บทที่ 9 2(3)
“ไอ้โรคจิต” ฉันกัดฟันกรอด จ้องคนที่กำลังใช้ทิชชู่เช็ดแท่งกลมยาวอยู่ข้างๆ หมอนั่นตวัดสายตาคมกริบมามอง ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ”
“ไม่!”
“แน่ใจ... งั้นอันนี้ล่ะ”
หัวใจฉันกระตุกวูบ จ้องมองหมอนั่นหยิบของบางสิ่งขึ้นมาด้วยสายตาลุกวาว มันมีรูปร่างกลมรีเหมือนไข่ขนาดเล็กมีไฟกะพริบปริบๆ อยู่ข้างใน
“นั่นอะไร หยุด! อย่าเข้ามานะ”
คาวะเคลื่อนตัวเข้ามาหา ฉันถอยกรูดหลังชนกับหัวเตียงดังปั้ก ข้างในยังรู้สึกเจ็บไม่หาย สะเทือนแปลบจนต้องนิ่วหน้า แต่ฉันไม่มีเวลามาใคร่ครวญถึงความเจ็บปวดเพราะเงาของปีศาจชั่วที่เยื้องกรายเข้ามาประชิด
“กรี๊ดดด หยุดนะ!”
หมอนั่นจับขาฉันแยกออกแล้วแทรกตัวเข้ามาตรงกลาง ฉันทั้งร้องทั้งดิ้น ถีบเท้าพรวดพราด ทุบมือที่ถูกมัดใส่ร่างสูงรัวๆ สบถสาปส่งไม่หยุด คาวะบีบโคนขาข้างหนึ่งฉันเอาไว้แน่น ยังไม่ทันที่ฉันจะตั้งตัวได้เขาก็ยัดของในมือเข้ามา
“อ๊าอื้อ หยุด... เอามันออก! กรี๊ด นายอื้อ”
ลมหายใจฉันสะดุด เสียงร้องโวยวายขาดห้วนตามอารมณ์ที่เตลิดไปกับไข่กลมๆ ที่อยู่ข้างในตัว ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ปลายนิ้วเท้าบิดเกร็งอย่างพยายามฝืนกลั้นอารมณ์ไม่ให้สั่นผวาไปกับของบ้าๆ นั่น
“เอาออกนะ”
ฉันทุบกำปั้นที่โดนผูกติดไว้ด้วยกันทั้งสองข้างใส่อกคาวะ เขาคว้าต้นแขนฉันแล้วดึงเข้าไปหา สะโพกเกยขึ้นไปอยู่บนตักของเขาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว แรงสะเทือนนั้นส่งผลกระทบไปถึงข้างใน เสียววาบจนต้องกลั้นหายใจเอาไว้
“คาวะ อือ มัน...”
ฉันซุกหน้าลงบนบ่าแกร่ง อยากขอร้องให้เขาทำบางอย่างทั้งที่ฉันก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่ร่างกายที่โดนบางสิ่งฝังอยู่ข้างในมันทำให้รู้สึกร้อนรุ่ม อึดอัด ทรมานจนแทบทนไม่ได้
“เอาออกเถอะนะ ยอมแล้ว ฉันยอมนายทุกอย่าง ชะช่วยเอาไอ้นี่ออกไปที”
ฉันผละหน้าออกห่างบ่าของคาวะแล้วจ้องมองเขาด้วยแววตาสั่นระริก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือรอยยิ้มที่แสนเย็นยะเยือก ฉันสะท้านวาบไปทั้งไขสันหลัง ความรู้สึกกลัวดิ่งลึกลงไปสุดขั้วหัวใจราวกับว่ายังมีสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้รออยู่
คาวะบีบแก้มฉันแน่น ดวงตาคมกริบกวาดมองสำรวจใบหน้าฉันทุกตารางนิ้วด้วยท่าทางใจเย็น มุมปากของเขายกยิ้มเบาๆ
“ฟังให้ดีซายูริ ถ้าเธอทนได้ฉันจะเชื่อเธอ ถ้าเธอคิดไม่ซื่อก็บอกทุกคนว่าฉันทำอะไรกับเธอบ้าง เท่านี้พวกนั้นก็จะหันปลายกระบอกปืนมาที่ฉันแม้แต่อัยย์ก็คงไม่รอด แต่เธอจะยอมให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เหรอ”
คาวะเหยียดยิ้มกว้างขึ้น สายตาของเขาที่จ้องลึกเข้ามาในแววตาสับสนของฉันเย็นเยียบจนรู้สึกขนลุก ฉันไม่เข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงอะไร จนกระทั่งเขาลากฉันออกไป
ขาฉันอ่อนยวบตั้งแต่ก้าวแรกที่เหยียบลงบนพื้น เซไปซบแผ่นอกของ
คาวะอย่างอ่อนแรง เขาแก้เชือกที่มัดข้อมือฉันออกแล้วพามาที่ลิฟต์อย่างไม่คิดจะเห็นใจฉันแม้แต่น้อย ฉันร้องเรียกให้เขาหยุดตลอดทาง สิ่งที่เสือกแทงอยู่ข้างในทำให้เสียงที่เปล่งออกมาสั่นอย่างไม่อาจควบคุม
ฉันสั่นสะท้านในทุกย่างก้าวที่ขยับเดิน
“คาวะ ฉัน... ฉันอยากเอาออก”
ฉันรบเร้า เขย่าแขนขอร้องคนตรงหน้า แต่หมอนั่นกลับมองมาด้วยสายตานิ่งๆ
“ถ้าเอาออกตอนนี้เธอก็แพ้ ข้อตกลงของเราจะเป็นโมฆะทันที”
“ข้อตกลง?”
ฉันมองสบสายตาคมกล้าตรงหน้าหัวใจสั่น นึกไม่ออกว่าไปทำข้อตกลงตอนไหน อึก! หรือว่าที่เขาพูดตอนนั้น ความคิดในหัวฉันเกิดการปั่นป่วนขึ้นมาทันที
“พะพูดถึงอะไร อื้อ…ทำไมจู่ๆ มันสั่น”
ฉันคว้าแขนคาวะแน่นอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว ยืนบิดตัวไปมาเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนด้านใน หัวใจสั่นระรัว ช่องท้องบีบรัดกะทันหัน
…ฉันเกือบเสร็จ!
ฉันกัดฟันแน่น พยายามต่อสู้กับสัญชาตญาณตัวเอง หลับตาข้างหนึ่ง มองรีโมตเครื่องเล็กจิ๋วที่คาวะล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง
นั่น! เข่าฉันแทบทรุด เมื่อรู้ว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
“หยุดนะ! อืออื้อ คะคาวะ อ๊ะ ฉัน… ฉันจะ”
ติ้ง!
ยังไม่ทันได้เตรียมใจประตูลิฟต์ก็เปิดออก อารมณ์ที่กำลังเตลิดถึงวิมานฉิมพลีเป็นอันชะงักกึก ค้างเติ่งอยู่กลางอากาศก่อนจะร่วงวูบ! เมื่อเห็นคนอื่นยืนอยู่หน้าลิฟต์ ฉันใจหายวาบ ปั้นหน้ายากอย่างทำอะไรไม่ถูก ผิวแก้มร้อนจัด อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขาจะดูออกไหมว่าฉัน… ฉัน…
“อ๊ะ!” ฉันผวาร้องเสียงหวิวเพราะแรงฉุดที่แขน
คาวะดึงฉันที่ยืนเงอะงะออกจากลิฟต์อย่างไม่คิดจะเบามือให้ เท้าที่โดนบังคับให้ก้าวตามไปแบบรวดเร็วทำให้ขาพันกัน สะดุดเสียหลัก
“ว้าย!”
“ระวังครับ”
ผู้ชายที่มายืนรอลิฟต์รีบรั้งแขนฉันเอาไว้ไม่ให้ล้ม มีกลิ่นเหล้าอ่อนๆ ลอยออกมาจากตัว มองจากท่าทางแล้วน่าจะเพิ่งกลับจากไปเที่ยว ฉันมองแผงอกกำยำใต้เสื้อเชิ้ตที่กระดุมสองเม็ดบนหลุดของคนตรงหน้าอย่างหน้ามืดตาลาย ทำไมถึงรู้สึกอยากซบแบบนี้นะ
“เฮ้ย!”
เสียงยะเยือกของคาวะทำให้เขารีบปล่อยมือจากฉันทันที
“ขอโทษครับ”
“ขอบคุณ… อ๊ะ คาวะ เบา… อึกเดี๋ยว”
ฉันยังไม่ทันได้ขอบคุณเขา ก็ถูกคนสารเลวลากออกมาซะก่อน การสับขาเดินตามคาวะมาที่รถไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้ระยะทางจะไม่ไกลจากประตูลิฟต์ แต่สิ่งที่คอยทิ่มแทงอยู่ข้างในมันให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนหนามแหลมไม่มีผิด
