บทที่ 5 ตอนที่4

เมื่อน้องๆปีหนึ่งนั่งลงบนพื้นดินตรงกลางแสงแดดจ้าๆยามบ่ายแบบนี้แล้วผมก็หันหลังเดินกลับไปยืนในร่มไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่รอบๆลานเกียร์คณะของผมอย่างสบายใจ

“ไอ้ปอน!”เสียงเรียกของไอ้เทลหนึ่งในพี่ว๊ากเอ่ยเรียกไอ้ปอนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม ผมก็หันไปมองไอ้เทลกับไอ้ปอน

“นั่นเดือนมหาลัยที่ตามจีบน้องมึงอยู่ใช่เปล่าว่ะ?”ไอ้เทลว่าพลางชี้นิ้วไปที่สนามกีฬาของมหาลัย ผมก็มองตามไปด้วยก็เห็นว่ามีนักศึกษาปีหนึ่งผูกไทวิ่งอยู่บนลู่วิ่งข้างๆยี่หวาน้องสาวไอ้ปอน

“ตามจีบห่าไรล่ะ!”ไอ้ปอนว่าอย่างหงุดหงิดพลางจ้องมองน้องมันกับเด็กปีหนึ่งคนนั่นที่หน้าตาก็ไม่ได้หล่ออะไรเป็นเดือนมหาลัยได้ไงวะ

“ทำไมวะ?”ไอ้เทลเอ่ยถามไอ้ปอนอย่างสงสัย

“ยัยยี่หวาตกลงคบกับมันแล้ว”ไอ้ปอนตอบไอ้เทลไป ทำให้ผมมองไอ้เด็กปีหนึ่งอย่างไม่ชอบขี้หน้ามันและรู้สึกหมั่นไส้มัน หมั่นไส้ทั้งสองคนแหละ!!

“ห๊ะ!”ไอ้เทลร้องเสียงหลงอย่างตกใจ

“เออ!”

“ร้อยวันพันปี…มีผู้ชายมากมายมาขายขนมจีบน้องมึงไม่เห็นเธอสนใจทำไมกับไอ้หนุ่มนี้ถึงได้….?”

“กูไม่รู้!”

“กูรู้แค่ว่า….”ไอ้ปอนหยุดพูดและหันมามองหน้าผม

“ไอ้เคมันลงโทษน้องกูแรงไป”ไอ้ปอนจ้องหน้าผม ผมก็หันหน้าหนีมันและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เดินกลับไปยังที่สนามหญ้าหน้าลานเกียร์ที่น้องปีหนึ่งนั่งอยู่ด้วยเม็ดเหงื่อโทรมกาย

“วันนี้ผมจะเลิกเชียร์!”

“และในวันพรุ่งนี้….ผมจะนัดเชียร์อีก…”

“เวลาห้าโมงเย็น!!”

“เลิก!!”สิ้นเสียงผมปีหนึ่งทั้งหมดก็ต่างเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม ผมก็เดินออกมาและมอบหมายให้ปีสองทำหน้าที่ต่อจากนี้แทนผมที่หมดเวลาของผมแล้ว

“ประธานรุ่นมารับใบขออนุญาตด้วยค่ะ”ปีสองเอ่ยขึ้น ผมก็เดินห่างมาจากพวกนั้นแล้ว ระยะทางที่ผมเดินผ่านผมก็มองไปยังสนามกีฬาก็ยังเห็นว่ายี่หวายังคงตั้งอกตั้งใจวิ่งอยู่โดยข้างๆเธอมีไอ้หนุ่มปีหนึ่งวิ่งขนาบข้างมาติดๆ

“ไปบอกน้องมึง….”

“พอได้แล้ว”ผมเอ่ยบอกไอ้ปอนที่เดินอยู่ด้านหลังผม มันก็มองหน้าผม แต่ผมไม่ได้หันไปมองหน้ามันกลับเดินเอามือล้วงกระเป๋าและเดิน

ออกมาจากพวกมันเลย…

ยี่หวา หวันยิหวา…

“สิบทิศไปนั่งรอยี่หวาก่อนนะคะ…”

“แต่แดดมันร้อนมากเลยนะยี่หวา…”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ…”

“งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อผ้าเย็นมาให้นะ”สิบทิศว่าอย่างอาสา ฉันก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเขา และเขาก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะวิ่งออกไปจากสนามกีฬาแห่งนี้ ฉันที่เพิ่งจะวิ่งไปได้แค่สองรอบก็ถึงกับเหนื่อยหอบแล้ว

ตึกๆๆๆๆๆ

“ยี่หวา!”

“พี่ปอน!”ฉันเอ่ยเรียกพี่ปอนออกไปอย่างตกใจที่อยู่ดีๆเขาก็วิ่งมาดักหน้าฉัน ฉันจึงต้องหยุดฝีเท้าลงทันทีด้วยความตกใจและแปลกใจ

“พอได้แล้ว”

“แต่พี่เค?”ฉันกำลังจะแย้งพี่ปอน

“ไอ้เคมันบอกให้พี่มาบอกยี่หวาว่าพอได้แล้ว…”

“กลับบ้านได้แล้ว…ไม่มีเรียนต่อแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ค่ะ”ฉันพยักหน้าตอบพี่ปอนไปว่าฉันไม่มีเรียนต่อแล้ว

“แล้วพี่ปอนล่ะ?”ฉันเอ่ยถามพี่ชายสุดที่รักและพี่ชายคนเดียวของฉันไปอย่างสงสัย

“พี่ต้องไปประชุมต่ออ่ะและยังต้องทำโปรเจ็คด้วยอ่ะ…ยี่หวากลับเองได้ใช่ไหม?”

“ได้ค่ะ…”

“วันนี้ไม่ได้ไปทำงานที่ไหนใช่ไหมคะ?”

“เปล่า”

“ยี่หวาอยากทำงานช่วยแบ่งเบาภาระพี่บ้างจัง”ฉันเอ่ยบอกพี่ปอนไปอย่างนึกเห็นใจพี่ชายฉันที่ต้องทำงานส่งทั้งตัวเขาและฉันเรียนต่อในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ค่าเทอมแสนแพงแบบนี้

“อย่าเลย…ยี่หวาเพิ่งจะอยู่ปีหนึ่ง…รับน้องก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว”

“ไว้ยี่หวาอยู่ปีสองเมื่อไหร่…พี่จะรับพิจารณาคำขอของยี่หวานะ^_^”

“ค่ะ^_^”

“กลับบ้านได้แล้ว^_^”

“ค่ะ^_^”

“กลับกับแฟนเหรอ?”

“ค่ะ…เดี๋ยวสิบทิศน่าจะไปส่งยี่หวาเหมือนทุกวัน^_^”

“ดูแลตัวเองดีๆ^_^”

“ครับผม^_^”ฉันยิ้มกว้างให้พี่ปอนเขาก็ยิ้มและยื่นมืือมาขยี้ผมฉันเล่น

“งื้อ…เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น…ก็ไม่เกรงกลัวพี่กันพอดี^_^”ฉันว่าไปตามความจริง เพราะพี่ปอนเป็นพี่ว๊ากเขาต้องโหดต้องดุและน่าเกรงขามเพื่อปีหนึ่งจะได้เกรงกลัวเขาและได้เคารพเขาด้วยเช่นกัน

“ไม่มีใครเห็นหรอก…เขากลับกันหมดแล้ว^_^”

“ค่ะ…งั้นยี่หวาไปก่อนนะ^_^”

“ครับ^_^”พี่ปอนบอกฉัน ฉันก็ยกมือโบกลาพี่ปอนพร้อมกับวิ่งกลับไปที่ลานเกียร์เพื่อหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางไว้ข้างต้นไม้ใหญ่และรู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมาจึงเปลี่ยนทิศทางการเดินไปยังห้องน้ำที่อยู่ถัดจากตึกแรกของคณะวิศวะไป

พรึบ

“เฮ้อออ”ฉันผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบาๆเพราะฉันได้ปลดทุกข์แล้วมันสบายตัวขึ้นมากเยอะเลยนะ^_^

“ใยไหม”เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำให้ฉันจำได้ทันทีว่าคือเสียงของใคร

“พี่เค^_^”เสียงหวานใสเอ่ยออกไปอย่างดีใจ

“นี่ห้องน้ำผู้หญิงนะคะ”ใยไหมว่าอย่างตกใจที่เธอเพิ่งนึกได้ว่านี้มันในห้องน้ำผู้หญิงและพี่เคเข้ามาได้ยังไงก่อน?

“ก็ใช่^_^”เสียงทุ้มเอ่ยกลับมาอย่างไม่ใส่ใจตามนิสัยเขาที่ไม่สนคนอื่นหรือคนรอบตัวอยู่แล้ว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป