บทที่ 4 เราต้องได้เห็นดีกันแน่ คอยดู๊
ระพีวิชญ์ เอนกายพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงอย่างเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้าเต็มทน ถ้าไม่เป็นเพราะเห็นแก่สุขภาพของคนเป็นพ่อ เขาคงไม่ต้องมานั่งตรากตรำคร่ำเคร่งกับงานอย่างนี้หรอก ทุกคราวที่ต้องมานั่งแบกรับและช่วยแก้ปัญหาที่ทั้งหนักทั้งยุ่งเหยิงของบริษัท ได้เห็นสีหน้าของลูกน้องที่ตัวเขาเองก็พอรู้ดีว่าทั้งกลัวและเกรง+เกร็งเจ้านายอย่างเขามากมาย หรือเมื่อต้องตัดสินใจให้พนักงานคนใดคนหนึ่งต้องออกจากงาน มันก็ทำให้เขาเองรู้สึกผิดและอึดอัดใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เมื่อเป็นหน้าที่ก็ต้องทำ
เสียงเคาะประตูทำให้ชายหนุ่มยืดตัวตรงเตรียมพร้อมที่จะสวมบทบาทของท่านประธานใหญ่อีกครั้ง
“เชิญครับ ...อ้าว...คุณทับทิม” คุณทับทิมก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับแก้วกาแฟหอมกรุ่นในมือ หญิงสูงวัยกว่ามองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าต้องมีเรื่องกังวลใจอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ แต่เมื่อเขาไม่ต้องการบอก ก็แปลว่าไม่ใช่เรื่องที่ตัวหล่อนเองสมควรรับรู้
“รับกาแฟซักแก้วไหมคะ”
“ขอบคุณมากนะครับ กำลังง่วงพอดี คุณทับทิมนี่รู้ใจผมเสมอเลยนะครับ” คำกล่าวเรียบหากแต่ทำให้หัวใจคนฟังเต็มตื้นยิ่งนัก คุณทับทิมทำงานที่นี่มานาน ทั้งที่ใจจริงอยากจะปลดเกษียนตัวเองไปพร้อมๆกับท่านประธานคนก่อนด้วยซ้ำ แต่เพราะความเป็นห่วงไม่ใช่บริษัท แต่เป็น คนบริหารบริษัท ต่างหาก เขายังไม่มีใครที่พอจะวางใจได้อยู่เคียงข้างคอยให้คำปรึกษา ดังนั้นตัวหล่อนก็ยังวางมือไม่ได้
คุณทับทิมมองใบหน้าที่มีเค้าโครงละม้ายท่านประธานคนก่อนทว่าคมสันกว่ามาก คิ้วเข้มกับจมูกโด่งได้รูปคงได้มาจากคนเป็นพ่อแน่นอน หากริมฝีปากหยักบางที่กำลังส่งยิ้มละมุนมาให้หล่อนเวลานี้ หรือแม้แต่ดวงตาคมกริบเหมือนกับจะแทงทะลุใจคนได้ ทว่ามีประกายหวานระยิบระยับคู่นั้นเขาคงได้รับมรดกมาจากคนเป็นแม่เป็นแน่แท้ สรุปว่าระพีวิชญ์นั้นได้รวบรวมส่วนที่ดีที่สุดของคนทั้งคู่มาไว้บนใบหน้าได้อย่างลงตัวที่สุด
“หน้าผมมีอะไรแปลกไปหรือครับ”
“เปล่าหรอกค่ะ คุณระพียังหล่อเหมือนเดิมแต่...”
“ไม่ค่อยยิ้ม” เขารีบต่อบทให้อย่างรู้ใจ คุณทับทิมได้แต่พยักหน้ารับ เวลาที่ระพีวิชญ์อยู่กับหญิงสูงวัยกว่าคนนี้ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“นี่ถ้าผมได้เลขาที่รู้ใจผมอย่างคุณทับทิมก็คงจะดี ตกลงคุณจะไม่เปลี่ยนใจมาเป็นเลขาผมจริงๆหรือครับ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ ดิฉันเป็นโรคหัวใจ ไม่อยากเสี่ยง” ระพีวิชญ์หัวเราะหึๆ
“แต่อย่าห่วงเลยค่ะ อีกไม่นานหรอกค่ะ ดิฉันคงหาคนที่ไม่เป็นโรคหัวใจมาเสี่ยงรับมือคุณระพีได้แน่”
“คร้าบ...ครับ แล้วผมจะคอยดู อ้อ... แต่ถ้าเกิดหัวใจวายขึ้นมา ผมไม่หามส่งโรงพยาบาลให้หรอกนะ ” ชายหนุ่มอมยิ้มกระเซ้าให้หญิงวัยกลางคนได้ค้อนขวับๆ
/////////////
แสงแดดจ้าแทรกตัวผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีหวานสะท้อนเข้าตาทำให้หญิงสาวรีบพลิกหน้าลงซุกกับหมอนทันที มือและขากอดกระชับหมอนข้างแน่นราวกับไม่อยากจะหลุดจากห้วงแห่งนิทรารมย์แม้แต่วินาทีเดียว ทว่าแม้เจ้าหล่อนจะหลีกหลบอย่างไรก็ไม่พ้นอยู่ดี นัยน์ตาสวยหรี่ปรือ แพขนตางอนกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสงสว่างรอบกายให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ภาพห้องนอนที่แปลกตาทำให้หล่อนงุนงงไปชั่วขณะ
“ที่ไหนกันนะ” หากเมื่อสมองเริ่มทำงาน ริมฝีปากงามก็เผลอแย้มยิ้มละมุนละไม “อ๋อ...คอนโดยัยเชอร์รี่นั่นเอง” เมื่อได้คำตอบแล้ว ไม่นานคำถามใหม่ก็ตามมาอีกเป็นชุด
“แล้วเรามาทำอะไรอยู่ที่คอนโดยัยเชอร์รี่ล่ะ...”
“แล้วตอนนี้ยัยเชอร์รี่เพื่อนรักอยู่ไหนล่ะเนี่ย...” คราวนี้กลับไม่มีคำตอบ ขวัญฟ้ารีบผวาจากเตียงทันที
“เชอร์รี่จ๋า...เชอร์รี่...ยัยเชอร์รี่...ไอ้เชอร์รี่เน่า!” ไม่มีเสียงตอบจากเพื่อนสาว ขวัญฟ้าหันไปมองนาฬิกาปลุกที่ตั้งไปบนหัวเตียงที่ตอนนี้บอกเวลาเกือบ 10 โมง”
จำได้ว่าก่อนจะนอน หล่อนจัดการตั้งเวลาปลุกไว้ที่ 7 โมงตรงนี่นา ม่านหน้าต่างทุกบานรูดปิดหมด จะมีก็เพียงรอยแยกนิดๆเท่านั้น จึงทำให้ไม่รู้ว่าข้างนอกสว่างแล้วหรือยัง...หรือว่า... นี่หล่อนจะถูกเพื่อนตัวดีเล่นงานให้ซะแล้ว!
มอนิ่งจ้า...ตัวยุ่ง...
ขอโทษที่ไม่ได้ปลุก เห็นแกนอนสบายเลยไม่อยากรบกวน
อ้อ! อาหารสดอยู่ในตู้เย็นนะทำกินได้ตามใจชอบ แต่ถ้าขี้เกียจล่ะก็ ...
มาม่ากับปลากระป๋องอยู่ในตู้กับข้าว เชิญคุ้ยเขี่ยได้ตามสบายเลย
แล้วเมื่อกี้ป๋าแกโทรมา สั่งให้โทรกลับด้วย อย่าลืมล่ะ
ไว้เย็นๆเจอกันนะจ๊ะ บ๊าย...บาย...
ปล. จงล้มเลิกความคิดที่จะเป็นคุณเลขาของบอสฉันซะเถอะ
ถ้าแกยังอยากมีชีวิตที่สดใส แข็งแรงและร่างกายครบ 32 ส่วนอยู่
รักนะจ๊ะ
-เชอร์รี่-
ขวัญฟ้า มองกระดาษแผ่นน้อยที่เจ้าของห้องเอามาติดที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง อยากจะกรี๊ดให้สลบ กับความแสบของเพื่อนรัก ทว่ามันกรี๊ดไม่ออกเพราะขำมากกว่า ชาริณี คงแอบย่องออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ เพื่อกันไม่ให้หล่อนได้ตามไปสมัครงานด้วยแหงๆ เท่านั้นไม่พอเจ้าเพื่อนตัวดียังอุตส่าห์ช่วยเปลี่ยนเวลาที่นาฬิกาปลุกเพราะกลัวมันเผลอทำหล่อนตกใจตื่นก่อนเวลาอันสมควรตื่นซะด้วย
‘หนอยแน่ะ...แสบนักนะ...ไอ้เพื่อนตัวดี ดันมาหักเหลี่ยมโหดหนีเอาตัวรอดกันซะงั้น คิดเหรอ....ว่าแกจะล้มเลิกความคิดฉันได้ ยังไงซะวันนี้ ฉันก็จะไปสมัครที่บริษัทแกจนได้ คอยดูนะไอ้เชอร์รี่เน่า คอยดู ฉันจะต้องเป็นคุณเลขาคนใหม่ของเจ้านายใหญ่แกให้ได้ คอยดูนะ...นายปีศาจร้าย...เราต้องได้เห็นดีกันแน่ คอยดู๊...’
