บทที่ 5 คำโกหก

เวลาผ่านไปหลายนาที และฉันก็ถูกวงแขนแกร่งกักกันอยู่ท่าเดิม โดยที่เจ้าของวงแขนนั้นไม่พูดอะไรสักคำ ฉันกลอกตา เงยหน้ามองเขา

‘มีอะไรจะพูดไหมคะ? ถ้าไม่ ก็ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาที่นี่’ ฉันหมดความอดทนแล้ว เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงเกลียดคนพูดน้อยอย่างเขา อยู่ด้วยแล้วมันรู้สึกอึดอัด เหมือนว่าบรรยากาศรอบตัวมันอึมครึมไปหมด ฉันมันเป็นประเภทผู้หญิงสุขนิยม ไม่ชอบอะไรเครียด ๆ ไม่ชอบความมาคุ ยิ่งบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้ยิ่งโคตรไม่ชอบ

‘ไม่ได้ตั้งใจ?’

‘ใช่ ไม่ได้ตั้งใจ’ ฉันจ้องตาคู่คมกลับ

ยอมรับว่าสิงห์คำรามเป็นผู้ชายที่หล่อมาก ใบหน้าเรียวคมเข้มตัดรับกับเรือนผมสีดำสนิท นัยน์ตาสีนิลแสนเย็นชาไม่แพ้สีหน้าของเขาจับจ้องฉันนิ่ง ริมฝีปากหนาติดแดงหน่อย ๆ ไร้รอยยิ้ม เขาเหมือนรูปปั้นเทพบุตรที่ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก มีเพียงความเย็นชาสาดออกมาเท่านั้น

‘งั้นเข้ามาได้ยังไง?’

‘ฉันก็…’ ฉันชะงักคำเล็กน้อย กลอกตาหลบสายตาคม คิดหาคำแก้ตัว อย่าลืมสิว่าจริง ๆ แล้วฉันตั้งใจจะเข้ามาในนี้นะ แต่ก็แค่เข้ามาคุยโทรศัพท์เฉย ๆ ใครจะคิดว่าที่นี่เป็นที่ของเขากันล่ะ ‘ฉันจะมาบล็อกข้าง ๆ น่ะ สงสัยจะเข้าผิดบล็อก… ค่ะ’

‘…’ สิงห์คำรามเงียบไปจนฉันต้องลากสายตากลับมามอง และพบว่าเขายังคงจ้องหน้าฉันอยู่ แถมเรายังอยู่ใกล้กันในระยะใกล้ชิดจนเกินพอดีด้วย แววตาเย็นชาของเขามีความไม่เชื่อเจือจางอยู่ในนั้น

เขาไม่เชื่อฉันสินะ… งั้นต้องหาทางทำให้เขาเชื่อ

‘ฟะ แฟน!’ จู่ ๆ ฉันก็โพล่งออกมา ‘ฉันมาหาแฟนค่ะ เอ่อ… เขาอยู่ที่บล็อกเก้า’

‘แฟนไอ้กาล?’

กาล? กาลไหนอ่ะ? หรือเขาหมายถึงคนที่อยู่บล็อกเก้ากันนะ

‘ชะ ใช่ค่ะ ฉันเป็นแฟนเขาค่ะ’

เอาเถอะ โกหกไปก่อนแล้วกัน ขอให้เขายอมปล่อยฉันออกไป จะเป็นแฟนใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ

หมับ

ทว่าจู่ ๆ มือหนาคว้าจับข้อมือฉันแล้วออกแรงลาก ย้ำ! ลาก! สิงห์คำรามลากฉันออกมาจากบล็อกสิบ ด้านนอกคนยังพลุกพล่านพอสมควร แต่ไม่มีใครเลยสักคนจะหันมาสนใจผู้ชายร่างใหญ่ที่กำลังลากผู้หญิงร่างเล็กให้เดินตามอย่างไร้ความปรานีแบบนี้

ให้ตายเถอะ นี่มันเป็นเรื่องปกติของที่นี่งั้นเหรอ?

‘เดี๋ยวก่อน จะพาฉันไปไหนคะ?’ ฉันพยายามยื้อตัวเองสุดกำลัง โชคดีที่วันนี้สวมรองเท้าผ้าใบมา ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะสะดุดส้นสูงตายก็เป็นได้ ทำไมพละกำลังเขาเยอะขนาดนี้เนี่ย แทบจะกระชากตัวฉันลอยได้เลยนะ น่ากลัวเกินไปแล้ว

สิงห์คำรามลากฉันมาหน้าบล็อกเก้า หัวใจดวงน้อยตุ่ม ๆ ต่อม ๆ ขึ้นมาทันที นี่เขาคงไม่คิดจะลากฉันมาหาผู้ชายที่ชื่อกาลคนนั้นหรอกนะ

เวรแล้ว… ฉันจะโป๊ะแตกแบบนี้ไม่ได้นะ!

‘นะ นี่… เดี๋ยวก่อนสะ…’

‘อ้าว ไงมึง ลมห่าอะไรหอบมาวะ’ เสียงของฉันที่กำลังห้ามปรามถูกเสียงของผู้ชายคนหนึ่งขัดเอาไว้ เขาเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยสูงมาก แต่หน้าตาหล่อร้ายกาจเลยทีเดียว เรือนผมสีเทาควันบุหรี่ตัดรับกับรอยยิ้มติดจะกวนหน่อย ๆ ดึงดูดสายตาฉันได้อย่างดี

เดี๋ยวสิ… แกอย่าเพิ่งมาเคลิ้มอะไรตอนนี้ยัยซอ! นรกมาเยือนแล้ว!

‘พาเมียมึงมาส่ง’ สิงห์คำรามไม่พูดพร่ำอะไรเยอะ ยังคงคีพลุคเย็นชาแม้กับเพื่อนตัวเองก็ตาม เขาสะบัดมือเบา ๆ แต่ร่างฉันถลาหวือเข้าหาผู้ชายคนนั้นทันที โชคดีที่วงแขนแกร่งตวัดแขนรับร่างฉันเอาไว้ได้ทัน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยกระทบจมูก ถ้าไม่ติดว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์นรกแตก ฉันคงจะฟินในอ้อมกอดเขาไปแล้วอะนะ

‘หื้ม…’ เสียงคล้ายแปลกใจดังขึ้นเหนือหัว ฉันเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ดวงตาคมหลุบมองฉันเล็กน้อย คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ แหงล่ะ! จู่ ๆ ก็มีเมียปริศนาโผล่มากะทันหันแบบนี้ เขาจะไม่แปลกใจได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ

‘อย่าปล่อยให้เมียมึงเพ่นพ่านเข้าบล็อกผิดอีก’

ฉันละสายตาจากผู้ชายที่ยังคงรั้งเอวประคองฉันอยู่ หันมองสิงห์คำราม แววตาเย็นชาไร้อารมณ์จ้องฉันชั่วครู่ก่อนจะถอนสายตาแล้วเดินกลับไปที่บล็อกตัวเอง ฉันมองตามแผ่นหลังกว้างจนกระทั่งลับตาไป

‘ทำอะไรน่ะเฮียกาล?’

‘หะ… เฮ้ย! ฉิบหาย แม่มา!’

พรึ่บ

วงแขนแกร่งผละออกจากตัวฉันทันทีที่เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ฉันเองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ยืนกอดอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ผู้หญิงหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าพวกเรา เธอใช้ดวงตาคมเฉี่ยวมองหน้าฉันสลับกับเขา

‘เฮียไม่เกี่ยวเลยนะหยาด เรื่องนี้เฮียไม่รู้เรื่องงงง’ ผู้ชายที่ชื่อกาลเข้าไปเกาะแขนเธอคนนั้นพลางรีบอธิบาย หรือว่าเธอคือแฟนตัวจริงของเขา? ตายแล้ว… นี่ฉันกำลังทำให้คู่รักเขาเข้าใจผิดกันใช่ไหมเนี่ย

‘เอ่อ… ขอโทษด้วยนะคะที่สร้างปัญหาให้ พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะ’ ฉันก้มหัวขอโทษพวกเขาทั้งสองคน และอธิบายเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟังว่าจริง ๆ แล้วฉันแอบเข้าไปในบล็อกสิบเพื่อหาที่คุยโทรศัพท์แต่ดันเจอเข้ากับสิงห์คำราม พอโดนคาดคั้นมาก ๆ ก็เลยจำเป็นต้องโกหกแบบนั้นออกไป ยังดีที่ทั้งสองเข้าใจและไม่ถือสาฉัน แถมยังบอกอีกว่าปกติแล้วสิงห์คำรามไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร และฉันโชคดีแล้วที่คนที่ฉันเจอคือสิงห์คำราม เพราะถ้าเป็นคนอื่นหรือบล็อกอื่นฉันอาจจะไม่รอดออกมาอย่างปลอดภัยแบบนี้ก็ได้

เหอะ… โชคดีอะไรกัน โชคร้ายล่ะสิไม่ว่า!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป