บทที่ 8 เพลิงคลั่งรัก : 7

เมื่อสี่เดือนก่อน เขามีนัดเจรจาธุรกิจค้าอาวุธกับรายใหญ่ที่เมืองกว่างโจว ครั้นตกลงกันเรียบร้อยเขาจึงให้ลูกน้องขับรถกลับที่พัก แต่จังหวะที่รถขับผ่านสะพานข้ามแม่น้ำจู สายตาดันสะดุดเข้ากับแผ่นหลังบางที่ยืนเกาะราวสะพานอยู่อย่างเหม่อลอย

เขาสั่งให้ทัศน์เทพจอดรถเพื่อมองดูเธอคนนั้นหลายนาที

เห็นหมดทุกอย่างว่าเธอคิดจะทำอะไร จวบจนเธอคนนั้นตัดสินใจเดินกลับมายังจักรยานคันเก่า ๆ เขาเลยโล่งอก

และเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่เขาเห็นแผ่นหลังและใบหน้าเพียงครึ่งเสี้ยวแถมยังมืดสลัว เขากลับลืมเธอไม่ลง

ไม่รู้ว่าต่อมาเป็นพรมลิขิตหรือแค่เรื่องบังเอิญ กันตพลขับรถผ่านไปทางเดียวกับรถที่จับตัวขัติมากรมาพอดี

เพียงแค่เขาเห็นแผ่นหลังบางนั้นอีกครั้งก็จำได้ทันทีว่าคือคนเดียวกันที่ตรึงหัวใจเขาไว้จนถึงตอนนี้

เขาสั่งลูกน้องให้ลงไปช่วยเหลือเธอทันทีโดยไม่คิดถึงความวุ่นวายที่จะตามมา

ขัติมากรสลบตั้งหลายนาทีพอฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่หวาดกลัวเขาและลูกน้องเพราะคิดว่าเป็นพวกเดียวกัน กว่าจะพูดให้เธอไว้ใจได้ก็นานเอาเรื่องอยู่

พอคนที่สติแตกกระเจิงตั้งสติได้ กันตพลก็ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นทันที

เสียงสั่นเครือและยังหวาดระแวงในตอนนั้นเล่าเพียงแค่ว่า เธอถูกจับตัวมาจากพวกค้ามนุษย์เพราะที่บ้านติดหนี้พวกมัน โดยที่เก็บรายละเอียดส่วนสำคัญเกี่ยวกับป้าแท้ ๆ เอาไว้

กันตพลได้ฟังเรื่องราวก็หดหู่ตาม เขาเซ็นเช็คจำนวนถึงสิบหลักส่งให้เธอในทันที

'เอาไปให้พวกมันซะ'

ในนาทีนั้นขัติมากรย่นคิวด้วยความไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็เริ่มเข้าใจในเวลาต่อมาว่าเขาคงอยากช่วย (จริง?) หรือหลอกลวงอะไรเธอเหมือนกับป้าของเธอหรือเปล่า จึงตัดสินใจถามออกไปเสียงสั่น

'แลกกับอะไรคะ?'

เธอสบตาคมคู่นั้นที่ยิ่งมองยิ่งรู้สึกเยือกเย็นจนขนลุก

'ร่างกายของเธอ'

เพียงแค่คนแปลกหน้าตอบคำถามนั้น ขัติมากรรีบวิ่งหนีเขาทันทีแต่กลับวิ่งได้แค่ใจคิด เมื่อความเป็นจริง เธอถูกชายรูปร่างกำยำสองคนดักที่หน้าประตูเอาไว้ไร้หนทางหลบหนี

'ใจเย็น ๆ ก่อน สาวน้อย'

กันตพลไม่รู้จะเรียกเธอว่าอะไรเลยใช้สรรพนามนั้นแทน

จะดูเด็กไปไหมนะ...

แต่ดูจากหน้าตาก็น่าจะไม่เกิน 17-18 ปี

'เธอกำลังเข้าใจความหมายฉันผิด'

'เข้าใจผิด... ยังไงคะ"

เสียงที่ถามออกมาตอนนั้นทั้งสั่นกลัวและสั่นสู้

'ฉันต้องการร่างกายเธอจริง แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง'

เกือบหัวใจวายอีกรอบไปแล้ว โชคดีที่เขาบอกความหมายของประโยคแสนกำกวมนั้นก่อน

'หนูทั้งผอม ทั้งเรี่ยวแรงน้อย คุณจะใช้ประโยชน์อะไรกับร่างกายนี้ได้'

นั่นสิ!

ยัยเปี๊ยกนี่ตัวก็เล็ก ผอมกะร่อง ดีแค่สูงถึงเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป แล้วแบบนี้จะใช้อะไรกับร่างกายเธอดีนะ

'คอยอยู่ข้าง ๆ ฉัน ง่าย ๆ แค่นั้น ทำได้ใช่ไหม'

"อืม"

เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้น ดึงร่างสูงแสนมาดแมนหลุดจากภวังค์ในอดีต

กันตพลค่อย ๆ ลอบมองปฏิกิริยาคนบนเตียงว่าเธอจะฟื้นหรือแค่ละเมอ

จนเห็นเปลือกตาที่ปิดลูกตาสวยไว้ค่อย ๆ ลืมขึ้นในเวลาไม่กี่นาทีต่อจากนั้น

สิ่งแรกที่คนนั่งเฝ้าเธอมาหลายนาทีทำคือความโล่งใจ

"ฟื้นแล้ว"

น้ำเสียงที่ถามออกไปช่างอ่อนโยน ยากที่ใครจะเคยได้ยินโทนเสียงนี้ของมาเฟียตัวร้าย เจ้าพ่อค้าอาวุธเถื่อนรวมถึงอาชีพสีเทาอื่น ๆ อีกมากมาย

"ค...คุณเพลิงกัลป์!"

เด็กหนอเด็ก...

เจอเขาทำไมถึงได้ดูตกใจขนาดนั้น

หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลา ทว่าอีกคนกลับทำท่าทีเหมือนเจอผีหน้าตาน่าเกลียดไปได้

"คุณเพลิงกัลป์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ"

ที่เธอทำท่าทางแบบนั้นเพราะตกใจต่างหาก

ก็เขาบอกเธอเองว่ามีธุระสำคัญต้องไปจัดการ แต่ทำไมพอเธอฟื้นมาถึงเห็นคนตัวโตนั่งอยู่ตรงนี้ได้

"เป็นยังไงบ้าง ปวดหัวหรือว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า" กันตพลถามอย่างห่วงใย

ยอมรับเลยว่าเก็บอาการกับแม่สาวน้อยของเขาไม่ค่อยได้เลยจริง ๆ

อยากทำเย็นชาเหมือนที่ทำกับคนทั้งโลก แต่ไม่รู้เพราะอะไร เพียงแค่อยู่ต่อหน้าผู้หญิงคนนี้เขากลับควบคุมตัวเองไม่ได้

ต่อหน้าคนอื่นเขายังพอเก็บอาการได้ส่วนหนึ่ง แต่พอเป็นการอยู่ลำพังแบบนี้เขากลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

สายตาอ่อนโยนที่ทอดมองออกไปเขาจะรู้ตัวไหมนะว่าทำเด็กสาวคนหนึ่งกำลังสั่นไหว

"หนูไม่เป็นอะไรค่ะ"

ขัติมากรตอบเสียงแผ่ว แถมยังมีหลบสายตาคมคู่นั้นเสมองไปทางอื่นทั้ง ๆ ที่ใจอยากจดจ้องใบหน้านั้นแทบตาย

"แน่ใจนะ?"

กันตพลไม่รู้ว่าน้องสาวบุญธรรมเขาทำอะไรเธอคนนี้บ้าง

"ค่ะ หนูแค่คิดเรื่องเก่า ๆ แล้วคงควบคุมตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวอีกที ก็เห็นคุณเพลิงกัลป์นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว"

จู่ ๆ หัวใจที่เคยเต้นปกติก็แกว่งแรง เมื่อกันตพลเผลอแปลคำพูดธรรมดานั้นเป็นความหมายที่พิเศษ

ตื่นมาแล้วเห็นเขานั่งอยู่ตรงนี้ ก็เท่ากับว่า ตื่นมาเจอเขาเป็นคนแรกในสายตา อะไรมันจะรู้สึกดีแบบนี้ก็ไม่รู้

"คุณเพลิงกัลป์ไม่สบายหรือเปล่าคะ"

มือบางรีบเอื้อมไปแตะหน้าผากอีกคนทันทีเมื่อพวงแก้มเขาแดงขึ้นแถมยังลามไปถึงลำคออีก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป