บทที่ 2 เฟ้นหา “สุดยอดเลขา”

คำสั่งของระพีวิชญ์ถึงจะทำความลำบากใจให้คุณทับทิมไม่น้อย  แต่กระบวนการเฟ้นหา “สุดยอดเลขา” ก็ ‘ต้อง’ กระทำขึ้นทันที  และอีกสิ่งหนึ่งที่...ทันที...เหมือนกันก็คือ

“หาเลขาใหม่!”

เสียงผู้สื่อข่าวหัวเห็ดรายงานข่าวด่วน เพิงส้มตำริมถนนไม่ห่างจากบริษัทถูกสถาปนาขึ้นเป็นสำนักข่าวไทยชั่วคราว

“หา! อีกแล้วเรอะ” หญิงสาววัยปลายๆรุ่น (คือวัยรุ่นเหมือนกันแต่รุ่นตอนปลายๆ ) อุทานแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยดังลั่น  ทำเอาผู้สมรู้ร่วมคิดในขบวนการ ‘ นินทานาย’ ทั้งหลาย พากันสะดุ้งแทบตกเก้าอี้ไปตามๆ กัน

“นี่! นังจิ้มลิ้มพริ้มเพรา หล่อนจะตะโกนหาสวรรค์วิมานอะไรยะ แก้วหูฉันแทบร้าวแน่ะ”

“เออ...ฉันขอโทษ ก็มันตกใจนี่หว่า”

“ตกใจอะไรนักหนายะ” หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการส่งสายตาปรามหญิงร่างเจ้าเนื้อตรงหน้าอย่างหมั่นไส้นิดๆ หากแม่จิ้มลิ้มที่ตัวเล็กกว่าช้างพังนิดเดียวกลับไม่สะดุ้งสะเทือน นั่งจีบปากจีบคอพูดต่อไป แถมอีกมือยังยึดน่องไก่ย่างที่ถูกแทะไปบางส่วนไว้ไม่ยอมปล่อย

“แหม...ไม่ต๊กกะใจยังไงไหว ภายในเวลาแค่  2 เดือน ท่านลอร์ด เอ้ย! คุณระพีเจ้านายคนใหม่ของพวกเราน่ะ เปลี่ยนเลขาฯ ไปทั้งหมด...1...2...3...4...ฮ้า!”

แม่พังแป้นแผดเสียงสิบแปดหลอดอีกครั้ง คราวนี้ใช่แต่ผู้ร่วมขบวนการเท่านั้น หากคนในร้านก็แทบพลัดตกเก้าอี้ไปด้วย

“ว้ายๆ อะ...อะไรอีกยะยัยจิ้มลิ้ม ร้องยังกะหมูถูกน้ำร้อนลวก” คนถูกน้ำร้อนลวกหันไปค้อนเพื่อนปะหลับปะเหลือก ก่อนสาธยายต่อ

“สิบ...สิบเอ็ดคน รวมคุณวัลภาอีกคนก็...ครบโหลพอดี!”

“2  เดือนเปลี่ยนเลขา 1 โหล ทำยังกับเปลี่ยน กกน.แน่ะ” แล้วเพื่อนร่วมวงก้ผลัดกันออกความเห็น...

“น่าสงสารคุณวัลภานะ เพิ่งทำงานได้ 3 วันเองไม่ใช่เหรอ”

“นั่นสิ เมื่อเช้าฉันเห็นถูกหามออกมาจากห้องบิ๊กบอส หน้างี้ซี้ดซีด”

“ก็เฮี้ยบออกจะตาย ใครจะไปเอาใจพี่แกถูกวะ”

“หน้าตาก็ออกล้อหล่อ แต่ทำไมพี่แกถึงดุได้ขนาดนั้นก็ไม่รู้นะ”

“คุณระพีน่ะ ปีศาจชัดๆ”

“แล้วนี่แล้วนี่คุณทับทิมจะไปหาที่ไหนกัน เลขาที่มีคุณสมบัติเป็นซูเปอร์เกิร์ลขนาดนั้น...”

ผู้ร่วมขบวนการทั้งหลายต่างพยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วยเต็มที่   แต่ไม่มีใครทันสังเกตว่ามีใครอีกคนหนึ่ง ‘แอบฟัง’ เอ้ย! ได้ยินบทสนทนานั้นเข้าโดยบังเอิญ

นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่ ขวัญฟ้า ทวิชากร ไม่ได้นั่งกินอาหารโปรดรสแซ่บแบบนี้ มีเหมือนกันที่เข้าไปนั่งกินในภัตตาคารไทยสุดหรูในต่างแดน  แต่รสชาติมันไม่ได้ถึงใจไทยแลนด์เหมือนนั่งกินข้างถนนแบบนี้นี่นา กินไปปาดเหงื่อไปนั่งดูชีวิตผู้คนที่เดินผ่านไปมา เพลินจะตาย ใครว่าอยู่กรุงเทพแล้วน่าเบื่อ สำหรับตัวหล่อนแล้วน่าอยู่ออก  ยิ่งเรื่องที่เผอิญได้ยินมาเมื่อกี้ยิ่งน่าสนุกใหญ่ กำลังคิดอยู่เชียวว่ากลับมาเมืองไทยคราวนี้จะมาทำอะไรดี อยู่ดีๆ ก็มีงานสนุกๆ มาท้าทายความสามารถอย่างนี้  น่าลองทำดูซักตั้ง อยากรู้นักว่า “อีตาปีศาจ” คนนั้นจะร้ายกาจขนาดไหนเชียว

“อั๊ง...อัง...อัง โดราเอมะอือ...” เสียงริงโทนเพลงการ์ตูนยอดฮิตดังขึ้นถี่ๆ เบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้ ขวัญฟ้า อดยิ้มไม่ได้

“ฮัลโล่  ขวัญฟ้าสปีคกิ้ง” ส่งเสียงใสๆทักทาย หากปลายสายกลับส่งเสียงคำรามกลับ

“ตอนนี้แกมัวไปนอนกลิ้งอยู่ที่ไหนยะ ไอ้ขวานฟ้า...” เสียงที่ตอบกลับมาทำเอา ‘คนไปนอนกลิ้ง’ อดหัวเราะกิ๊กออกมาไม่ได้

“แถวนี้แหละน่า”

“แถวนี้ของแกนี่มันที่ไหนวะ บอกมาชัดๆ” สุ้มเสียงปลายสายชักจะมีน้ำโห

“ร้านส้มตำริมถนนตรงข้ามออฟฟิศแกนี่แหละ อูย…ซี้ด...”  ท้ายประโยคน่ะเพราะกัดโดนพริกขี้หนูหรอกน่า

“อี๋ ทำเสียงน่าเกลียด” คนฟังยี้ก่อนบอก “รออยู่นั่นนะ จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”

หลังจากวางสายไปได้ไม่กี่นาทีหญิงสาวก็ได้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติมาร่วมวงเฮฮา ปะปาย่า ป็อกๆ

ชาริณี ธีรธาดา นั่งมองเพื่อนสนิทโซ้ยส้มตำตรงหน้าท่าทางเอร็ดอร่อยเต็มที่ ในขณะที่ตัวหล่อนเองแทบจะกระเดือกอาหารที่เพิ่งสั่งมาไม่ลง  ตั้งแต่ทำงานที่บริษัทนี้มาเกือบ 2 ปี นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวหล่อนได้มานั่งในเพิงส้มตำเก่าๆ ซ่อมซ่อแห่งนี้ ถ้าไม่เป็นเพราะ ‘ยัยตัวยุ่ง’ ตรงหน้านี้ก่อเรื่องจนเดือดร้อนจนคนที่บ้านโทรมาฟ้องล่ะก็ จ้างให้หล่อนก็ไม่มาเด็ดขาด…

บทก่อนหน้า
บทถัดไป