บทที่ 8 พี่น้อง

“หาาา! นี่แกเป็นฝ่ายเดินตามหมอนั่นไปเองงั้นเหรอ?!” เจ้ขิมตะโกนลั่นห้อง ไม่สิ เรียกว่าลั่นบ้านเลยเหอะ ดีนะที่ไม่มีใครอยู่บ้านไม่งั้นเตี่ยกับม้าได้มาแหกอกฉันแน่ ๆ

“กะ ก็ประมาณนั้นแหละเจ้” ฉันตอบรับเสียงอ่อย ฟุบหน้าลงกับหมอน ตอนนี้แฮงค์มาก อยากนอนมากด้วย แต่มันนอนไม่ได้เพราะพี่สาวไม่ยอมปล่อยให้นอนนี่น่ะสิ เจ้ใจร้าย!

“สายซอ! แกบ้าไปแล้วเหรอ!!” เจ้ฟาดมือใส่แขนฉันดังเผี๊ยะ มันเจ็บมาก เจ็บจนสะดุ้งตื่นเต็มตาเลยเหอะ

“เค้าเจ็บนะเจ้! ตีเค้าทำไมเนี่ย!”

“ฉันอยากจะตีแกให้ตายคามือเลยด้วยซ้ำ! แกคิดอะไรอยู่กันหะ! กล้าดียังไงถึงเดินตามผู้ชายกลับบ้านแบบนั้น แถมยัง… ยังเป็นผู้ชายที่โคตรอันตรายเลยด้วย! แกอยากให้ฉันอกแตกตายหรือยังไงกันสายซอ!” ในที่สุดเจ้ขิมก็กลายร่างไปเรียบร้อย หน้าตาสวย ๆ เกรี้ยวกราดใส่ฉันไม่หยุด ปกติเจ้ไม่ค่อยโกรธจัดขนาดนี้หรอกนะ ครั้งนี้คงจะโกรธมากจริง ๆ

“ก็เค้าเมานี่เจ้ แล้วเมื่อคืนเจ้ก็ทิ้งเค้าไปตั้งนาน เค้าเกือบโดนไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ลากไปแล้วรู้ป่ะ” ฉันบ่นเบา ๆ เรื่องนี้ฉันไม่ยอมผิดคนเดียวแน่ ก็เมื่อคืนเจ้ทิ้งฉันก่อนนี่นา แถมแบตก็หมดด้วย จะให้ฉันทำยังไง

“ว่ายังไงนะ? เกิดเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ?!”

“ใช่ ถ้าเค้าไม่ได้เฮียสิงห์ช่วยไว้ ป่านนี้คงโดนลากไปไหนต่อไหนแล้ว” ได้ทีก็รีบฟ้องหน่อย เมื่อคืนฉันได้สิงห์คำรามช่วยไว้จริง ๆ นั่นแหละ แถมเขายังอุตส่าห์พาฉันกลับคอนโดด้วย ไม่งั้นฉันในสภาพเมาแบบนั้นได้ถูกใครลากไปไหนต่อไหนแน่ ๆ

“เฮียสิงห์?” เจ้ทวนคำ สีหน้านิ่งซะจนฉันลอบกลืนน้ำลาย “นี่แกไปสนิทกับเขาจนเรียกเฮียแล้วเหรอสายซอ! เจ้บอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่ห่างพี่น้องสองคนนั้นไว้ เจอที่ไหนให้หนี อย่าเข้าไปอยู่ในสายตาพวกเขาเด็ดขาดไง”

นั่นไง คิดไว้ไม่มีผิดว่าเจ้จะต้องพูดเรื่องนี้อีกแล้ว ตั้งแต่เมื่อปีก่อนที่พวกเราบังเอิญเจอกับสิงห์คำรามและเสือพยัคฆ์ที่ผับ เจ้ก็กำชับฉันมาตลอดว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับสองพี่น้องนั่นเด็ดขาด เจอที่ไหนให้หลบ พบที่ไหนให้หลีก ซึ่งตอนแรกฉันก็ไม่ได้ใส่ใจจะทำตามเจ้หรอก กระทั่งเกิดเรื่องจูบบ้า ๆ นั่นขึ้นนั่นแหละฉันถึงหลบหลีกพวกเขาอย่างจริงจัง และแน่นอนว่าเจ้ขิมไม่รู้เรื่องนี้ เธอเข้าใจว่าฉันเป็นเด็กดีเชื่อฟังเธอมาตลอดอะนะ

“เค้าไม่เข้าใจเลย ถามจริงเหอะ ทำไมเจ้ถึงเกลียดสองพี่น้องนั่นจัง กับผู้ชายคนอื่นเจ้ก็ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้เลยนะ”

จะว่าไงดี แม้กับจีซัส แฟนคนปัจจุบันของฉัน ถึงเจ้จะไม่ค่อยชอบหมอนั่นนัก แต่ก็ไม่ได้ออกอาการเกลียดขี้หน้าเท่าสองพี่น้องนั่นเลย

“ต้องมีอะไรแน่ ๆ อ่ะ เจ้บอกเค้ามาเหอะ เค้าไม่เคยมีความลับกับเจ้เลยนะ” ฉันชักอยากจะรู้จริง ๆ แล้วนะ ว่าเจ้ขิมมีซัมติงอะไรกับสองพี่น้องนั่นกันแน่ เคยรู้จักกันมาก่อนหรือว่าเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า “นะเจ้น้าาา เล่ามาเหอะ ทำไมเจ้ถึงเกลียดสองพี่น้องนั่นจัง เค้าอยากรู้จริง ๆ”

“ก็ไม่ใช่ว่าเกลียดอะไร เจ้แค่ไม่อยากให้แกพัวพันกับคนแบบนั้น ไม่อยากเห็นแกเจ็บช้ำใจ ข่าวคาว ๆ ของสองคนนั้นเลวร้ายแค่ไหนแกก็รู้นี่ เพราะงั้นอย่าไปยุ่งด้วยนะซอ เจ้เตือนแกด้วยความหวังดี”

แต่เจ้ขิมก็คือเจ้ขิมอ่ะ ใจแข็งและใจหินโคตร ๆ ต่อให้ฉันอ้อนแค่ไหนถ้าเจ้ไม่อยากบอกก็ไม่มีทางบอกแน่นอน แล้วก็เลี่ยงตอบได้ตลอดเลยด้วย

“เข้าใจไหมสายซอ อย่ายุ่งเกี่ยวกับสองพี่น้องนั่นอีก ไม่งั้นเจ้จะตีแกให้ตายเลยคอยดู”

“ค่า ๆ เข้าใจแล้ว ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง” ฉันยอมแพ้ ฟุบหน้าลงกับหมอน เอาเถอะ ไว้เจ้อยากจะเล่าเมื่อไหร่ก็คงเล่าเองแหละ ทุกคนต่างก็ล้วนมีความลับเป็นของตัวเองนี่นะ

“แล้วเรื่องจีซัสนี่มันยังไง เมื่อคืนหมอนั่นเหมือนหมาบ้าเลยนะ”

ฉันเกือบจะเคลิ้มหลับอยู่แล้ว ทว่าคำถามของเจ้กลับทำฉันถอดถอนใจหนักกว่าเดิม

“เค้าเหนื่อยอ่ะเจ้ หมอนั่นเผด็จการเกินไป เจ้ก็รู้ว่าเค้าเกลียดการโดนควบคุมมากแค่ไหน ตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตเค้าก็ถูกเตี่ยกับม้าควบคุมมาตลอด พอมีแฟนแล้วถูกทำแบบนั้น เค้าไม่ทนจริง ๆ”

สำหรับฉันแล้ว อิสระ สำคัญกว่า ความรัก ถ้าหากมีความรักแล้วต้องขาดอิสรภาพไป ฉันยอมอยู่คนเดียวแบบโสด ๆ ดีกว่า ถ้าจีซัสไม่เคารพกฎของฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องทนกับเขาอีกต่อไป

“แล้วแกจะทำยังไง จะเลิกกับเขาเหรอ”

“อืม… เค้าจะเลิก” เสียงงึมงำตอบกลับมาพร้อมดวงตาหวานปิดสนิท ฉันง่วงแล้ว พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อเลยนาทีนี้

“เอาเถอะ ไม่ว่าแกจะตัดสินใจยังไง เจ้ก็จะอยู่ข้างแก มีอะไรก็บอกเจ้ได้เสมอเลยนะ”

ฉันปรือตาขึ้นมอง ริมฝีปากบางขยับยิ้มหวานก่อนจะซุกตัวนอนหนุนตักเจ้แทนหมอน เจ้เป็นคนเดียวในโลกที่ฉันสามารถอ้อนได้และกอดได้ด้วยความสนิทใจแบบนี้ พูดกันตามตรง ฉันรักเจ้ขิมมากกว่าเตี่ยกับม้าซะอีก รักเจ้มากกว่าใครในโลกใบนี้เลย

“เค้ารักเจ้ที่สุดในโลกเลยนะ มีแค่เจ้เท่านั้นที่รักเค้า ถ้าไม่มีเจ้เค้าคงไม่อยากอยู่บนโลกบัดซบนี้แน่ ๆ” ฉันพึมพำทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม

“พูดอะไรแบบนั้น แกไม่ได้มีแค่เจ้คนเดียวสักหน่อย ยังมีเตี่ยกับม้าแล้วก็สายซึงอีกนะ” เจ้ลูบผมฉันเบา ๆ

“เตี่ยกับม้าน่ะเหรอ สายซึงน่ะเหรอ ฮึ… ไม่มีทางหรอก ไม่มีใครรักเค้าเหมือนเจ้หรอก”

“เฮ้อ… ขี้น้อยใจเป็นเด็กไปได้”

“ก็เค้ายังเด็กอยู่นี่” ฉันซุกหน้าเข้าหาหน้าท้องเจ้ อ่า… สบายชะมัด

“จะยี่สิบนี่ไม่เด็กแล้วมั้ง”

“โหยเจ้ แค่ยี่สิบเองงงง ไม่เอาแล้ว ไม่คุยกับเจ้แล้ว เค้าง่วงมากเลย ขอนอนหน่อยนะ” ฉันผละออกจากตักไปหนุนหมอนเหมือนเดิม ทว่าคำถามต่อมาของเจ้ทำฉันชะงักจนหน้าแทบทิ่ม

“ว่าแต่เมื่อคืนสิงห์คำรามไม่ได้ทำอะไรแกจริง ๆ ใช่ไหม”

กึก…

“ว่าไงสายซอ เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?”

“เอ่อ…” ฉันอ้ำอึ้ง พอเห็นว่าเจ้จ้องอยู่ก็เอาหมอนมาปิดหน้าแล้วโบกมือไปมา “มะ ไม่มี๊! ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเจ้ โอ๊ย ง่วงจังเลย! เค้านอนก่อนนะ เจ้ออกไปก่อนเหอะ เย็น ๆ ค่อยมาปลุกเค้า”

“นี่ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องนะยัยตัวดี ตอบเจ้มาดี ๆ” เจ้พยายามดึงหมอนออกจากหน้าฉัน แต่ฉันยื้อไว้สุดแรง เห็นฉันเซี้ยว ๆ แบบนี้ บทจะโกหกก็ใช่ว่าโกหกเก่งนะ ขืนมีพิรุธออกไปเจ้จับได้กันพอดี ฉันไม่อยากให้เจ้รู้เรื่องที่ฉันเคยยุ่งเกี่ยวกับสิงห์คำรามมาก่อนนะ ไม่งั้นเจ้ได้คอยจับผิดฉันจนกระดิกตัวไปไหนไม่ได้แน่ ๆ

ขอโทษนะเจ้… เค้าสัญญาว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว!

บทก่อนหน้า
บทถัดไป