บทที่ 9 คุณไม่มีคุณสมบัติตามที่ผมต้องการเลยซักนิด
ระพีวิชญ์ เงยหน้าจากแฟ้มเอกสาร ตวัดหางตาคมกริบมองหญิงสาวตรงหน้า ที่ตอนนี้หน้าแดงด้วยความอับอายเป็นที่สุด
“อ้าว คุณยังอยู่อีกเหรอ ผมลืมไปเลย” เขาเอ่ยพลางถือโอกาสพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าไปในตัว
หญิงสาวหน้าชา ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ความแค้นที่เขาปล่อยให้รอนานแถมยังไม่พอ หล่อนต้องมากระอักเลือดกับคำถามงี่เง่าของเขาอีก ถามมาได้ไง...เขาทำเหมือนกับว่า ตัวหล่อนเป็นอากาศธาตุ ไม่มีตัวตน ไม่เห็นหัว ไม่เห็นเงา ขวัญฟ้า ระงับโทสะที่กำลังพลุ่งพล่านในใจอย่างสุดขีด ก่อนแสร้งทำเป็นส่งยิ้มหวานบาดใจให้เขา
“ขอโทษนะคะ ดิฉันคิดว่าคุณควรหาเวลาว่างไปพบจักษุแพทย์ซะบ้างนะคะ”
“หืม...” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสงสัย “ไปพบทำไม”
“ดิฉันรู้สึกว่าตอนนี้สายตาคุณเริ่มจะมีปัญหา มันเริ่มจะมองอะไรไม่ค่อยเห็นแล้วล่ะ มีตาแต่ไม่รู้จักใช้ ระวังนะคะ ต่อไปอาจจะไม่มีตาให้ใช้”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที หล่อนหาว่าเขาตาบอด
“ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง แต่ผมคิดว่าคุณเองก็น่าจะไปพบจักษุแพทย์เหมือนกันนะครับ แล้วน่าจะถามเขาด้วยว่าทำอย่างไรถึงจะย้ายเอา ตาที่อยู่ตรงข้อเท้ามาไว้ที่เก่าได้”
กึก!
ขวัญฟ้าสะอึก แทบกระอักเลือดตายเมื่อเจอเขาศอกกลับว่า หล่อนตาต่ำ ที่เคยมองว่าท่านประธานอย่างเขา เป็นยามไปได้
“เอ๊ะ! ปากอย่างนี้ ฉันว่าคุณควรไปพบหมอฟันด้วยนะคะ จะได้ให้เขาช่วยผ่าหอมอสระอาออกจากปากให้หน่อย รู้สึกว่าตอนนี้มันชักจะเห่าดังผิดปกติแล้ว” สาวหัวดื้อตอกกลับ
“งั้น คนเคยมีประสบการณ์อย่างคุณคงพอจะแนะนำผมได้สินะว่าหมอที่ไหนรักษาเก่ง แต่หมอคงไม่เก่งซักเท่าไหร่มั้ง อาการของคุณไม่เห็นจะดีขึ้นเลยนี่นา รู้สึกจะหนักกว่าผมอีกนะตอนนี้”
“นี่นาย!” ขวัญฟ้าขึ้นเสียงใส่ ตวัดตามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ปากเสียอย่างนี้มันน่าจะเอาแฟ้มเอกสารทั้งกองทุบหัวแตกให้ไม่มีหมอที่ไหนรับรักษาเลยดีกว่ามั้ง…
“เอ...เมื่อเช้านี้คุณเคยบอกว่าคุณรู้จักผมดีนี่นา ทำไมแม้แต่ชื่อก็เรียกไม่ถูกเลยหรือครับ”
ระพีวิชญ์ แอบยิ้มเยาะกับแฟ้มเอกสาร รอฟังว่าหญิงสาวตรงหน้าจะสรรหาถ้อยคำอะไรมาโต้ตอบ หากแต่หล่อนกลับนิ่งเงียบ
“ไง...ยืนเอ๋อไปเลย ที่บ้านไม่มีใครสอนรึไง ว่าเมื่อไม่รู้จักก็อย่าแอบอ้างว่าตนรู้จัก อ๋อ...หรือว่า...เค้าสอนแต่รอยหยักในสมองของคุณมันน้อยเลยจำไม่ได้...” เขายอกย้อนกลับด้วยถ้อยคำที่หล่อนเคยเอามาว่าเขา
ขวัญฟ้ากำหมัด กัดริมฝีปากจนห้อเลือด เจ็บแสบยิบๆ อิตาปีศาจปากเหม็น ช่างร้ายกาจเกินกว่าที่หล่อนคิดนัก หญิงสาวนึกอยากจะเอาปากกาที่เขากำลังถืออยู่ทิ่มตาคนร้ายกาจตรงหน้าให้บอดไปเลย เมื่อเห็นเขาใช้สายตาคมกริบมองหล่อนแบบเดียวกับที่หล่อนใช้มองเขาเมื่อเช้า ดูเถอะ สายตาคมดุที่จ้องกลับมานิ่งๆ แต่กลับทำให้หล่อนรู้สึกร้อนวูบๆ หนาววาบๆ ยังไงพิกล อย่างกับถูกจับแก้ผ้าด้วยดวงตาคู่ร้ายนั่น ตาบ้าลามก
“คุณต้องการอะไรกันแน่ ไหนบอกว่าจะสัมภาษณ์แต่นี่ไม่เห็นถามอะไรซักคำ ไม่ดูแม้แต่ใบสมัครของฉันด้วยซ้ำ จะเอาไงว่ามาเลยดีกว่า”
“เสียใจด้วยนะ คุณไม่มีคุณสมบัติตามที่ผมต้องการเลยซักนิด”
กึก!
“หา?...ว่าไงนะ” กระชากเสียงถามอย่างแค้นสุดๆ “เอาอะไรมาวัดมิทราบ”
“ผมต้องการคนที่มีอายุมากกว่านี้ และมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่าเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างคุณ ขอโทษนะวันนี้งานผมยุ่งมากเลย ไม่มีเวลาจะมานั่งโต้วาทีกับคุณ นั่นประตูเชิญ...” เขาไล่ส่งเอาดื้อๆ
คนปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน ขอบตาร้อนผ่าวด้วยความโกรธ อย่านะอย่าให้อีตาบ้านี่เห็นน้ำตาเด็ดขาด อย่าให้เขาเห็นว่าหล่อนช่างอ่อนแอ อย่า...ให้เขาหัวเราะเยาะราวกับเป็นผู้ชนะในเกมนี้ได้
“อ้าว คุณนี่นอกจากตาไม่ดี ปากก็ไม่ดี แล้วนี่หูยังไม่ดีอีกเหรอเนี่ย ไม่ได้ยินหรือไงว่าวันนี้ผมงานยุ่งมาก นั่นประตูเชิญ หรือว่าต้องให้เรียก รปภ. ตัวจริงมาลากไป...”
ขวัญฟ้าเชิดหน้าขึ้นทันที ก่อนเดินมาที่โต๊ะท่านประธานแล้วกระตุกเอกสารสำหรับสมัครงานของหล่อนที่เขาเอาแฟ้มเอกสารทับไว้อย่างแรง ทำให้แฟ้มทั้งกองล้มครืน ไปชนแก้วกาแฟข้างๆ จนกาแฟหก ไหลนองเต็มโต๊ะ แถมกระเด็นไปโดนใบหน้าและลำตัวชายหนุ่มเลอะเทอะ หญิงสาวเบิกตากว้าง อ้าปากค้างมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตกใจสุดขีด
“เฮ้ย!...เอกสารผม!...”
