บทที่ 6 Bro. ล้ำเส้น -4-2
- พี่กันต์ -
ผมตื่นขึ้นในตอนบ่ายของวันต่อมา เครื่องปรับอากาศยังคงทำงานตามปกติ แต่ที่ผมนอนต่อไม่ได้เพราะอาการปวดตุบๆ ที่หัว ลุกขึ้นนั่งมึนบนเตียงครู่หนึ่งพอสติเริ่มกลับมาสายตาผมก็กวาดมองไปรอบๆ เผื่อว่าจะนึกอะไรออกบ้าง
หืม... แล้วทำไมตูนอนไม่ใส่เสื้อวะ
ผมถลกผ้าห่มออกเพื่อดูให้แน่ใจ ก่อนจะเห็นคราบเลือดติดอยู่ที่ไอ้หนูของผม เฮ้ย! กูไปทำอะไรมาวะ ผมขมวดคิ้วอย่างสับสนลองจับดูก็ไม่เจ็บไม่ปวดอะไรนี่หว่า แล้วรอยเลือดคาวๆ นี่มันหมายความว่ายังไง...
อา! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำโดยที่ยังไม่หยุดสงสัย หวังว่าอาบน้ำแล้วจะช่วยให้หัวโล่ง คิดอะไรออกบ้าง แต่ท่าทางผมจะคิดผิด
ผมจำอะไรไม่ได้เลย
แมร่ง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นวะ ผมออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันหลวมๆ ที่เอว เปิดตู้เสื้อผ้าแล้วก็ต้องชะงักกึก ทำไมตู้มันโล่งๆ วะ เมื่อวานยังแน่นเอี๊ยดเพราะเสื้อผ้าไอ้เด็กบ้านั่นอยู่เลย
ผมชำเลืองมองไปทางกระเป๋าของไอ้เด็กนั่นอย่างไม่รู้ตัว ขมวดคิ้วเข้าหากันทันทีที่ไม่เห็นกระเป๋าอยู่ตรงนั้น ไปไหนวะ หรือว่าจะย้ายที่เก็บ
เฮ้ยเหรอว่าไอ้เวรนั่นจะใช้ห้องเก็บของ ผมกำชับมันแล้วนะว่าห้ามยุ่มย่ามกับห้องนั้นเด็ดขาด ผมรีบหยิบเสื้อยืดกับกางเกงมาสวมลวกๆ แล้วเดินออกมาเปิดห้องเก็บของดูอย่างร้อนใจ
ในหัวนี่สาปส่งไอ้เด็กเวรนั่นไปต่างๆ นานา ที่บังอาจไม่เชื่อฟัง แต่พอเปิดประตูเท่านั้นผมก็ยืนนิ่งไปเกือบหนึ่งนาที ของทุกอย่างในนี้ยังอยู่ในสภาพเดิม เรียบกริบ ไม่มีวี่แววการรื้อค้นแม้แต่น้อย ขนาดประตูยังไร้ร่องรอยนิ้วมือของหมอนั่น
ผมรีบสืบเท้าไปที่ห้องหนังสือทันที แต่ก็ไร้เงาของเด็กนั่น แม้แต่รอยเท้าก็ยังไม่มี ผมเดินวนไปทั่วห้องเหมือนคนบ้า แปลกว่ะ มันไม่อยู่หรือว่ามีเรียน? แค่ไปเรียนแล้วกระเป๋ากับเสื้อผ้าจำเป็นต้องหายไปด้วยเหรอวะ
ผมเข้ามาหาอะไรกินในครัว แม้แต่ของในตู้เย็นก็ไม่พร่องสักอย่าง ถึงก่อนหน้านี้เด็กนั่นจะไม่เคยแตะต้องของของผมแต่ไอ้ความรู้สึกกวนใจนี่มันอะไร ทำไมจะต้องมากระวนกระวายกับแค่กระเป๋าเสื้อผ้าเด็กนั่นหายไปด้วย
ผมหยิบขวดน้ำออกมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา หยิบรีโมตเปิดทีวี แล้วนอนกดโทรศัพท์คุยกับไนท์ อยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมจำได้ว่าหาเรื่องไอ้เบสมันที่ผับ แต่หลังจากนั้นมึนๆ งงๆ ยิ่งคิดหัวก็ยิ่งปวด ผมขี้เกียจมานั่งรื้อฟื้นให้หนักหัวตัวเองเปล่าๆ สู้ถามไอ้ไนท์ไปเลยดีกว่า เดาว่าเมื่อวานมันก็มาส่งผมด้วย
ไนท์ : กูว่าละมึงต้องถาม
กันต์ : เออ แล้วกูได้ต่อยไอ้เบสหน้าแหกไหมวะ
ไนท์ : นี่มึงจำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะ
กันต์ : ถ้ากูจำได้กูจะถามมึงไหม
ไนท์ : เอิร์ธเป็นคนห้ามตอนที่มึงจะต่อยไอ้เบสจำได้ไหม
ผมพรวดพราดลุกขึ้นนั่ง จ้องข้อความในแชทอย่างสับสน กดโทรหาไอ้ไนท์ทันทีเพราะพิมพ์คุยมันไม่ทันใจ
“มึงว่าอะไรนะไนท์ เอิร์ธเหรอ เอิร์ธไหน อย่าบอกนะว่าเป็นไอ้เด็กเอิร์ธลูกเมียใหม่พ่อกู”
(เฮ้ย อะไรของมึงวะกันต์ ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น เออ เอิร์ธน้องมึงนั่นแหละ)
ไอ้ไนท์หัวเราะตบท้าย ผมยกหูโทรศัพท์ค้างรู้สึกมึนหัวตึบและสงสัยมากกว่าเดิม
“แล้วไอ้เด็กนั่นไปทำอะไรวะ”
(คงไปเที่ยวกับเพื่อนๆ นั่นแหละ แล้วนี่มึงตื่นดีแล้วใช่ไหม กูจะได้เคลียร์บิลล์เมื่อคืน)
ผมกำลังคิดไม่ตกเรื่องไอ้เด็กเอิร์ธแต่ไนท์ก็พูดเรื่องอื่นแทรกเข้ามา ทำให้ผมลืมเรื่องเอิร์ธไปชั่วขณะ
“เออ มึงส่งมาทางไลน์เดี๋ยวกูเคลียร์ให้”
ผมบอก หลังจากนั้นไอ้ไนท์ก็บ่นเรื่องที่ผมไปทำไอ้เบสเพราะทำให้มันเสียเพื่อนไปด้วย หลังจากนี้ไอ้เบสคงไม่มาเหยียบผับไอ้ไนท์อีกนาน ตราบใดที่ไนท์มันยังสนิทกับผม
หึ เพื่อนอย่างไอ้เบสมึงยังอยากคบอยู่เหรอวะ
“มึงลืมแล้วเหรอว่ามันแย่งเมียกู”
(เออกูรู้ แต่มึงควรใจเย็นกว่านี้ไหมวะ ไอ้เบสมันคงแย่งมะปรางไปจากมึงไม่ได้ถ้ามะปรางไม่ได้มีใจให้มัน)
ไอ้ไนท์พูดแทงใจดำผมอย่างจัง เรื่องมะปรางกับไอ้เบส มันไม่เคยพูดเข้าข้างหรือโอ๋ผมเลย เอาแต่พูดจี้ใจจนบางครั้งผมทนไม่ไหวพุ่งชกหน้ามันไปก็มี แต่ต่อยไม่เคยโดนสักครั้ง หวดได้แต่ลมกับอากาศ
(เมื่อไหร่มึงจะหักห้ามใจได้วะ)
“แต่มะปรางกำลังจะแต่งงานกับกู”
ปลายเสียงเงียบไปเมื่อผมพูดออกมาแบบนั้น ความเจ็บปวดคล้ายหัวใจโดนเกี่ยวกระชากจากลวดหนามกลัดแน่นอยู่ในอก แค่ผมคิดถึงแพลนที่เราสองคนเตรียมเอาไว้ก็น้ำตาจะไหล เราถึงขึ้นลองชุดแต่งงานและเลือกการ์ดกันแล้วด้วย แต่จู่ๆ มะปรางก็มาบอกเลิกผมในวันถ่ายพรีเว้ดดิ้ง
ผมกัดฟันกรอดเมื่อนึกถึงความขมขื่นในวันนั้น ได้เบส! ไอ้เพื่อนเวร มันกับผมก็เป็นเพื่อนกันตอนเรียนมหาลัยแล้วก็แยกย้ายกันไปหลังจากเรียนจบ แต่ความที่อยู่กลุ่มเดียวกันก็มีนัดพบปะสังสรรค์กันเรื่อยๆ ผมพามะปรางไปด้วยตลอดเพราะเป็นคนเปิดเผยเรื่องแฟน ผมไม่เข้าใจ ไอ้เบสมันมีดีตรงไหนถึงทำให้มะปรางนอกใจผม
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห โธ่โว้ย! ผมเตะขาโต๊ะด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นพร้อมกับสบถเสียงฉุน
หลังวางสายจากไอ้ไนท์ ผมนั่งนิ่งๆ อยู่นานกว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ ลุกขึ้นมาเคลียร์งานเอกสารที่ห้องหนังสือจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีเข็มนาฬิกาก็บอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว
หิวว่ะ หาอะไรกินดีกว่า ผมเดินลูบท้องออกมาจากห้องหนังสือ หืม... ภายในห้องเงียบสนิท ผมว่ามันแปลกๆ ถึงจะเคยชินกับการอยู่คนเดียวแต่เมื่อไม่กี่วันก่อนน้องชายต่างสายเลือดผมเพิ่งย้ายมาอยู่ด้วย แล้วตอนนี้ไอ้เด็กนั่นก็หายไปอย่างไร้วี่แวว
ถ้ากระเป๋ากับเสื้อผ้ามันยังอยู่ที่นี่ผมจะไม่รู้สึกกังวลสักนิด ติดเรียนหรืออะไรของมันวะ ถ้าจะกลับดึกอย่างน้อยก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้าง จริงสิ ผมจำได้ว่าเห็นโน้ตมันแปะไว้ที่ตู้เย็น รีบเดินมาดูทันที
มันบอกว่าจะไปผับกับเพื่อน แต่นี่มันของเมื่อวาน...
ไม่รู้ผมนึกอะไร จู่ๆ ก็เดินมากดโทรศัพท์โทรหาที่บ้าน... โชคดีที่แม่บ้านรับสายเพราะอย่างน้อยก็น่าจะคุยง่ายกว่าพ่อตัวเอง
(คุณเอิร์ธเหรอคะ ไม่ได้กลับมาที่บ้านนะคะ ป้านึกว่าคุณเอิร์ธอยู่กับคุณกันต์ซะอีก นี่คุณเอิร์ธหายตัวไปเหรอคะ)
ผมรู้สึกสับสนกับสิ่งที่แม่บ้านบอกแต่คิดว่าไม่น่าจะโกหก ปฏิเสธกลบเกลื่อนไปทันที
“พอดีเห็นยังไม่กลับห้อง ผมเป็นห่วง นึกว่ากลับบ้านก็เลยโทรมาถามดู ถ้างั้นก็น่าจะอยู่กับเพื่อน ไม่เป็นไรครับป้า ไม่ต้องพ่อด้วยนะว่าผมโทรมา ขี้เกียจฟังเสียงพ่อบ่น”
(แหมคุณกันต์เป็นห่วงน้องแบบนี้คุณผู้ชายไม่บ่นหรอกค่ะ แต่ไม่เป็นไรถ้าคุณกันต์ไม่ให้บอกป้าก็จะไม่บอก แล้วคุณกันต์ไม่โทรตามคุณเอิร์ธล่ะคะ)
“ผมไม่มีเบอร์”
(อ่าว... ที่ป้ามีเอาหรือเปล่าคะ)
“ขอบคุณครับ”
ผมวางสายหลังได้เบอร์โทรไอ้เด็กนั่น แม่บ้านไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลย ท่าทางคงคิดว่าผมแค่เป็นห่วงไอ้เด็กนั่นตามประสาพี่น้องนั่นแหละ ซึ่งดีแล้ว ขืนผมบอกว่ากระเป๋ากับเสื้อผ้าไอ้เด็กเวรนั่นหายไปด้วย ได้วุ่นวายกันทั้งบ้านแน่และคนที่ซวยสุดก็คงไม่พ้นผมที่จะโดนพ่อว่า
ผมจ้องเบอร์ไอ้เด็กนั่นครู่หนึ่งก่อนจะกดโทรออกอย่างไม่แน่ใจ รู้สึกคล้ายมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ในอก
ภาพแรกที่ตื่นมาบนที่นอนทอวาบเข้ามาในหัว ทำไมร่างผมเปลือยเปล่าแล้วแถมยังมีเลือด...
(ฮะโหล)
เสียงที่ดังจากปลายดึงความสนใจของผมไป
“มึงอยู่ที่ไหน! ”
(ขอโทษครับผมไม่ใช่เอิร์ธ)
“อ่าว....” ผมค้างเติ่งอยู่ครู่หนึ่ง เอามือถือออกมาดูเบอร์ที่หน้าจอเทียบกับกระดาษที่จดก่อนหน้านี้ก็ถูกนี่หว่า ผมเอาโทรศัพท์มือถือแนบหูอีกครั้ง “แล้วมึงเป็นใคร”
(ผมตะวันเป็นเพื่อนเอิร์ธ)
เพื่อน....
“อ่อ แล้วหมอนั่นอยู่ไหน ตามมาคุยหน่อยสิ”
(โทษนะครับพี่กันต์แต่เอิร์ธหลับอยู่ หมอนั่นไข้ขึ้น ปลุกมาคุยตอนนี้ก็คงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ผมว่าพี่โทรมาใหม่ดีกว่า)
ไม่สบายเหรอ แล้วไอ้เด็กนั่นไปป่วยทำซากอะไรที่นั่นบ้านช่องไม่ยอมกลับ ผมร้อนใจและหงุดหงิดนิดๆ ถามกลับไปเสียงค่อนข้างดุ
“ตอนนี้เอิร์ธอยู่ไหน”
(ห้องผม)
“บอกพิกัดมา เดี๋ยวกูไปรับ”
(....)
