บทที่ 2 การกลับมา
06:20 PM
โรงแรมยางุไซ
โรงแรมระดับเจ็ดดาวซึ่งหรูที่สุดในย่านนี้ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มือหนายกขึ้นขยับหมวกฮู้ดขณะสอดส่ายสายตามองชายชุดดำนับสิบที่ยืนกระจายอยู่ล้อม ๆ ทางเข้า เนื่องจากวันนี้ทางโรงแรมกำลังจัดงานแต่งงานสุดยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทั้งเกาะญี่ปุ่น แม้แต่ในเรือนจำที่ผมเพิ่งได้รับอิสรภาพมายังเปิดข่าวนี้แทบจะทั้งวันเลยทีเดียว
แน่ล่ะ! ข่าวต้องดังมากอยู่แล้วเพราะมันเป็นงานแต่งงานระหว่างลูกสาวรัฐมนตรีกับทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านของญี่ปุ่น
ยามาดะ อัยย์ และ ทานากะ ริวตะ
ผมรีบก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามาภายในโรงแรมโดยรอดพ้นจากสายตาของพวกชายชุดดำเหล่านั้นสำเร็จ เมื่อเข้ามาถึงด้านในก็พบกับบรรยากาศวุ่นวายที่ไม่คุ้นตาสักนิด ผู้คนมากมายสวมชุดราคาแพงเดินกวัดไกวไปทั่ว บางคนจิกตามองการแต่งกายของผมด้วยสายตาเหยียดหยามและดูถูกกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมไม่สนใจพวกคนไร้สมองแบบนั้นหรอก เพราะสิ่งเดียวที่ผมสนใจคือผู้หญิงคนนั้น…
[เอ่อ… ขออภัยแขกที่มาร่วมงานทุกท่านด้วยนะคะ เนื่องจากตอนนี้ทางเราต้องขอยุติการจัดงานแต่งงานไว้เพียงเท่านี้ค่ะ]
เสียงฮือฮาดังแข่งระงมแทบจะกลบเสียงประกาศของผู้หญิงร่างบางบนเวทีจนหมด ผมจับจ้องเธอคนนั้นที่มีท่าทีกระสับกระส่ายราวกับว่าเกิดเรื่องใหญ่โตบางอย่างขึ้นในงาน และไม่ต้องสงสัยนานเมื่อเธอคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพูดใส่ไมคโครโฟนในมืออีกครั้ง
[งานแต่งงานครั้งนี้ต้องยุติลงเนื่องจากคุณริวตะ… เจ้าบ่าวเพิ่งประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหันค่ะ]
“ว่าไงนะ! ตายแล้ว”
“เจ้าบ่าวเสียชีวิตงั้นเหรอ?!”
“โอ้ นี่มันข่าวช็อกวงการมากเลยนะเนี่ย!”
เสียงพูดคุยจากแขกเหรื่อภายในงานเริ่มทวีความดังอย่างน่ารำคาญ ผมกระชับเสื้อโค้ชเล็กน้อยก่อนจะถอยหลังเดินออกมาจากงาน ข่าวการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของเจ้าบ่าวเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งโรงแรม และเหมือนว่าจะไร้วี่แววของเจ้าสาวคนสวยภายในงานเช่นกัน นั่นหมายความว่าวันนี้ผมคงหมดโอกาสที่จะได้พบกับเธอคนนั้นอย่างแน่นอน ผมจึงยอมล่าถอยออกมา
ไม่เป็นไร… ไม่ช้าก็เร็ว… ผมต้องได้เจอกับเธอแน่!
.
09:25 PM
ท้องฟ้าเวลานี้มืดลงจนเหลือเพียงแสงไฟจากสองข้างทาง ผมก้าวเท้าไปตามพื้นถนนซึ่งเป็นทางลาดลงจากเนินเขา อากาศเย็นเฉียบแทรกซึมผ่านเสื้อโค้ชตัวหนาเข้ามา ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกถึงความหนาวเหน็บเลยสักนิด ดวงตาคมกวาดมองไปทางบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางรั้วสูงที่กลืนกินเนื้อที่กว่าสิบไร่ แสงไฟภายในบ้านเปิดเพียงริบหรี่ราวกับว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ในนั้น
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ชานเมืองห่างจากโตเกียวพอสมควร พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยป่าเขาและไร้ผู้คนสัญจร ถ้าให้พูดง่าย ๆ ก็คือชนบทนั่นแหละ พื้นที่ห่างไกลความเจริญ ที่นี่จึงมีผู้คนอาศัยอยู่น้อยคนนัก บ้านเรือนแต่ละหลังตั้งห่างกันเป็นไมล์ ซึ่งผมชอบนะ มันเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวายดี เหมือนกับที่เจ้าของบ้านหลังนี้ชอบเช่นกัน
กริ๊ก…
เสียงปลดล็อกประตูรั้วเหล็กดังขึ้น กุญแจในมือถูกเก็บใส่กระเป๋าเสื้อโค้ชเช่นเดิม มือหนาผลักประตูเข้ามาด้านในสองตากวาดมองรอบตัวบ้านหลังใหญ่ที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยกลับมาร่วมแปดปีเต็ม นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้กลับมา แต่ความรู้สึกโหยหาในใจผมเวลานี้มันไม่ได้มาจากบ้านหลังนี้หรอก… มันมาจากคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ต่างหาก…
ผมก้าวเท้าลงบนพื้นถนนเล็ก ๆ ซึ่งทอดยาวจากประตูรั้วไปสู่ประตูหน้าบ้าน บรรยากาศเดิม ๆ และความทรงจำเก่า ๆ เริ่มย้อนกลับเข้ามาภายในหัวสมองผมช้า ๆ
‘พี่ชายกลับมาแล้วเหรอคะ ชอนซาคิดถึงพี่ชายจังเลย’
เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นในหัว ภาพของเด็กผู้หญิงวัยแปดขวบวิ่งเข้ามากอดด้วยความคิดถึง ผมยังจำสัมผัสนั้นได้ไม่เคยลืมเลือน สัมผัสอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ เป็นสัมผัสเดียวในชีวิตที่ทำให้ผมมีความสุขอย่างที่สุด
ชอนซา… คือลมหายใจของผม เธอคือสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลเธอ คือสิ่งสุดท้ายที่ทำให้หัวใจของผมยังเต้นอยู่
และนั่นคือความรู้สึกเมื่อแปดปีก่อน ก่อนที่เรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้นซึ่งมันเปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล มันทำให้ผมต้องจากกับชอนซา ผมไม่สามารถทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับเธอได้…
แต่วันนี้ผมกลับมาหาเธอแล้ว ผมได้กลับมาทำตามสัญญาเพื่อดูแลเธออีกครั้งหลังจากละทิ้งเธอไปแปดปีเต็ม ใช่… ผมกลับมาแล้ว…
พี่กลับมาแล้วนะชอนซา… นางฟ้าของพี่
ความคิดทั้งหมดหยุดลงเมื่อผมเดินมาถึงประตูบ้านหลังใหญ่ ความเงียบครอบคลุมรอบตัว มือหนายกขึ้นผลักบานประตูเปิดออกช้า ๆ แสงไฟจากห้องรับแขกเรียกสายตาของผมทันที ผมค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยันทิศทางนั้นช้า ๆ ระยะการมองเห็นค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น และเมื่อปลายเท้าหยุดลงข้างโซฟาสีทองตัวยาว หัวใจของผมก็แทบจะหยุดเต้นกับภาพตรงหน้าที่เห็น…
ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดนอนสีขาวกำลังนอนคว่ำอยู่บนพื้นหน้าโซฟา ใบหน้าสวยซีดเซียวอย่างน่ากลัว ดวงตาปิดสนิทราวกับไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ในมือของเธอถือกระปุกยาสีขาว บริเวณเดียวกันมียาเม็ดเล็ก ๆ ตกกระจายเต็มพื้นไปหมด
นี่มัน… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น… ทำไม… ทำไม… เธอถึงอยู่ในสภาพแบบนี้…
“ชอนซา… ชอนซา!!”
