บทที่ 9 รอยสักตราตรึง 2
“มิ้งขอตัวนะคะคุณยาย วันหยุดทั้งที ขอพักผ่อนให้เต็มที่หน่อย” หลานสาวยกมือไหว้ขอตัวไปพักผ่อน ในขณะมิ่งขวัญกำลังจะก้าวขึ้นบันได นึกบางอย่างได้ จึงชงัก “อ้อ...คุณยายคะ อีกสองสัปดาห์มิ้งต้องไปญี่ปุ่นนะคะ” เธอบอกยาย
“อะไรนะ ไปทำไมญี่ปุ่น” ยายหวั่นใจเกรงจะเป็นเรื่องนั้นอีก นี่หลานก็ไปมาทั่วโลกแล้ว นี่ยังต้องไปอีกหรา
“รายการสำคัญค่ะ มิ้งต้องไป ทีมขาดมิ้งไม่ได้” ความทุกข์หายมลาย ถ้าได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบ จากงานอดิเรก กลายเป็นอาชีพ เริ่มผูกพันมากขึ้นๆ
เธอมักเก็บความทุกข์ไปลงกับกิจกรรมที่ชอบ เมื่อก่อนไม่เคยสนใจเพราะกลัว ครั้นพอโดนเพื่อนคนหนึ่งรบเร้าปลุกระดมความคิดจึงค่อยๆ ก้าวเข้าสู่วงการอย่างเต็มตัว หลังจากนั้นยอมรับว่าติดใจ ล่มหลงมากจึงมุ่งมั่นฝึกซ้อม ฝีมือดีขึ้นตามลำดับ ในที่สุดได้เป็นตัวแทนประเทศไปร่วมแข่งขัน ครั้งนี้มุ่งมั่นในการเอาชัยชนะมาประดับเกียรติตัวเองให้จงได้
“มิ้ง จำไว้นะยายเป็นห่วงเราเสมอ ถึงมิ้งคิดว่าตัวเองไม่มีใคร แต่มิ้งยังมียายนะ” แม้นมาศปั้นสีหน้าเครียด เมื่อหลานสาวคนเดียว ต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำกิจกรรมที่ชอบ ต่อให้ผ่านมาหลายประเทศ นางก็ยังคงเป็นห่วงหลานสาวอยู่ดี ไม่อยากเห็นภาพที่หลานถูกเข็นเข้าโรงพยาบาลอย่างที่แล้วๆ มา คนแก่ปูนนี้จะต้องไปดูความเป็นความตายของหลาน หัวใจรับไม่ไหวจริงๆ
“ค่ะ คุณยายมิ้งจะดูแลตัวเองนะคะ” มิ่งขวัญคลี่ยิ้มให้ยายแล้วเดินขึ้นห้อง แทรกตัวเข้าไปในห้องนอนพื้นที่ส่วนตัว ทิ้งร่างลงนอนบนที่นอนกว้างสีหวานของเธอ ห้องนอนที่ถูกประดับด้วยโมเดลรถแข่งมากมายหลายสิบคัน หญิงสาวนอนมองเพดาน ภาพของใครบางคนที่เพิ่งแยกจากกันกลับฉายชัดขึ้นในดวงตา จนต้องสะบัดใบหน้าเพื่อลบภาพเขาผู้หล่อเหลานั้นทิ้งไป
หลังจากตื่นมิ่งขวัญขับรถไปยังสถานที่ที่ตั้งของทีม Power Jet (พาวเวอร์ เจ็ท) ชื่อทีมที่เธอทำหน้าที่เป็นนักแข่งรถมานานเกือบห้าปี ความทุกข์ที่แบกรับไว้ มักนำมันมาลงกับความเร็ว ทุกครั้งที่ได้อยู่หลังพวงมาลัยและพาตัวเองลู่แล่นไปบนเส้นทางในสนาม เธอมักลืมความเจ็บปวดทั้งหมดได้โดยแท้ บ้านคือไฟในเวลาที่พ่อแม่เจอหน้ากัน และมันเป็นไฟกองใหญ่มากขึ้นเมื่อเธอเห็นภาพอะไรต่อมิอะไรที่ไม่เคยคาดคิด
มิ่งขวัญทิ้งก้นนั่งบนเก้าอี้ ในห้องประชุมของทีม ผู้จัดการทีม เดินมาหยุดหัวโต๊ะ ขณะทีมงานทุกคนพร้อมหน้าครบองค์ประชุมอย่างตื่นเต้นที่จะได้ไปสนามแข่งญี่ปุ่น
“มิ้ง เป็นอะไรหน้าตาไม่ดีเลย ไหวมั้ย” ผู้จัดการทีมพาวเวอร์ เจ็ท เอ่ยถามหญิงสาว เห็นว่าหน้าเศร้าๆ เหมือนไม่ได้นอน อาจจะตื่นเต้นในการลงแข่งเป็นตัวแทนประเทศ ซึ่งต่างไปจากสนามที่ผ่านมา
“เที่ยวค่ะ พอดีเมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย” มิ่งขวัญตอบตามตรงแต่หักมุมเลี้ยวอยู่นิดหน่อย เรื่องชายหนุ่มรูปหล่อเหยื่ออารมณ์เปลี่ยวของเธอเมื่อคืน
“เมาด้วยมั้ยน่ะเรา” แสงสิงห์ เทียมรัตน์ ผู้จัดการเอ่ยถาม ทั้งที่รู้ว่าปกติมิ่งขวัญไม่ดื่ม การดื่มเป็นอุปสรรคกับสมาธิในการบังคับรถ
“เมาค่ะเมามาก” เมาจนหน้ามืดอยากได้ผู้ชาย แถมต่างชาติอีก เวรแท้ๆ ที่คิดอยากกินผู้ชายตอนเมา
“นอนไหนละเมื่อคืน” แสงสิงห์พอจะรู้เรื่องบ้านนักแข่งของตนคนนี้ ส่วนใหญ่จากข่าวสังคม ปัดไปไม่ใส่ใจ เพราะไม่เกี่ยวกับการแข่ง ขอแค่ให้หญิงสาวทำหน้าที่ในสนามให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง “มีปัญหาอะไรไหม” ผู้จัดการเป็นห่วง เกรงจะมีผลต่อการแข่ง
“ไม่มีอะไรค่ะ อยากดื่ม” หญิงสาวปัดปัญหาที่เจอมาของเธอทิ้ง ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง
“มิ้ง พระเอกเธอมาแหนะ รออยู่ในห้องรับรอง”
“ใครหรือนัย” มิ่งขวัญหันไปถามคนที่เพิ่งเข้ามานั่นคือ ภัทรดนัย หนุ่มนักแข่งฝีมือฉกาจ เพื่อนร่วมทีมเดียวกับเธอคนนี้สนิทที่สุด
“แกมีพระเอกกี่คนล่ะ ไอ้นายแบบกล้ามโตซิกแพกกระจายนั่นไง”
“บอกเขาไปฉันไม่ได้มา” เธอบอกออกไปด้วยแววตานิ่งชา ผิดแผกจากหัวใจที่บรรจุความคับข้องไว้จนเกือบล้น และบางทีมันอาจทะลักหากได้รับการกระตุ้นอย่างถึงที่สุด
“อั๊ยหยา ทะเลาะกันเหรอ ถ้าทะเลาะกันฉันเสียบเลยนะ รอมานานแล้ว กล้ามแน่นๆ เห็นทีไรน้ำหมากกระจาย ” ภัทรดนัยว่าปกติมิ่งขวัญเงียบขรึมอยู่แล้ว วันนี้ยังเจือความเศร้าไว้ในน้ำเสียงอีกด้วย น่าจะอะไรแน่ๆ
“เปล่า ไม่ได้พูดกันเลยต่างหาก” ปฏิเสธเสียงเย็น ดูที่มือหมุนปากกา ด้วยการใช้ความคิด เก็บอาการไม่แสดงออกในสิ่งที่อัดแน่น เมื่อคืนเกิด แค่คืนเดียว เกิดอะไรขึ้นตั้งมากมาย ไม่น่าเชื่อว่าเธอผ่านเรื่องราวต่างๆ มาได้ โดยไม่มีใครทราบ
ไม่อยากคิด ถ้าเป็นคนอื่นเห็นแบบที่เธอเห็น ต้องขอบคุณการฝึกสมาธิ เพื่อใช้ในการลงแข่ง เธอนำมาปรับใช้ในชชีวิตประจำวันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตัวอย่างชัดเจนคือเมื่อคืน
“ไม่ทันแล้วล่ะ เขาเห็นรถแกจอดอยู่หน้าตึกแล้ว”
“ฉันต้องออกไปพบเขาสินะ ก็ดีจะได้จบกัน” มิ่งขวัญถอนหายใจยาวราวกับสิ่งที่เก็บกักในใจกำลังจะถูกปลดปล่อย แต่คงไม่ทั้งหมดเพราะสถานที่แห่งนี้คนรู้จักคุ้นเคยกับเธอทั้งนั้น รวมไปถึงรังสิต บุรพล หรือ เบิร์น แฟนของเธอที่กลายเป็นอดีตตั้งแต่วินาทีที่เธอเห็นเขาอยู่กับคนอื่น หน้าโง่ๆ อย่างเธอ ถ้าไม่เห็นคงเชื่อเบิร์นไม่รู้จบ
