บทที่ 13 เศษสวะ

เพล้ง!

ฉันเผลอปล่อยกรอบรูปในมือหล่นพื้นจนมันแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เพราะตกใจกับน้ำเสียงน่ากลัวที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉันสัมผัสได้ถึงความสั่นของทั้งสองมือและร่างกายตัวเอง ดวงตาสอดส่ายไปมาอย่างคนหวั่นวิตก ภายในหัวใจเต้นรัวบ้าคลั่งจนหายใจแทบไม่ออก

ไม่นะ.. อาการฉันกำลังจะกำเริบ!

ยา… ฉันต้องการยา!

ฉันกวาดสายตามองหากระเป๋าของตัวเองด้วยความร้อนรนและก็พบว่ามันวางอยู่ไม่ไกลจากหัวเตียงมากนัก ฉันรีบพุ่งเข้าไปหาพร้อมกับรื้อค้นหากระปุกยาประจำตัวทันที ฉันพยายามระงับความสั่นของมือตัวเองให้เป็นปกติและพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อควานหากระปุกยาต่อไป แต่เทของจนหมดกระเป๋าแล้วก็ยังไม่พบ นั่นทำให้ฉันหายใจติดขัดมากไปกว่าเดิม และฉันกำลังจะคลั่ง!

“ไม่… ไม่จริง! อยู่ไหน… ยาฉันอยู่ไหน!”

กีก… กึก

“หานี่อยู่สินะ”

เสียงเขย่ากระปุกยาดังขึ้นอีกครั้งจากด้านหลัง ช่วยหยุดความกระวนกระวายของฉันในทันที ฉันรีบหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาคนนั้นอย่างไม่รีรอ เวลานี้ร่างกายของฉันมันสั่นไปหมด ฉันพยายามสูดลมหายใจเข้าออกแรง ๆ เพื่อบรรเทาอาการทรมานของตัวเอง และเมื่อเห็นกระปุกยาสีขาวในมือของเขา ฉันก็รีบพุ่งตัวเข้าไปคว้ามันอย่างไม่ลังเล

หากทว่า…

ปึง!

กระปุกยาของฉันถูกคว้างไปทางผนังห้องด้วยความรุนแรง ทันทีที่กระปุกยากระทบกับผนังจนเกิดเสียงดัง ยาเม็ดเล็ก ๆ กระเด็นออกจากปากกระปุกและตกกระจายทั่วพื้นห้องต่อหน้าต่อตาของฉัน วินาทีนั้นร่างกายของฉันมันชาไปหมดทุกส่วน ฉันต้องกินยานั่นเดี๋ยวนี้เพื่อระงับอาการบ้า ๆ นี่! ถ้าฉันไม่ได้กินมันอาการทรมานของฉันมันจะไม่ทุเลาลง!

“ไปเก็บมากินสิอัยย์ เธอจะได้หายทรมาน” เสียงกระซิบดังข้างใบหู ฉันเม้มริมฝีปากแน่นพยายามระงับความทรมานของร่างกายเอาไว้ก่อนจะค่อย ๆ หันกลับมามองเจ้าของคำพูดเมื่อครู่ เขาจะยืนอยู่ใกล้ฉันมาก แต่เพราะความมืดมิดภายในห้องทำให้ฉันมองเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัด

“นายเป็นใคร…” ฉันพยายามข่มน้ำเสียงถาม ไม่อยากให้เขารับรู้ถึงความทรมานของฉันมากกว่าที่เป็นอยู่ “ต้องการ… อะไรจากฉัน?!”

“เคยบอกแล้วไงว่าฉัน… ต้องการชีวิตเธอ”

คำตอบแสนบัดซบนั่นย้ำขึ้นมาอีกครั้ง ฉันไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วยว่าเขาเป็นใคร และก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจสักนิดที่คนคนนี้ต้องการชีวิตฉัน แน่ล่ะ… ใคร ๆ ก็อยากจะได้ชีวิตของลูกสาวท่านรัฐมนตรีกันทั้งนั้น คนที่ต้องการมีอำนาจเหนือกว่าพ่อฉันยังมีอีกมากมายนัก และฉันควรจะชิน…

แต่ไม่เลย… ฉันไม่เคยชินกับมันสักนิด! กับชีวิตบัดซบที่เหมือนไร้วิญญาณ เหมือนตุ๊กตาไร้ความรู้สึกแบบนี้ ฉันไม่เคยชินเลย! ฉันก็แค่อยากจะเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ได้รับความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว ได้มีทั้งพ่อและแม่ที่คอยห่วงใย มีคนรักดี ๆ ที่คอยดูแลเอาใจใส่ ฉันแค่ต้องการสิ่งเหล่านั้น ซึ่งมัน… ไม่มีวันจะเกิดขึ้นในชีวิตอันน่าสมเพชของฉัน!

“ก็เอาสิ… ฆ่าฉันเลย” ริมฝีปากซีดเซียวบิดยิ้มเย็น ฉันพยายามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาดำมืด ความมืดสลัวบดบังใบหน้าของเขาจนมองแทบไม่เห็น มีเพียงแสงจันทร์จากหน้าต่างเท่านั้นที่ส่องผ่านเข้ามาภายในห้อง และมันพาดผ่านเรือนร่างกำยำของผู้ชายตรงหน้าซึ่งเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นรอยสักน่ากลัวบนหัวไหล่ลามถึงลำคอ สายตาฉันกวาดมองรอยสักพวกนั้นไปเรื่อย ๆ จนหยุดอยู่ที่รอยสักรอยหนึ่งบนแผ่นอกข้างซ้ายของเขา

นั่นมัน… สัญลักษณ์ขององค์กรนรก Under.G นี่! ฉันรู้จักองค์กรนี้มาพอสมควร มันเป็นองค์กรที่รวบรวมพวกเศษสวะเอาไว้มากมายจนน่ารังเกียจ และพ่อฉันมักพูดถึงมันบ่อย ๆ เมื่อเกิดเรื่องลอบทำร้ายขึ้น เพราะองค์กรนี้มันสารเลวทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะฆ่า ปล้น หรือโจรกรรมอะไรพวกมันก็รับหมด ขอเพียงให้ได้เม็ดเงินเท่านั้น!

“หึ ดูเธอไม่ตกใจเลยที่เห็นรอยสักนี่”

ฉันละสายตาจากรอยสักรูปงูพันรอบดาบที่มีด้ามเป็นไม้กางเขนขึ้นมองสบตากับเขา ริมฝีปากแสยะยิ้มอีกครั้งอย่างไร้ความเกรงกลัว อาการสั่นเมื่อครู่ค่อย ๆ จางหายไป ฉันพยายามอย่างมากในการกดอารมณ์รุนแรงของตัวเองเอาไว้ไม่ให้มันระเบิดออกมา

“นายมันก็แค่เศษสวะ… ไร้ค่า”

“ประเมินฉันต่ำไปหรือเปล่า…” ร่างสูงเคลื่อนไหวช้า ๆ เขาก้าวเท้าเข้าหาฉัน แสงจันทร์สาดส่องผ่านใบหน้าเสี้ยวหนึ่งเผยให้เห็นรอยยิ้มปีศาจผุดขึ้น ความน่ากลัวนั่นฉายชัดออกมาจนฉันต้องถอยหนี “...อัยย์”

“อย่ามาเรียกชื่อฉันนะ!” ฉันหวีดเสียงใส่อย่างเกรี้ยวกราด อารมณ์ที่พยายามกดเก็บเมื่อครู่ระเบิดออกมา สองมือยกขึ้นผลักร่างสูงที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาหาสุดแรง แต่ไม่ทำให้เขาสะเทือนเลยสักนิด ฉันเผลอถอยหลังหนีโดยไม่รู้ตัวก่อนจะสะดุดกับเตียงด้านหลัง “ถอยออกไป!! ไอ้เศษสวะ!!”

ตุบ!

“ปล่อย!!! อึก!!!”

ร่างของฉันเสียหลักล้มลงบนเตียงโดยมีร่างสูงคร่อมทับ ฉันหวีดร้องสุดเสียงก่อนจะสะอึกออกมาเพราะถูกฝ่ามือหนากดลำคออย่างแรง ไอ้สารเลวนี่มันกำลังบีบคอฉัน! ฉันกำลังหายใจไม่ออก มันอึดอัดอย่างสุดแสนจะทรมาน

“เงียบทำไมล่ะอัยย์ ร้องต่อสิ หวีดเสียงของเธอออกมาดัง ๆ ด่าและสาปแช่งฉันต่อสิ!”

ดวงตาทั้งสองข้างของฉันเบิกโพลง สองมือพยายามจิกปลายเล็บลงบนหลังมือหนาที่กำลังบีบคอตนเองอยู่ และเพราะว่าแสงจากหน้าต่างส่องผ่านมาบริเวณนี้โดยตรงทำให้ฉันสามารถมองเห็นใบหน้าของไอ้เดนนรกที่กำลังจะฆ่าฉันอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก

แววตาดำมืดแสนน่ากลัว ริมฝีปากซีดคล้ำน่ารังเกียจ เรือนผมสีเทาหม่นตัดรับกับใบหน้าเรียวดูดีดุจปีศาจในคราบเทพบุตร...

นี่เขาคิดจะฆ่าฉันจริง ๆ น่ะเหรอ!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป