บทที่ 2 ตอนที่ 2

แฮรี่เดินจากไปแล้ว ก็เหลือแต่หล่อนเพียงคนเดียวที่ต้องเผชิญหน้าอยู่กับว่าที่พี่เขยตามลำพัง หล่อนทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นระบายยิ้มให้กับเขา แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาจากแซคคารีย์ก็ไม่ต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมาสักนิด

เย็นชา...

เขามองหล่อนด้วยสายตาไม่พอใจอยู่ชั่วขณะ ก็หมุนตัวเดินนำหน้าไป หล่อนกัดปาก และก็เดินคอตกตามร่างของเขาไปด้วยความหดหู่เป็นที่สุด

เมื่อขึ้นมานั่งบนรถคันเดียวกัน เขาก็ตวัดตามองหล่อน “ทำไมไม่คาดเบลท์”

“ลินดา... กำลังจะคาดค่ะ”

หล่อนได้ยินเขากระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะเคลื่อนรถออกจากอาคารที่จอดรถ ขับออกมาสักระยะหนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างทุกครั้ง

“เธอควรจะอยู่ให้ห่างแฮรี่”

“คะ?” หล่อนไม่เข้าใจคำสั่งของเขาเลย “เอ่อ ลินดาหมายถึง... ทำไมล่ะคะ”

“ไม่ทำไม ก็แค่ฉันไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่น”

นี่เขาพูดบ้าอะไรเนี่ย

“แต่คุณแฮรี่ก็เป็นคนดีนะคะ”

เขาละสายตาจากถนนมาจ้องหน้าหล่อนชั่วอึดใจ ก่อนจะเค้นเสียงถามอย่างดูแคลน

“คำจำกัดความคนดีของเธอคืออะไร หล่อ คารมดี ป้อเก่ง หรือว่า...”

หล่อนไม่อาจจะทนฟังคำพูดจาหยันเยาะของเขาได้จนจบ จึงแทรกขึ้นอย่างโมโห

“คนดีก็คือผู้ชายที่ไม่เย็นชายังไงล่ะคะ”

รถทั้งคันกระตุกแรงๆ และเขาก็หันมาจ้องหน้าหล่อนเขม็ง กรามแกร่งขบแน่นเป็นสันนูนเป่ง

“เธอกำลังด่าฉันอย่างนั้นใช่ไหม”

“มิบังอาจหรอกค่ะ ว่าที่พี่เขย” หล่อนข่มความน้อยใจเอาไว้สุดกำลัง และฝืนยิ้ม “รบกวนจอดป้ายรถเมล์ข้างหน้าด้วยค่ะ ลินดาจะกลับเอง” หล่อนแค่ประชด แต่เขากลับหักพวงมาลัยรถจอดข้างทางตามคำประชดของหล่อนอย่างรวดเร็ว

“ลงไป”

หล่อนมองเขาอย่างเสียใจ ก่อนจะเปิดประตู และสองขายังไม่ทันจะแตะพื้นดินดีเลย รถคันงามก็แล่นออกไปทันที

“คนใจร้าย...”

มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งร้องไห้ในป้ายรถเมล์ที่ร้างผู้คนด้วยความช้ำใจ

แค่แอบรักว่าที่พี่เขยของตัวเองก็แย่พอแล้ว แต่นี่เขายังขยันมาทำร้ายหัวใจบอบช้ำของหล่อนไม่ว่างเว้นแบบนี้อีก คนใจร้าย ผู้ชายใจดำ หล่อนร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ และก็พยายามบอกตัวเองให้ตัดใจจากเขาให้ได้เสียที

หลังจากลงจากรถเมล์แล้ว อลินดาก็ต้องเดินเข้าซอยมาเกือบสามร้อยเมตร จึงจะถึงบ้านพักของตนเอง บ้านไม้หลังใหญ่สองชั้นที่มีรั้วรอบขอบชิด

รถสปอร์ตราคาแพงสีดำคันคุ้นตาของแซคคารีย์ยังคงจอดอยู่ หล่อนถอนใจแผ่วเบา ก่อนจะเดินไปหยุดที่ประตูรั้วไม้สีขาว และผลักมันให้เปิดกว้างออก หล่อนแทรกตัวเข้าไปภายในอาณาเขตของบ้าน ก้าวเท้าจะเดินเข้าบ้าน แต่สายตาก็ไปสะดุดที่ร่างของชายหญิงคู่หนึ่งเสียก่อน

พี่สาวของหล่อนกับแซคคารีย์...

หล่อนระบายยิ้มเล็กน้อย เมื่อพี่สาวฝาแฝดที่มีหน้าตาเหมือนกับหล่อนราวกับคนๆ เดียวกัน จะต่างกันบ้างก็ตรงที่หล่อนจะมีร่างกายที่อวบอัดมากกว่า ซึ่งก็เป็นเพราะหล่อนเป็นผู้หญิงที่มีความสุขกับการกินมาก ในขณะที่นารีรัตน์เป็นผู้หญิงที่รักสวยรักงาม และรักสุขภาพมาก หุ่นจึงไม่ต่างจากนางแบบแม้แต่น้อย

ตั้งแต่เด็กจนเติบใหญ่ หล่อนมักจะถูกเปรียบเทียบกับพี่สาวที่เกิดนำหน้าหล่อนเพียงแค่ไม่กี่นาทีเสมอ ทั้งเรื่องการเรียน และการวางตัว

นารีรัตน์สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวเสมอ ไม่ว่าพี่สาวจะลงมือทำอะไรก็จะสำเร็จทั้งหมด ในขณะที่หล่อนเรียนปานกลาง หัวก็ไม่ดี กว่าจะเรียนจบมาได้ก็แทบแย่ แถมหน้าที่การงานก็เป็นได้แค่พนักงานบัญชีต๊อกต๋อย ส่วนนารีรัตน์เป็นถึงข้าราชการมีหน้ามีตาในสังคม

แต่ถึงแม้หล่อนจะด้อยกว่าพี่สาวฝาแฝดทุกด้าน แต่หล่อนก็ไม่เคย... ไม่เคยเลยจริงๆ ที่จะริษยาในตัวของนารีรัตน์ หล่อนยินดีกับนารีรัตน์เสมอกับความสุขที่พี่สาวได้รับ นั่นก็รวมไปถึงการได้ครอบครองหัวใจของแซคคารีย์

สองเท้าหยุดยืนโดยไม่รู้ตัว ดวงตากลมโตที่หวานฉ่ำเพราะได้อิทธิพลมาจากแพขนตายาวและงอนจับจ้องไปยังร่างของแซคคารีย์และ  นารีรัตน์ไม่วางตา แล้วสมองไม่รักดีก็อดที่จะนึกย้อนไปถึงอดีตไม่ได้ อดีตที่ไม่น่าจดจำนักสำหรับหล่อน

แปดปีที่แล้วครอบครัวของหล่อนกับครอบครัวของแซคคารีย์พบเจอกันโดยบังเอิญ และก็คงจะยังเป็นคนแปลกหน้าไม่รู้จักกันต่อไป หากพี่สาวของหล่อนไม่กระโดดน้ำลงไปช่วยมารดาของแซคคารีย์ที่กำลังเป็นตะคริวอยู่ในสระว่ายน้ำ

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้สองครอบครัวสนิทสนมกัน และบิดามารดาของแซคคารีย์ ก็ได้ทำการสู่ขอนารีรัตน์ให้กับแซคคารีย์ลูกชายของตนเอง และให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้แซคคารีย์มาแต่งงานกับนารีรัตน์ทันที เมื่อเรียนจบ

ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ทั้งสองครอบครัวมีความสุขและติดต่อกันเสมอมา แซคคารีย์กับนารีรัตน์สานความสัมพันธ์ที่มีต่อกันแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน ในขณะที่หล่อนก็ยินดีกับพี่สาวและแซคคารีย์มาตลอด จนกระทั่งเมื่อพี่สาวของหล่อนเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป