่ามันเป็นเบอร์ร้านนี่สิไม่ใช่เบอร์เด็กคนนั้นเห็นทีพรุ่งนี้เขาต้องไปซื้อกาแฟกินตอนสองทุ่มอีกครั้งแน่นอน

บทถัดไป