บทที่ 5 ไม่ทราบว่าเป็นแฟนท่านประธาน
“ฮึ ๆ พี่ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วไงว่าเจ้าของบริษัทไม่มีเมีย”
“นาย เป็น...”
“อื้ม พี่เป็นเจ้าของที่นี่ ที่แต่สำคัญเน้นกว่าการเป็นเจ้าของคือไม่มีเมีย สนใจมาเป็นไหม”
...ถุ้ย!
ท่าทางมั่นหน้ามั่นโหลกมั่นลูกกระเดือกของเขาทำให้ฉันอยากเอาโกโก้ร้อนที่อยู่ในมือสาดใส่หน้าตอนนี้เลย
“เงียบ?”
“...” ใช่จ้ะ เงียบ เงียบคือคำตอบ ได้คำตอบแล้วก็ชิ่ว ๆ
“อ่าส์~ พี่เข้าใจแล้ว ตอนนี้น่าจะยังไม่อยากเป็น” เขาพูดขึ้นแต่เหมือนพูดคนเดียวมากกว่าแล้วก็พยักหน้าทำเป็นรับรู้และเข้าใจช้า ๆ
“ว่าไงนะ?” ไอ้ประโยคท้ายมันมีอะไรแอบแฝง ตอนนี้น่าจะยังไม่อยากเป็น แสดงว่ามั่นใจมากว่าต่อไปฉันจะอยากเป็นงั้นเหรอ ความมั่นเกินมนุษย์มากค่ะอีตาซันคนนี้
“จูนได้ยินพี่พูดชัดเจนมาก เชื่อพี่สิ” โอ้ย! อยากเข้าไปซัดเข้าไปต่อยปากผู้ชายคนนี้จริง ๆ แต่มันทำไม่ได้ไงคะและมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคุยต่อฉันก็เลยตัดสินใจทิ้งโกโก้ร้อนที่เหลืออีกครึ่งแก้วไว้แล้วก็ลุกขึ้นทันที
“จะไปแล้วเหรอ ว่าแต่รถจอดอยู่ในบริษัทพี่ใช่ไหมครับ?”
“ยุ่ง!”
“ไม่ได้อยากยุ่ง แค่กลัวจูนเอารถออกไม่ได้” หน้าเขาตอนนี้มันแสดงออกชัดเจนว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรชั่ว ๆ เพราะหน้าตาของคนดีไม่เป็นแบบอีตาซันคนนี้แน่นอน หน้าตาแบบนี้ความคิดต้องกำลังจัญไรชัด ๆ
“จะทำอะไร?”
“ทำอะไรก็ได้เพราะตึกที่จูนจอดรถมันตึกของพี่” แข็งแกร่งไว้นะจูน โอ้ย! สัพเพ สัตตา ๆ สัพเพ สัต! ตา!
“ต้องการอะไรฮะ!” ฉันถามจนเกือบจะกลายเป็นตะคอก จริง ๆ ถ้าไม่เกรงใจเจ้าของร้านฉันเอาโกโก้ร้อนสาดหน้าเขาไปแล้ว นี่เกรงใจกลัวโซฟาร้านเขาเลอะหรอกนะคะ
“ไม่ต้องการอะไรครับ แค่เห็นน้องจูนท่าทางจะเป็นคนคุยสนุก” เกลียดหน้าตาวอนตีนของไอ้โอโม่คนนี้เหลือเกิน
“ไม่คุย ไม่ชอบคุยแล้วก็คุยไม่เก่ง”
“พี่ว่าถ้าวันนั้นพี่ไม่ทำพลาดไปวันนี้เราอาจจะคุยกันแบบออกรสซาบซ่านถึงใจเลยนะจูน” หืม~ นอกจากมั่วเก่งแล้วยังมั่นเวอร์ ยอมไอ้ตี๋หน้าอินเตอร์คนนี้จริง ๆ ค่ะ
“ดีแล้วค่ะที่พลาดจนรู้เช่นเห็นชาติ เห็นยันสันดานดิบ คุยต่อไหม? ไม่คุยแล้วเนอะ”
“อื้ม บายครับ” ไอ้! เขาพยักหน้าตอบรับแล้วก็ บายครับ พูดจบก็ก้มหน้ากดโทรศัพท์หน้าตาเฉย อยากจะกรี๊ดใส่หน้าจริง ๆ เลย หัวร้อน!
ฉันเดินออกมาด้วยความหงุดหงิดและหัวร้อนมากจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยทำไมพนักงานบริษัทนี้มันไร้มารยาท ก็ตัวเป้งมันเป็นแบบนี้ไง กวนตีน!
“คุณครับ ๆ”
“คะ? เรียกหนูเหรอคะ” ฉันเดินมาถึงรถยังไม่ทันได้ขึ้นรถก็มีเจ้าหน้าที่ รปภ. วิ่งหน้าตื่นมาหาฉัน
“ครับคุณ เชิญคุณขึ้นไปฝ่ายบุคคลสักครู่ได้ไหมครับ” คุณลุงแกดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยค่ะถึงจะบอกไม่หมดว่าขึ้นไปทำไมแต่น้องจูนไม่ได้โง่ซะด้วยสิ สงสัยจูนไปเชิดใส่เจ้าชายสวิงมากไปก็เลยโดนกลั่นแกล้งแน่นอน ก็เขาบอกเองนี่ว่าตึกที่ฉันจอดรถมันเป็นตึกของเขา
“คุณลุงคะไปบอกเจ้านายไอ้ท่านประธานของคุณลุงให้หนูหน่อยนะคะว่าการแกล้งกันแบบนี้มันไม่สนุก หนูไม่ว่างค่ะ”
“คุณขึ้นไปเถอะนะครับ ท่านประธานให้ผมมาตามคุณขึ้นไปครับ”
“ไม่ค่ะหนูจะกลับแล้ว” ฉันปฏิเสธแล้วก็ปิดประตูรถ แต่คุณลุง รปภ. รีบจับประตูเอาไว้แล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไปเถอะนะครับคุณ ท่านประธานบอกว่าถ้าผมเชิญคุณขึ้นไปไม่ได้ก็จะไล่ผมออกแล้วจะให้คนอื่นมาเชิญแทน ถ้าใครทำไม่ได้ก็จะไล่ออกเหมือนกัน” ฮะ? ตลกแล้วเรื่องแค่นี้จะไล่ออกได้ยังไงกันเขาเป็นบ้ารึไง
“เขาล้อเล่นค่ะคุณลุง เขาไม่ไล่ใครออกง่าย ๆ แบบนี้หรอกค่ะ” ฉันยิ้มให้คุณลุง รปภ. เขาแค่เอาคำพูดพวกนี้มาเพื่อใช้ขู่ฉันเท่านั้นแหละ และบังเอิญน้องจูนก็ไม่ได้โลกสวยซะด้วยสิเลยไม่คิดจะตามเกม
“ท่านประธานทำจริง ๆ นะครับคุณ ใครทำงานพลาดก็โดนไล่ออกทั้งนั้น” คือตอนนี้เสียงคุณลุงแกเริ่มสั่นแล้วค่ะ หน้าแกเริ่มเหมือนคนจะร้องไห้ขึ้นมาแล้ว
“อย่าใช้มุกนี้กับหนูเลยนะคะ” ฉันเริ่มคล้อยตามแต่ฉันก็ยังไม่มั่นใจว่าคุณลุงแกกำลังทำให้ฉันสงสารแล้วไปตามที่เจ้านายคุณลุงแกสั่งมาเท่านั้นรึเปล่า
“หนู...คุณซันเขาไล่จริง ๆ นะลูก เมื่อเช้าก็เพิ่งมีพนักงานโดนไล่ออกเพราะทำตามที่คุณซันสั่งไม่ได้” คุณลุงเสียงสั่นมาก อีคนโลกไม่สวยก็เลยเริ่มจะโลกสวยแล้ว
“เฮ้อ! โอเคค่ะ” ฉันจะไม่สนใจเลยถ้าคุณลุงแกไม่เสียงสั่นแถมน้ำตาคลอแบบนี้ แก่แบบนี้แกคงไม่มานั่งปั้นหน้าโกหกหรอกมั้ง แต่ไอ้คุณซันมันเป็นคนยังไงวะทำไมบ้าอำนาจขนาดนี้
ฉันเดินเข้ามาที่ห้องฝ่ายบุคคลที่มียัยเจ้ผู้มีอำนาจในการทำงานประดุจเป็นเมียท่านประธานนั่งอยู่ แต่คุณพระ! หน้ายัยเจ้เปรอะไปด้วยมาสคาร่าไหลย้อยออกมาเป็นทาง อีกมุมมีอีตาเจ้าชายสวิงกิ้งของชาติยืนหน้านิ่งแต่มันดูน่ากลัวมากอยู่นะ
“เอ่อ มีอะไรเหรอ...คะ” ฉันเดินเข้ามายืนงงแล้วก็ถามออกมาด้วยความงง ฉันแยกจากเขาไม่ถึงสิบห้านาที ทำไมทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมดแบบนี้นะ
“จูน”
“ฮะ? คะ” คือเสียงเขาตอนนี้มันน่ากลัวจังเลย ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหนเพราะขนาดทำยัยเจ้ร้องไห้จนมาสคาร่าไหลเป็นน้ำป่าไหลหลากได้แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่นอนก็เลยยอมสงบปากสงบคำลงหน่อยก็ได้
“พนักงานคนนี้ใช่ไหมที่ทำกิริยาแย่ ๆ ใส่”
“อ่า ที่จริงก็...” ถึงจะหมั่นไส้เจ้แกแต่เอาพอเอาเข้าจริงฉันก็เริ่มสงสารแล้วนะคะ คือเหตุการณ์มันเกิดขึ้นมาแล้วถึงจะโกรธแต่ก็ไม่อยากให้เจ้แกมานั่งร้องไห้โดนด่าแบบนี้ไหมวะ
“ว่าไงจูน พี่จัดการให้ถูกคนใช่ไหม” โอ้ย! นี่ก็กดดันจังเลยโว้ย
“ช่างมันเถอะเนอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว”
“ไม่ครับ บริษัทพี่ไม่ต้องการคนที่ทำงานชุ่ย ๆ แบบนี้ ถ้าจูนไม่ตอบพี่จะไล่ออกยกเซ็ต” เชี่ยไรวะเนี่ยอีจูนเป็นฝ่ายโดนกระทำแล้วทำไมจูนต้องโดนไอ้มั่วคนนี้มันกดดันด้วย เอาอนาคตการทำงานของคนไม่รู้กี่คนมาฝากไว้ที่ปลายนิ้วชี้อีจูนเนี่ยนะ?
“ที่จริงฉันไม่ติดใจเอาความหรอก ช่างมันเถอะนะคะ” ช่างมันเถอะเดี๋ยวจูนทำใจเองว่าสวยมากจนไม่มีใครอยากได้ไปเป็นเพื่อนร่วมงาน ฮ่า ๆ มั่นกว่าเจ้าชายสวิงกิ้งก็น้องจูนนี่แหละค่ะ
“ถ้างั้นก็ไล่ออกทั้งหมด ไม่มีใครเตือนใครให้ทำงานมีมาตรฐานแสดงว่าคนศีลเสมอกันทำงานด้วยกัน” เสียงนิ่งเฉียบขาดและแววตาที่บอกให้รู้ว่าพูดจริงไม่มีล้อเล่นทำให้สายตาของพนักงานคนอื่นที่อยู่บริเวณนี้หน้าซีดจะร้องไห้กันเป็นแถบ สรุปว่าคุณลุง รปภ. ไม่ได้พูดเล่นสินะ
“คือแค่ตักเตือนได้ไหมคะ เจ้แก เอ้ย! พี่เขาคงไม่ได้ตั้งใจ คนทุกคนควรได้รับโอกาสนี่เนอะ” ฮือ~ จูนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดีขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ โทษไอ้เจ้าชายสวิงกิ้งเถอะที่เป็นคนบีบบังคับให้จูนเป็นคนดีเฉพาะกิจแบบนี้
“ถ้าผิดเพราะไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรพี่จะให้โอกาส แต่ถ้าผิดทั้งที่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองไม่สมควรที่จะทำแบบนั้นพี่ไม่ให้อภัย” ฮือ~ นี่ขนาดไม่ใช่พนักงานยังกลัวแทนเลยค่ะคุณ ดุดันมาก
“แต่...”
“ถ้าจูนไม่ยืนยันพี่ก็แค่ไล่ออกทั้งหมด พี่ไม่รบกวนเวลาจูนแล้วล่ะ ขอบคุณมากครับ” ฮะ? เอ้านี่หมดหน้าที่ของฉันแล้วเหรอ? เฮ้อ! เอาวะชี้ก็ชี้ โดนออกหนึ่งคนก็ดีกว่าออกทั้งเซ็ต เอาล่ะชี้ก็ชี้ขออโหสิด้วยนะคะเจ้
“คือลักษณ์ไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ” ในชั่วขณะที่ฉันกำลังจะชี้เจ้แกก็พูดขึ้นมาก่อนพอดีค่ะ พูดไปสะอื้นไปน้ำตาก็ไหลพรากไม่หยุด
“แล้วยังไงต่อคุณลักษณ์” เขาเสียงแข็งมาก แข็งและนิ่งจนทุกคนในบริเวณนี้นิ่งกันไปหมด เจ้ต้นเหตุก็เลยไหว้ฉัน มือที่ยกมาไหว้ฉันก็สั่นมาก
“ลักษณ์ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำกิริยาแย่ ๆ ใส่ ถ้าลักษณ์รู้ว่าเป็นแฟนท่านประ...”
“เธอไม่ใช่แฟนผม!”
