บทที่ 2 แกล้งหูหนวก ตาบอด 2

ร้อนรักมาเฟีย

แกล้งหูหนวก ตาบอด 2

“รักพี่จุ๊บมากล่ะสิแก” คำถามที่ไม่ควรถามจากปากมันตราได้หลุดออกมาบ่อย รู้ว่าไม่ควรถามแต่เห็นเพื่อนเป็นแบบนี้จึงอดใจไม่ไหวทุกที คิดปากอยากพูดบางอย่าง ให้ธัญดาฟังใจจะขาด พอพูดออกไปเกรงโดนกล่าวหาว่าตัวเองเป็นพวกเสี้ยม ชอบทำให้ความรักคนอื่นร้าวฉาน

“ก็รักแต่ไม่ได้ดิ้นตายซะหน่อย” ก็แค่ให้เกียรติกันในฐานะแฟน คนเราคบกันก็แบบบนี้ รักให้เกียรติ หรือมันต้องมีอย่างอื่นด้วย ต่างคนต่างทำงาน มีบ้างที่ไม่มีเวลาให้กัน คำว่าแฟนไม่หมดอายุเหมือนขนมปังนี่

“เขาเคยพูดถึงอนาคตกับแกหรือเปล่าวะหนูดา ประมาณจะแต่งงาน จะพาไปไหว้พ่อแม่แนวๆ นี้” มันตราอดสอดเรื่องชาวบ้านที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเองไม่ได้

“ยัง” ตอบคำเดียวสั้นๆ ห้วนๆ  ธัญดามักเป็นซะอย่างนี้ ทีแบบนี้กล้าพูดกับเพื่อน แต่กับแฟนปากอมลูกแอปเปิ้ล พูดไม่ออกเวลาอยู่กับพี่จุ๊บ

“แล้วแกเคยคิดจะถามเขามั่งมั้ย เขาเงียบแกก็เงียบใส่” ว่าแต่กูทำไมต้องไปแส่เรื่องของคนอื่นวะมันตรา สงสัยตัวเอง ก็มันอยากแส่นี่ ในเมื่อเป็นเรื่องของเพื่อนไม่ใช่คนอื่นซะหน่อย

“มะ...ไม่เคยนะ เขาไม่พูดฉันเองก็ไม่อยากถาม” สนใจทำมาหากินก่อนเรื่องมีครอบครัว ถ้ามีครอบครัว ภาระอาจจะเพิ่มขึ้น หรือมีเรื่องไม่อิสระทางความคิดมาแทน ซึ่งเธอยังไม่พร้อม เป็นแฟนกันแบบนี้ ดีกว่าต้องมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ในความคิดธัญดา

“คบกันตั้งแต่เรียนมหา’ลัย พี่จุ๊บจบมาก็สามปีแล้ว ยังไม่มีวี่แววจะขอแกแต่งงานหรือวะ ไม่ใช่ว่าเขาแอบมีคนอื่นหรอกนะ” จุดไฟให้เพื่อนฉุกคิดบ้าง เผื่อจะเอะใจเรื่องแฟนบ้าง

“ฉันยังมีฝันที่อยากทำ ยังไม่อยากแต่งงานตอนนี้หรอกแก” บางทีประสบการณ์ของแม่ก็คอยตอกย้ำสอนเธออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การมีคู่ไม่ใช่เรื่องสนุกดูตัวอย่างครอบครัวอันล้มเหลวระหว่างพ่อและแม่เป็นอุทาหรณ์ เธอกำพร้าพ่อเพราะความมักมากไม่รู้จักพอของพ่อ ทิ้งแม่ให้จมอยู่กับความเสียใจ จนหันไปหาสุรายาเมาเป็นสรณะ หลังๆมานี้เพื่อนขาเหล้าชวนเป็นขาไพ่แม่ก็ไปรำพัดรำไพ่ด้วย ดีหน่อยไม่ได้เล่นเอาเป็นเอาตายก็แค่แก้เซ็งแก้เหงา แต่นั่นก็เสียเงินอยู่หลายพันในแต่ละวัน จนบางทีเงินค่ากับข้าวที่เธอทิ้งไว้ให้แม่หมดไปกับการจ่ายค่านับเลขในวง

“ฝันของแกคือเรียนต่อเมืองนอกว่างั้น อีกไม่กี่เดือนแกก็จะจบตรีภาคสมทบ ยังฝันไปต่อนอกอีกหรือวะหนูดา แกนี่รักเรียนจริงๆ ผิดกับฉันขี้เกียจเป็นบ้า”

“ใช่คนเราต้องมีฝัน ฉันจะสอบชิงทุนของมหา’ลัย ให้ได้ฉันต้องไปเรียนเมืองนอก” ธัญดาว่าสาวหัวใจแกร่งนักสู้ชีวิตต้องรับผิดจิปาถะ พูดกับเพื่อนด้วยความมุ่งมั่น แววตาเปี่ยมด้วยความฝันอย่างเด่นชัด

“ถ้าแกไปเรียนต่อใครจะดูแลแม่แก่หนูดา” มันตราถามได้ตรงประเด็น ธัญดาห่วงแม่มาก ที่ทำงานหนักทุกวันนี้เพราะอยากให้แม่หายเหนื่อย

“นั่นสินะ นี่แหละฉันถึงคิดมาก ป่านนี้เข้าบ้านหรือยังก็ไม่รู้ คงนับเลขเพลิน” นึกไปถึงแม่รู้สึกเศร้าใจ ทุกวันนี้ที่เธอหาเงินไม่พอจุนเจือครอบครัวเล็กๆ ของเธอก็เพราะแม่เอาเงินไปโปรยสนุกในบ่อนเล็กๆ ของป้าสมรท้ายชุมชน

“มิน่าล่ะแกถึงได้คิดเลขเก่ง คิดเงินให้ลูกค้าไม่ต้องใช้เครื่องคิดเลข เชื้อดีอย่างนี้นี่เอง” นี่ชมหรือเหน็บเอาให้ดีมันตรา

“นี่ชมหรือด่าวะไอ้บ้า” ธัญดาอึ้งไปแว๊บหนึ่งจึงตงิดๆ คำชมของเพื่อน ยกกำปั้นทุบไหล่ยายมันตราช่างประชด คนน่ารักผิวน้ำผึ้ง เพื่อนคนนี้ตรงข้ามกับเธอทั้งสิ้น ธัญดาผิวขาวละเอียด ขาวจนบางคนถามว่า เธอไปฉีดผิวมาหรือเปล่า เชอะ คนอย่างธัญดาฉีดผิวก็บ้าแล้ว ที่ไม่ฉีดเพราะไม่มีเงินไม่ใช่มั่นใจในความสวยของตัวเอง

“แล้วแต่จะคิด” มันตราระเบิดหัวเราะ กระโดดหนีกำปั้นที่รัวลงหัวไหล่

สองสาวได้แต่กระโดดโลดเต้นหยอกล้อ หัวร่อต่อกระซิกตามประสาเพื่อนสนิท มันตราชอบอยู่รอธัญดาจนกว่าแฟนหนุ่มของเพื่อนจะมารับ ส่วนตัวเองก็ป่ายขาขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์น้องชาย มารับกลับบ้านประจำทุกคืน มันตรากับธัญดา ไม่ได้ทำงานที่ร้านมาดามริสาทุกคืน ในหนึ่งสัปดาห์ทำแค่สามคืนเท่านั้น  นั่นคือวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ วันแบบนี้แขกเยอะจึงถูกเรียกมาทำงาน

ในขณะที่สองสาวหยอกล้อกัน มันตราเหลือบไปเห็นรถยนต์คันคุ้นตา เคยมารับเพื่อนเวลาเลิกงาน แล่นผ่านหน้าออกไปจากเดอะ คิวท์ ช่วงเวลาล่วงเข้าวันใหม่ เจ้าของรถคันนั้นท่าจะไปใช้บริการตู้ปลาสวยงาม ตามที่เธอบังเอิญเห็น นอกจาก อาบ นวด นาบ จากนั้นคงหิ้วกันต่อที่ไหนสักแห่ง

“เดี๋ยวๆ หนูดาแกเห็นอย่างที่ฉันเห็นไหม” ธัญดาหันหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามถนน พอเพื่อนถามแบบนี้เลยหันไปมองตามทางที่มันตราหันไปดู ชะเง้อดูไปตามทางเห็นแค่ท้ายรถคันหนึ่งแล่นจากไป ฉับพลันจึงหยิบของในกระเป๋า

“แกจะทำอะไรหนูดา” มันตรามองตามท่าทางธัญดา

“โทร...หาพี่จุ๊บสิ ทำอะไรอยู่ทำไมไม่มารับ จะให้ฉันอยู่ที่นี่จนเช้าหรือไง” มือที่จับโทรศัพท์สั่นสะท้าน มันต้องไม่ใช่ รถรุ่นนั้นสีนั้นไม่ใช่มีคนเดียวในโลก เป็นแค่คำปลอบใจตัวเองเท่านั้น

“เอ่อ...แกจะโทร.จริงหรือหนูดา” อยากบอกสิ่งที่รู้ก็อยากจนปากสั่น คันคะเยอ นึกว่าตำแยโดนปาก ถ้าเพื่อนรู้ความจริงเข้า จิตใจจะบอบช้ำแค่ไหน รู้อยู่ว่าธัญดาแกร่งอย่างกับท่อนเหล็ก อดทนสู้กับปัญหาได้ทุกสถานการณ์ แต่ปัญหาหัวใจมันยากที่จะแกร่ง มันตราจึงเลือกเงียบมากกว่าจะแพร่งพรายให้กับเพื่อนทราบ

บทก่อนหน้า
บทถัดไป