บทที่ 1 EP0 #INTRO

#INTRO

...

..

.

“มึงทำแบบนี้ได้ไงวะไอ้เต็ม” พอร์ชมองหน้าผมด้วยความผิดหวัง สายตาตัดพ้อจนผมรู้สึกละอายใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีประเดประดังเข้ามาจนยากจะรับไหว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเสมือนไฟที่ลุกโชติโชนมันลามข้างในใจจนยากที่จะดับ ถึงผมรู้ว่าควรจะทำอะไร รู้ว่าสิ่งที่ทำมันทุเรศแค่ไหน แต่ผมก็ยังปล่อยให้ทุกอย่างมันเผาไหม้จนแทบไม่เหลือซาก

“กูขอโทษ...” ผมฟุบหน้าลงกับเข่า น้ำตาที่ไหลออกมาแทบจะตลอดเวลาเทียบไม่ได้เลยกับความเสียใจที่ได้กระทำต่อคนตรงหน้า...

‘พี่เต’ พี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งในชีวิตของผม

“…มึงสองคนเคยนึกถึงหน้ากูบ้างไหม” ยิ่งพี่เตพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยมากเท่าไหร่ ภายในจิตใจผมกลับร้อนรนมากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเกินกว่าที่เขาจะรับไหว

“เต กูกำลังจะทำให้เรื่องนี้มันจบไง” ใช่... พี่ไทม์กำลังจะทำให้ทุกอย่างมันจบ แล้วมันก็ไม่ควรจะเริ่มต้นตั้งแต่แรกด้วย ...

..

.

[ย้อน]

#จุดเริ่มต้น

“มึงกลับเลยปะวะ”

“เออ ร้านจะปิดแล้ว กูก็ง่วงด้วย” ผมยืนล้างมือในห้องน้ำ หลังจากทำธุระเสร็จ ตอนนี้ผมอยู่ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย หลังจากถ่ายโปรโมตดาวเดือนของมหาวิทยาลัยเสร็จเราก็มาฉลองกันที่นี่เพื่อปลดปล่อยความเหนื่อยล้าตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา

ผมชื่อ ‘เต็ม’ ตรัณ เพียงวานิช นักศึกษาชั้นปีที่สอง คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ด้วยหน้าตาที่พอไปวัดไปวาได้หน่อย ผมเลยถูกเลือกให้เป็นตัวแทนคณะไปประกวดดาวเดือนสมัยตอนอยู่ปีหนึ่ง แล้วก็คว้ารองอันดับสามมาครอบครองในปีนั้น แต่หน้าที่ก็ยังค้ำคอ ผมจะต้องส่งต่อความเจิดจรัสให้เดือนรุ่นต่อไปตามธรรมเนียม เวลามีกิจกรรมหรือการโปรโมตต่าง ๆ ผมต้องเข้าร่วมทุกครั้ง

ซึ่งนั้นเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก! กลางวันเรียน ตกเย็นทำกิจกรรมต่อ แถมเพื่อนรักของผมสองคนก็เป็นภาระสุด ๆ จริง ๆ ‘ไอ้พอร์ช’ เพื่อนสนิทผมคนหนึ่งก็หล่อออร่ามาก ติดแค่ เถื่อน สถุน ถ่อย ไม่ไว้หน้าใคร รุ่นพี่เลยไม่มีใครกล้าจะย่างกรายเข้าไปคุยกับมัน ครั้นจะขอร้องให้มันไปประกวดเดือนให้ก็กลัวว่ามันจะเสยหน้าหงายละมั้ง มันชอบทำหน้าเรียกตีนชาวบ้านเป็นประจำ หล่อนะ แต่สันดานไม่ดี ส่วนเพื่อนสนิทผมอีกคนคือ ‘ไอ้จอม’ รายนี้ข้ามไปเลยครับ สารรูปดูไม่เหมือนผู้เหมือนคนเท่าไหร่ เหลวเป๋ว ไร้สติ ไม่เอาอ่าวอะไรเลย แค่คิดก็ท้อแล้วครับ

“ให้กูไปส่งเปล่า มึงไม่ได้เอารถมานี่” ไอ้นิว เดือนเกษตรฯ ถามผม ผมเลยรีบบอกปัดทันที

“มึงไปไล่ส่งไอ้พวกที่นอนกองข้างนอกเหอะว่ะ กูมีสติดีกลับเองได้” ผมเช็ดมือตัวเองเรียบร้อย บอกลาไอ้นิวแล้วแอบรู้สึกผิดในใจเหมือนกันที่ตัวเองดันไหวตัวได้ทันเลย เลือกที่จะไม่เอารถมาเพื่อจะได้กลับไปถึงห้องเร็ว ๆ โดยไม่มีภาระ

ผมเดินตามทางมาเรื่อย ๆ ร้านนี้ใหญ่พอสมควร กะว่าจะโบกรถแล้วรีบกลับห้องเลย พรุ่งนี้มีงานส่งอาจารย์คาบบ่ายด้วย เชี่ยพอร์ชแม่ง! เรียงสไลด์ผิดตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย กูต้องกลับไปแก้อีก ส่วนไอ้จอม... แค่ขอให้เอาปากกากับหนังสือมาเรียนให้ครบก่อนก็ถือว่าบุญมากแล้วครับ

“เชี่ยแม่ง! ฝนตก” ผมอุทานขึ้นมาเบา ๆ ทันทีที่ตัวพ้นร้านเหล้าแห่งนี้ก็พบว่าฝนตกอย่างหนัก รู้งี้ไปกับไอ้นิวก็ดีดิวะ เชี่ยเอ๊ย...

“เอาไงดีวะ” รู้สึกตัวเองคำนวณผิดพลาดชะมัด กะว่าจะทำให้ตัวเองสบายโดยละทิ้งทุกอย่างแม้กระทั่งรถตัวเองแล้วเชียว ดันลืมนึกถึงว่าช่วงนี้พายุเข้า! นอกจากเป็นช่วงเวลาที่ร้านใกล้จะปิด คนจึงก็ทยอยออกมาโบกรถข้างนอกกันวุ่นวาย แล้วสถานการณ์แบบนี้ ให้ตายอย่างไรก็เรียกรถยากฉิบหาย ได้ยืนรอแท็กซี่เป็นชั่วโมงแน่เลยกู

“กูกำลังกลับ! กูบอกว่าฝนตก!! มึงฟังเสียงสิเนี่ย!!!” ผมยืนซังกะตายทำหน้าอมทุกข์ไว้อาลัยตัวเองอยู่สักพักหนึ่ง เสียงจ้อกแจ้กจอแจก็ดังไปทั่ว “ไอ้สัด!

มึงเฟสไทม์เลย มึงได้ยินเสียงฝนไหม ? คนเขาได้ยินกันทั้งบ้านทั้งเมือง” ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาทางกลับหออยู่นั้น จู่ ๆ สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหลังไว ๆ คุ้น ๆ เดินกระโชกโฮกฮากอยู่ไม่ไกลจากผม ผมเลยเพ่งมองดูเพื่อความแน่ใจ

“พี่ไทม์!” ผมตะโกนเรียกทันทีเมื่อเจอคนรู้จัก ‘พี่ไทม์’ เป็นเพื่อนสนิทของเจ้านายไอ้พอร์ช ซึ่งไอ้พอร์ชเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต้องไปเป็นบอดี้การ์ดให้บ้านมาเฟียอะไรของมันไม่รู้ ผมเลยมีโอกาสได้รู้จักรุ่นพี่คณะบริหารอินเตอร์อยู่สามสี่คน ด้วยเพราะไอ้พอร์ชมักจะพาเจ้านายออกไปกินเหล้าบ่อย แล้วมันก็ชอบชวนผมกับไอ้จอมไปด้วย ความสัมพันธ์จะซับซ้อนนิดหนึ่ง เอาเป็นว่าคือพี่คนรู้จักที่ผมรู้จักผ่านไอ้พอร์ชเท่านั้นแหละครับ

“อ้าว!” พี่ไทม์หันมาตามเสียงเรียกแล้วรีบเดินเข้ามาหาผม

“อะอ่ะ! มึงคุย กูเจอน้องเต็มเพื่อนไอ้พอร์ช” พี่ไทม์พูดกับปลายสายแล้วยื่นมาให้ผม ผมทำหน้างง ทันที

“พี่เตเหรอ” ผมถามพี่ไทม์แบบไม่มีเสียงพลางชี้ไปที่โทรศัพท์ ซึ่งพี่ไทม์พยักหน้าเป็นคำตอบ

“ครับ พี่เต” ผมกรอกเสียงลงปลายสาย เพราะพี่เตเป็นแฟนพี่ไทม์ ตอนแรกผมตั้งแง่รังเกียจแก๊งเจ้านายไอ้พอร์ชมาก เพราะเพื่อนเกลียดก็เกลียดด้วย แต่พอวันไปกินเหล้าพี่เตแม่ง! โคตรดี!! ทั้งเลี้ยงเหล้าแล้วพาไปส่งหอ เอาจริง ไอ้พอร์ชเคยบอกว่า ใครที่เลี้ยงเหล้าเราก็จัดว่าเป็นคนดีหมด หลังจากนั้นที่ผมตั้งแง่รังเกียจแก๊งเจ้านายไอ้พอร์ชก็กลายเป็นว่าผมดันรู้สึกถูกชะตาอย่างไรไม่รู้

[เต็ม ไปทำอะไรที่นั่น]

“มากินเหล้ากับเพื่อนครับ แล้วบังเอิญเจอพี่ไทม์”

[มันอยู่กับใคร] เสียงพี่เตแข็งขึ้นมาทันที ผมเลยเงยหน้ามองพี่ไทม์แต่ก็พบว่าเขายืนอยู่คนเดียว

“คนเดียวครับ”

[แล้วฝนตกรึเปล่า มันบอกจะกลับบ้านช้า]

“ตกครับ หนักมากด้วย” ผมหันไปมองฝนด้านนอก ก็น่าจะกลับช้าอยู่แหละ ตกแม่ง! จนมองไม่เห็นทางเลย

[แล้วเต็มกลับยังไง มีใครมารับไหม ?]

“อ๋อ ผมว่าจะกลับแท็กซี่อ่าครับ” ผมพูดไปตามความจริง

[เฮ้ย ๆ มันอันตราย งั้นให้ไอ้ไทม์ไปส่ง]

“ไม่เป็นไรพี่เต ผมกลับแท็กซี่ได้ครับ”

[กลับกับมันนั่นแหละ จะได้ดูให้พี่ด้วยว่ามันไม่ได้หิ้วใครไปไหน] ผมฟังประโยคนั้นก็รู้สึกแปลก ๆ พี่ไทม์ก็ดูรักพี่เตขนาดนั้น แล้วจากที่ผมฟังน้ำเสียงก็ดูพี่เตระแวงชะมัด

“ไม่อยากรบกวน...”

[ส่งโทรศัพท์ให้พี่คุยกับไทม์หน่อย] ผมทำตามที่พี่เตบอกแล้วยื่นโทรศัพท์ให้พี่ไทม์ทันที

“เออ กูรู้ละ ค้าบ จะรีบกลับค้าบ” พี่ไทม์พูดอีกสองสามประโยคแล้วกดวางไปก่อนจะสบถออกมา “ถ้าไม่ใช่เมียกูเตะตัดขาไปละ” พี่ไทม์พูดใส่โทรศัพท์ อารมณ์แบบเก่งลับหลัง ก็ใจมันกาก แต่ปากมันเก่งอะไรทำนองนั้น

“ทำไมพี่เตไม่มาด้วยล่ะ” ด้วยความที่เราเจอกันมาประมาณสองสามครั้ง แล้วทุกครั้งที่เจอพี่เตกับพี่ไทม์มักชวนผมคุยเสมอ ผมก็เลยไม่ได้มีท่าทีเกร็งมากนัก

“มันไม่เที่ยวหรอกร้านแบบนี้ ก็รู้อยู่ไอ้เตมันคุณหนูไฮโซ ไม่ชอบที่จ้อกแจ้กจอแจ” พี่ไทม์ว่าแล้วดึงบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจุดสูบ

“ทีร้านเจ๊หยกยังไปได้เลย” ผมพูดขำ ๆ เพราะเราเคยไปเที่ยวกันที่ร้านเจ๊หยก มันเป็นร้านที่แต่ก่อนไอ้พอร์ชเพื่อนสนิทผมเคยเป็นพนักงานเก่า มันสนิทกับเจ้าของร้าน แล้ววันนั้นมันก็นึกพิเรนทร์พาเจ้านายมันมาเที่ยวยกครัว ก็เห็นพี่เตยังลุกเต้นนี่หว่า...

“ก็นั่นมีไอ้คินน์ สองตัวมันก็พอ ๆ กัน” ผมพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ คินน์ที่ว่าก็เจ้านายมาเฟียของไอ้พอร์ชนั่นแหละ

“อ้อ มันจำเป็นอะเนอะ”

“ใช่ แล้วเราเอาไง รอฝนซาแล้วเดินไปที่รถหรือจะฝ่าไปเลย” พี่ไทม์พ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วมองผ่านม่านน้ำที่โหมลงมาไม่หยุด

“ที่พี่เตสั่งไว้ให้ไปส่งใช่ไหม ? ” ผมทำท่ากระอักกระอ่วน เกรงใจว่ะ! ไม่รู้พี่มันอยากจะไปต่อหรืออยากะกลับกันแน่ เห็นฮึดฮัดใส่โทรศัพท์ทำท่าเหมือนอยากเที่ยวต่อยังไงก็ไม่รู้

“อื้ม รถพี่จอดซอยถัดไป พี่ว่าเดินหลบ ๆ ไปคงไม่เปียกมาก” พี่ไทม์ชี้ไปด้านข้าง

“แต่พี่ไทม์...”

“พี่เต็มใจ ไปเหอะ!” พี่ไทม์ทิ้งก้นบุหรี่ลงถังก่อนจะดึง ๆ ลาก ๆ แขนผมไปยังรถของเขา...

บทถัดไป