บทที่ 13 ผู้ชายขี้หงุดหงิด

“พี่พลอยเอาอะไรไหม? เพชรจะลงไปซื้อของ” ฉันถอดเฮดโฟนลงมาคล้องที่คอพลางหันหน้ามองแหวนเพชรที่สะกิดถาม ฉันส่ายหน้าไปมาแล้วหันมองรอบตัวว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนกันแล้ว ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทบ่งบอกให้รู้ว่าเวลานี้คงดึกพอสมควร ฉันหันกลับมามองภายในรถจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าสองพี่น้องตัวร้ายไม่ได้นั่งอยู่บนรถแล้ว “งั้นเดี๋ยวเพชรมานะ พี่รออยู่บนนี้แล้วกัน”

“ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”

“ไม่ต้อง ๆ ซานเข้าไปรอในมินิมาร์ทแล้ว เพชรไปก่อนนะ”

เออลืมไป... ลืมว่ายัยนี่พกแฟนมาด้วย เหอะ... สรุปมันมาเป็นเพื่อนฉันหรือว่ามาเที่ยวกับแฟนกันแน่หะ!

ฉันถอนหายใจแล้วเปิดประตูลงจากรถพลางสอดสายตามองหาห้องน้ำภายในจุดพักรถขนาดใหญ่ และในตอนนั้นสายตาฉันก็บังเอิญมองเห็นตัวอะไรสักอย่างสีขาว ๆ กำลังนอนขดตัวอยู่บนหลังคาที่ค่อนข้างสูง สองเท้ารีบก้าวเดินเข้าไปใกล้ ๆ ในทันที

เหมี๊ยว~

แมว... ไม่สิ... มันเป็นลูกแมวมากกว่า

“ขึ้นไปทำอะไรบนนั่นน่ะไอ้ตัวเล็ก” ฉันถามลูกแมวตัวสีขาวท่าทางตื่นกลัว มันขยับเข้ามายืนตรงปลายหลังคาจนเกือบจะตก ฉันรีบเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อจะรับร่างเล็ก ๆ ของมันเอาไว้ “อีกนิดเดียว... เร็วสิ... ขยับมาอีกนิดไอ้ตัวเล็ก”

เหมี๊ยวว~

พรึ่บ!

“อ๊ะ!”

มันรวดเร็วมากเมื่อร่างเล็กของลูกแมวสีขาวพลัดตกลงมาจากหลังคา ฉันที่กำลังตกใจจึงรีบตะครุบรับร่างของมันเข้ามากอดไว้แนบอก แต่ดันก้าวเท้าผิดจังหวะทำให้สะดุดขาตัวเองจนเกือบจะล้มหน้าทิ่มถ้าไม่ติดวงแขนของใครบางคนคว้าเอวไว้จากด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดต้นคอจนฉันต้องรีบย่นคอหนี

“อ่ะ...เอ่อ” ฉันทรงตัวขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้อุ้มลูกแมวดึงมือปริศนาที่รัดช่วงเอวออก หากทว่าแขนแข็งแกร่งนั่นกลับไม่ยอมผละออกง่าย ๆ ฉันจึงเอียงหน้าขึ้นมองคนคนนั้นด้วยสายตาไม่พอใจ “นี่คุณ...!”

คำพูดชะงักไปในทันทีที่สบสายตาคมเข้มของเขาคนนั้น ใบหน้าหล่อร้ายกาจและแววตาดุดันของเขาฉันจำมันได้ดีเลยล่ะ!

“ปล่อย...” ฉันยกมือขึ้นฟาดแขนฟรานซิสแรง ๆ หนึ่งทีแล้วหันหน้ากลับมาทางเดิม

ให้ตายสิ! เมื่อกี้เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันเกินไปไหม!

“หึ...” วงแขนแกร่งคลายออกช้า ๆ แต่ไม่วายส่งเสียงแค่นหัวเราะใส่กัน ฉันที่เป็นอิสระจึงรีบเดินหนีเขามาอีกทางซึ่งเป็นทางที่จะเดินไปห้องน้ำ ไม่ได้จะมาเข้าห้องน้ำหรอกนะ แต่ก่อนหน้านี้ฉันเห็นแมวขนสีขาวตัวผอม ๆ เดินมาทางนี้ต่างหากล่ะ น่าจะเป็นแม่ของไอ้ตัวเล็กนี่แน่ ๆ

ฉันสอดส่ายสายตามองหาอยู่เกือบนาทีก่อนจะพบสิ่งที่กำลังตามหา สองเท้ารีบก้าวไปตามทิศทางมืดสลัวนั่น หากทว่ากลับถูกมือหนาของใครบางคนคว้าเอาไว้ ฉันตวัดสายตามองด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะมีใครอยู่แถวนี้

“นาย... ตามมาทำไม!” ฉันว่าพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฟรานซิสมองฉันด้วยสีหน้ายุ่ง ๆ เขาขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วหลุบตาลงมองลูกแมวตัวเล็กในอ้อมกอดของฉัน

“เธอเดินมาไกลเกินไปแล้วนะ รู้ตัวเปล่าวะ!” เขาถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ฉันจึงหันกลับไปมองทางที่เดินมา

ให้ตายสิ... นี่ฉันเผลอเดินออกมาด้านหลังของจุดพักรถเลยเหรอเนี่ย แล้วดูรอบตัวสิ เต็มไปด้วยป่ารกร้าง...น่ากลัวชะมัด!

“....”

“ทำบ้าอะไรวะ! ถ้าฉันไม่เดินตามมานี่จะทำไง!” เขาเสยผมตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วหลุบตามองฉันอีกรอบ ฉันกลอกตาขึ้นพลางถอนหายใจแล้วหมุนตัวเดินตามไปทิศทางที่มีแม่แมวสีขาวนอนอยู่ “ไม่ได้ยินที่พูดเหรอวะแหวนพลอย!”

ฉันไม่สนใจเสียงโวยวายของผู้ชายขี้หงุดหงิดด้านหลัง รีบสาวเท้าเดินเร็วขึ้นจนมาหยุดยืนตรงหน้าชั้นวางของเก่า ๆ ซึ่งมีผ้าชิ้นเล็ก ๆ ดูสกปรกที่แม่แมวตัวนั้นกำลังนอนทับอยู่ ฉันพยายามหรี่สายตาท่ามกลางความมืดเพื่อมองหาลูกแมวที่เหลือ…

“นี่...นายพกโทรศัพท์อยู่หรือเปล่า?” ฉันหันกลับมาถามฟรานซิสที่ยืนล้วงกระเป๋ามองฉันเงียบ ๆ จากด้านหลัง ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจแรง ๆ ก่อนแสงแฟลชจากโทรศัพท์ราคาแพงของเขาจะสว่างวาบขึ้น เขาย่อตัวนั่งลงด้านข้างฉันพลางจ่อแสงไฟไปทางที่แม่แมวนอนอยู่ “นี่มัน...”

ฉันนิ่งอึ้งไปเลยเมื่อแสงสว่างจากโทรศัพท์ส่องกระทบร่างสีขาวของแม่แมวตัวผอมโซ ดวงตาหม่นแสงของมันจับจ้องฉันราวกับหวาดกลัว และที่ขาข้างซ้ายของมันมีคราบเลือดสีดำเกรอะกรังเต็มไปหมด ฉันยกมือขึ้นปิดปากดวงตาไหวระริก แม้ฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนไหวอะไรมากมาย แต่กับเรื่องพวกนี้ฉันสะเทือนใจมากเลยนะ ฉันเป็นคนหนึ่งที่รักสัตว์มาก ๆ พอมาเห็นสภาพแมวตัวนี้แล้วมันอดไม่ได้ที่จะสงสารมัน..

“จะ... ทำอะไร?” ฉันเงยหน้าขึ้นมองฟรานซิสด้วยดวงตาพร่ามัว เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับอุ้มแม่แมวตัวนั้นขึ้นโดยไม่ลืมใช้มืออีกข้างจับแขนฉันแล้วดึงให้เดินตามเขาออกมา “ฟรานซิส...นายจะพามันไปไหน?”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป