บทที่ 4 ตอนที่ 4
ท่าทางของแม่นักร้องโอเปร่าไม่เป็นมิตรเลยสักนิด แต่หล่อนก็พยายามที่จะระบายยิ้มและใจเย็นที่สุด
“ดิฉันเข้ามาทำความสะอาดห้องค่ะ”
“แต่ฉันยังไม่เสร็จไม่เห็นหรือ”
อรุณรัตน์เดินขาถ่างมาหยุดตรงหน้าของพราวเนตร มองอย่างหมั่นไส้เพราะเห็นว่าสาวใช้คนนี้หน้าตาสะสวยเกินหน้าเกินตาตัวเอง
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ งั้นดิฉันจะออกไปรอข้างนอกก่อนก็แล้วกันค่ะ”
พราวเนตรไม่อยากมีปัญหาจึงคิดจะหลบเลี่ยง แต่อรุณรัตน์เรียกเอาไว้เสียงกระด้าง
“ก่อนออกไปก็หยิบกางเกงในให้ฉันก่อน”
หน้าของพราวเนตรร้อนจัด หล่อนช้อนตาขึ้นมองเจ้าของคำสั่ง ก่อนจะฝืนยิ้มอีกครั้ง
“เอ่อ...ดิฉันแค่เข้ามาทำความสะอาดเท่านั้นค่ะ”
“ทำไม เป็นขี้ข้าใช้แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง”
อรุณรัตน์จ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะชี้นิ้วสั่ง
“ไปหยิบกางเกงในของฉันมาเดี๋ยวนี้”
พราวเนตรเม้มปากแน่น หล่อนมองคู่สนทนาอย่างวิงวอน และพยายามประนีประนอมที่สุด
“ดิฉันขอตัวไปรอข้างนอกนะคะ ถ้าคุณแต่งตัวเสร็จแล้วเรียกดิฉันนะคะ”
“อีขี้ข้า ใช้แค่นี้ทำไม่ได้หรือไง”
หล่อนจะเดินหนี แต่แขนถูกอรุณรัตน์คว้าเอาไว้ หล่อนพยายามสะบัดแขนออกจนหลุด พร้อมกับพุ่งตัวตรงไปยังประตูห้อง แต่อรุณรัตน์ก้าวตามมาคว้าเส้นผมของหล่อนเอาไว้และกระชากให้ถอยหลังกลับไปสุดแรง
“โอ๊ย...!”
หล่อนเจ็บร้าวไปทั้งศีรษะ เมื่อเส้นผมดำขลับยาวสลวยถูกกระชากแรงๆ อย่างไร้ความปรานี
“ดิฉันเจ็บค่ะ”
“แกสมควรเจ็บเพราะขัดคำสั่งฉัน มาเก็บกางเกงในของฉันเดี๋ยวนี้!”
อรุณรัตน์ผลักร่างของพราวเนตรให้ล้มลงกองกับพื้น ใกล้ๆ กับซากกางเกงในของตัวเอง
“จะหยิบหรือจะคาบเอามาให้ฉันก็ได้ เร็วเข้า”
พราวเนตรตาแดงก่ำ ศักดิ์ศรีที่ถูกเหยียบย่ำทำให้หล่อนเจ็บปวดทรมาน หล่อนมองอรุณรัตน์ด้วยความไม่พอใจ
“ถึงดิฉันจะเป็นแค่คนใช้ แต่ดิฉันก็มีศักดิ์ศรีนะคะ”
“ขี้ข้าอย่างแกไม่มีทางมีศักดิ์ศรีหรอก ชีวิตของพวกแกมันคือเศษขยะ จำเอาไว้ด้วย”
หล่อนน้ำตาไหลซึม กัดฟันหยัดยืนขึ้นด้วยสองขาของตัวเอง แล้วเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าอรุณรัตน์
“ถึงดิฉันจะเป็นแค่ขี้ข้า แต่ดิฉันก็ไม่เคยมีความคิดที่จะขายตัว เหมือนกับ...”
อรุณรัตน์หน้าชาดิก เพราะรู้ดีว่าท้ายประโยคที่พราวเนตรละเอาไว้หมายถึงใคร
“อี...อีขี้ข้า...!”
เพียะ!!!
ใบหน้าของพราวเนตรสะบัดไปตามแรงปะทะจากฝ่ามือของอรุณรัตน์ เลือดสีแดงสดซึมไหลออกมาจากมุมปาก ความเจ็บระบมค่อยๆ คืบคลานเข้ามาในความรู้สึก หล่อนยกมือขึ้นกุมแก้มข้างที่ชาดิกเอาไว้ และมองคนกระทำ
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายดิฉันแบบนี้นะคะ”
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ฉันยังทำได้มากกว่านี้อีก อีขี้ข้า!”
อรุณรัตน์จะตบซ้ำอีก แต่คราวนี้พราวเนตรเบี่ยงตัวหลบ และจัดการตอบโต้ด้วยฝ่ามือเรียวเล็กแต่หนักเอาการของตัวเองลงบนใบหน้าของคู่สนทนาเช่นกัน
“โอ๊ย...อีขี้ข้า มึงกล้าตบกูเหรอ”
“ดิฉันแค่ป้องกันตัวเองค่ะ”
แล้วสองสาวก็ฟัดกันนัวเนีย แต่อรุณรัตน์เสียเปรียบมากกว่าเพราะถูกตบซ้ำไปถึงสามทีจนหน้าบวมเป่ง และทั้งคู่ก็คงจะตบตีกันต่อไป หากไม่มีเสียงกระด้างดุดันของคีแรนดังขึ้นที่หน้าประตู
“ทำบ้าอะไรกันในห้องฉัน!”
พราวเนตรที่คร่อมทับอยู่บนร่างของอรุณรัตน์ชะงักมือ และมองไปยังคีแรนที่หน้าตาบูดบึ้งด้วยความตื่นตกใจ หล่อนรีบปล่อยคู่กรณี และลุกขึ้นยืนด้วยหน้าตาซีดเผือด
“เอ่อ...”
อรุณรัตน์เห็นคีแรนก็รีบลุกขึ้นและวิ่งไปกอดแขน พร้อมกับฟ้องชายหนุ่มถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“ช่วยรัตน์ด้วยค่ะคุณคีแรน”
คนพูดบีบน้ำตาออกมา และยกมือขึ้นลูบคลำหน้าของตัวเองที่กำลังบวมเป่งด้วยความเจ็บปวด
“รัตน์ถูกคนใช้ของคุณทำร้าย”
“คือ...พราวอธิบายได้นะคะคุณคีแรน...”
หล่อนพยายามจะอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ดูจากสายตาของคีแรนที่จ้องเขม็งมองมาแล้ว หล่อนรู้ทันทีเลยว่าเขาจะต้องเข้าข้างผู้หญิงที่กอดแขนแจอย่างอรุณรัตน์แน่นอน
หล่อนหมดศรัทธาในความยุติธรรม และก้มหน้าซ่อนคำอธิบายเอาไว้ในอก
“มันตบรัตน์...ตีรัตน์ ทั้งๆ ที่รัตน์พูดดีๆ กับมันค่ะ คุณคีแรนจะต้องจัดการให้รัตน์นะคะ”
คีแรนดึงแขนของตัวเองออกจากการเกาะกุมของอรุณรัตน์ แล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของพราวเนตร
“เงยหน้าขึ้นมองฉัน” น้ำเสียงของเขาดุดันและกระด้างน่ากลัวเหลือเกิน “ฉันบอกให้เงยหน้าขึ้นมองฉันไง!”
คนที่ยืนก้มหน้าร้องไห้อยู่สะดุ้ง และจำต้องช้อนดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตามองคนใจร้าย กลีบปากอิ่มสั่นระริก เขาจ้องหน้าหล่อน กวาดตามองจนทั่ว ก่อนจะเค้นคำดุด่าออกมา
“หลายครั้งแล้วนะที่เธอก่อเรื่องน่ะ”
แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง หล่อนไม่เคยเป็นคนเริ่มต้นเลยสักครั้งเดียว มีแต่คู่ขาของเขานั่นแหละที่เป็นฝ่ายหาเรื่อง ซึ่งหล่อนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงพวกนั้นถึงได้ชอบหาเรื่องตัวเองนัก
“พราว...”
“ถ้ายังไม่หยุดหาเรื่องผู้หญิงของฉันอีก ฉันจะไล่เธอออกจากบ้าน รวมถึงครอบครัวของเธอด้วย พราวเนตร!”
“คุณ...คีแรน...พราว...พราวขอโทษค่ะ”
น้ำเสียงของหล่อนสั่นเทาและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าจะทำให้คนในครอบครัวต้องเดือดร้อนเพราะตัวเอง
“พราวจะไม่ก่อเรื่องอีกแล้วค่ะ พราว...ขอโทษ...”
“ถ้ามีครั้งหน้า ฉันจะไม่มีทางปรานีเธอ ไสหัวออกไปให้พ้นได้แล้ว ไปสิ!”
เขาชี้นิ้วขับไล่หล่อนเสียงดังลั่นอย่างไม่ไว้หน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเลือดเย็นและน่ากลัว หล่อนกำลังจะหมุนตัวเดินหนีออกมา แต่เสียงของอรุณรัตน์ดังขึ้นเสียก่อน
“อย่าเพิ่งให้มันไปสิคะคุณคีแรน”
