บทที่ 5 TTS EP.2 Liar Game (3)

หลังจากเดินตามหลังป๊ามาได้สักพักแล้วเห็นว่าหลบเลี่ยงออกจากสายตาของพี่หมอท็อปมาได้แล้ว ผมจึงเดินอ้อมหลังตึกขึ้นรถแวนของตัวเองด้วยอาการฉุนเฉียวขั้นสุด

“ไอ้มาเก๊า!!! ไอ้ตอแหล!!! ไหนตอนเด็กมันบอกว่าอยากเป็นกระเป๋ารถเมล์ไง! เปิดแอร์แรงๆๆ” ผมสั่งลูกน้องที่ตอนนี้มันมีอาการเหนื่อยหอบกันทุกคนหลังจากกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามผมมาพักใหญ่แค่นี้ทำเป็นอ่อนปวกเปียกนะพวกมึงเดี๋ยวกูก็สั่งซ่อมซะหรอก!!! อนาถฉิบหาย! ลูกน้องไอ้คินน์วิ่งเอาวิ่งเอา รวมถึงลูกน้องไอ้คิมด้วย แต่ลูกน้องกูเดินอ้อมนิดอ้อมหน่อยจะเป็นจะตายกันแล้วเนี่ย!

“กินยาครับคุณหนู” ไอ้อาร์มที่แข็งแกร่งกว่าเพื่อนพอถึงรถปั๊บมันก็ออกคำสั่งเป็นพ่อคนที่สามผมทันทีเพราะคนที่หนึ่งคือป๊า คนที่สองไอ้พีท คนที่สามก็มึงนี่แหละไอ้เวรตะไลอาร์ม!!!!

“จริง ๆ นะเว้ย! ตอนเด็กไอ้มาเก๊าบอกอยากเป็นกระเป๋ารถเมล์เวลาพวกกูเล่นเหตุการณ์สมมุติกันทีไร มันชอบมาแย่งกูเป็นตลอดดดดด! มันเอาตลับแป้งของแม่บ้านมาทำเป็นที่ขายตั๋ว!!! กูจำได้!!!!” ผมว่าอย่างเดือดดาลปากก็บ่นไปแล้วก็อมน้ำอมยาตามคำสั่งพ่อง! แบบไอ้อาร์มไปด้วย

“กลืนครับคุณหนู”

“อื้มมมม!!!” แล้วไอ้อาร์มก็บีบจมูกผมจนน้ำและยาไหลเข้าคอตัวเองไปโดยอัตโนมัติแล้วผมก็รีบปัดมือมันออก “สามหาวเกินไปละนะ!” ผมว่าเสียงเขียวทำท่าจะเขกหัวมันอีกหนึ่งทีแต่ก็โดนนิ้วชี้มันสะกดการกระทำของผมเอาไว้ก่อน โธ่เว้ย!!! อย่าคิดว่ากูกลัวมึงนะ! ตอนนี้กูแค่รู้สึกเหมือนไข้ขึ้นต่างหาก แม่ง!

“ลุงแหลมออกรถกลับบ้านเลย” ไอ้อาร์มว่าแล้วเอาแผ่นคูลฟีเวอร์มาแปะไว้ที่หน้าผากผมอย่างถือวิสาสะ

“หงุดหงิดๆๆๆๆๆ” พอนึกถึงหน้าไอ้มาเก๊าที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนั้น ก็ยิ่งทำให้ผมเดือดพล่านจนตัวสั่น

“โอ๊ยยยยคุณหนู ช่างคุณมาเก๊าเถอะครับ! หน้าคุณหนูดูซีด ๆ ผมว่า...”

“ชู่ววว!!!”

ไอ้พลยังไม่ทันจะพูดจบผมก็รีบตัดบททันทีเพราะสายตาที่ว่องไวราวกับเหยี่ยวของผมดันไปสะดุดตาเข้าให้กับใครบางคนที่กำลังหอบเอกสารเดินตรงไปที่รถเบนซ์คันหรูของตัวเอง และนี่...คือโอกาสอีกครั้ง!!!

“จอดๆๆๆๆๆ” ผมรีบบอกให้รถหยุดโดยฉับพลันทำเอาตาลุงแหลมนี่เหยียบเบรคกระทันหันจนหน้าพวกผมแทบทิ่มมากองรวมกันที่โซนหน้ารถ

“โอ๊ยยยย!!!!”บอดี้การ์ดล้มระเนระนาดตามส่วนต่างๆของรถเต็มไปหมดดีที่ไอ้อาร์มจับผมเอาไว้ได้ทัน

“อันตรายนะครับคุณหนู!”

“หมอท็อปป่ะ ? หมอท็อปๆๆๆๆ” ผมรีบกระวีกระวาดลนลานจะลงจากรถเสียให้ได้แต่ก็มีพวกสัมภเวสีทั้งหลายทั้งเหล่รีบมาขัดขวางประตูสวรรค์เอาไว้

“คุณหนูจะทำอะไร!!!!” ไอ้อาร์มรีบเอาตัวและวาดแขนขาตัวเองกันท่าผมไว้ไม่ให้ลงจากรถไปได้

“ปล่อยกูนะไอ้เวร!!! ถอยไป!!!” ผมไม่สามารถสู้แรงไอ้อาร์มได้เพราะพยายามฉุดกระชากลากถูตัวมันยังไงมันก็ไม่ขยับเลย หน๊อย! อย่าคิดว่ากูโง่! รถแวนบ้านกูมันไฮโซโว๊ยยยยย! เปิดได้สองทางจ้ะ!

“ไอ้พล!”แล้วพอผมหันมาอีกทางไอ้พลก็ยืนจังก้าท่าเดียวกับไอ้อาร์มเดะ ๆ ที่ประตูอีกฝั่งนึง แต่คนที่จะหยุดกูได้มีแค่ไฟแดงเท่านั้นแหละจ้ะ! (บางทีก็ไม่หยุดด้วยไอ้เหี้ย!)

“โอ๊ยยย!!!คุณหนู!” ผมเตะผ่าหมากไอ้พลไปเต็มแรงแล้วรีบมุดตัวปลดล็อครถ เอาตัวเองออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดแม้ไอ้อาร์มจะพยายามไล่กวดผมใกล้แค่ไหนแต่ตอนนี้ผมก็พุ่งตัวไปดักอยู่ที่หน้ารถเบนซ์ที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เอี๊ยดดดดดดดดด!!!!!

เสียงล้อรถเบรคกระทันหัน กับตัวผมที่อ้าแขนอ้าขาหยุดฝีเท้าอยู่ที่ด้านหน้าตรงจุดกึ่งกลางของตัวรถพอดีเป๊ะ! ไงล่ะ!!! กูคำนวนไว้หมดแล้วโว๊ยยยย!!!

“คุณแทนคุณ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” หมอท็อปรีบลงจากรถมาด้วยอาการแตกตื่น พร้อมด้วยบอดี้การ์ดผมที่วิ่งตามกันมาติด ๆ

“ชู่วววว~ นึกว่าจะไม่ทัน!”

“คุณแทนคุณ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ไม่ครับพี่หมอ นี่พี่หมอจะกลับแล้วเหรอครับ” ผมรีบวาดไม้วาดมือแล้วยิ้มเริงร่าออกมาฉับพลัน

“ออกไปหาอะไรทานน่ะครับ คืนนี้เข้าเวร...”

“อ๋อ…งั้นเหรอครับ โอ๊ยยย!!! อย่าอู๊ดอี๊ดกับกูให้มากนักนะ!” ประโยคหลังผมหันไปด่าบอดี้การ์ดด้านหลังที่มันพยายามดึงชายเสื้อผมให้กลับขึ้นไปที่รถ

“ไม่ประชุมแล้วเหรอครับ”

“อ๋อออ...” จริงด้วยไอ้เวร! โกหกเขาไว้ว่าจะไปประชุมกับป๊านี่หว่า!!! โป๊ะแตกเวอร์! เมื่อกี้วิ่งหลบเกือบตายกู! เอาไงดีวะ...บอกว่ามีประชุมอีกที่ดีกว่า ดูงานเยอะ แบกภาระของตระกูลดีเหมือนกัน

“คุณแทนคุณไม่สบาย ?” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบเขาก็สวนขึ้นมา หมอท็อป

มองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงทำไมวะ ? อาการกูออกขนาดนั้นเลย ? ผมรีบจับหน้าจับตาตัวเองยกใหญ่ เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้ามองว่าอ่อนแอ เดี๋ยวดูกระจอกกว่าไอ้มาเก๊า! กูต้องแข็งแกร่ง อดทน ไม่อ่อนโยน หึหึ!

“ทำไมเหรอครับ” หลังคำถามผมหมอท็อปก็ชี้ไปที่หน้าผาก จนผมเอามือไปคลำแผ่นเจลเย็น ๆ แล้วทำหน้าเบ้ออกมาพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วลอกมันออกอย่างเลือดเย็นก่อนจะโยนไปให้ไอ้บอดี้การ์ดสุดเสล่อที่ด้านหลังผม มึงทำให้กูดูแย่ ไอ้สาดดด!!!

“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่า ตรงนี้แดดร้อนมากเลยนะครับ” ก็จริงอย่างที่พี่ท็อปพูดอาคารวีวีไอพีมันไม่มีที่จอดรถในตึกมีแต่ลานโล่งแจ้ง เหตุเพราะเป็นตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างด้วยมั้งเดี๋ยวเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาไอ้คินน์แล้วให้คินน์ไป คุยกับป๊าดีกว่า เพราะพระอาทิตย์แทบจะแดกหัวกูอยู่แล้ว และที่สำคัญชุดกูก็เปล่งประกายระยิบระยับเล่นไฟดีซะเหลือเกิน กูแสบตาโว๊ยยยย!!!

“แค่จะมาเตือนหน่ะครับพี่หมอ”

“เตือน ?” หมอท็อปเลิกคิ้วอย่าง งง ๆ

“ไอ้มาเก๊า...พี่หมออย่าไปหลงกลมันนะครับ ไอ้นั่นมันเปรตมาตั้งแต่เด็ก”

“ครับ ?” แต่เหมือนสิ่งที่ผมสื่อออกไปพี่ท็อปก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จนผมต้องขยายความเพิ่มพลางเดินไปเดินมาวนเวียนรอบ ๆ ตัวพี่ท็อป

“ตระกูลรองทำเรื่องชั่วสะเทือนฟ้าดินไว้มากมาย ให้ผมสาธยายให้ฟังวันนี้คงไม่หมด แต่พี่หมอต้องระวังตัวไว้นะครับ อย่าไปอยู่ใกล้ไอ้มาเก๊าอีก ทางที่ดีเลิกสอนพิเศษมันไปเลย!” ประโยคหลังผมยื่นหน้าเข้าไปหาพี่ท็อปจนพี่ท็อปสะดุ้งตัวตกใจจนผมแอบนึกขำในใจเสียไม่ได้ เอาดีดียิ่งมองก็ยิ่งหล่อ ยิ่งทำหน้าทำตาไม่รู้ประสีประสาก็ยิ่งน่ารัก เข้าใจละ! ว่าทำไมไอ้มาเก๊าถึงชอบแล้วแสดงอาการซะชัดเจนแจ่มแจ้งออกมาแบบนั้น

“มีน้ำหรือเปล่า ขอน้ำขวดนึงสิ” พี่ท็อปที่หายจากอาการตกใจก็เพ่งสายตามาที่ผมแล้วหันไปถามลูกน้องที่ยืนกันเชิงกันไว้เต็มลานจอดรถ

“ได้ครับ” เป็นไอ้พลรีบวิ่งเข้าไปในรถ

“คุณแทนคุณหน้าซีด ๆ นะครับ”

“…ไอ้มาเก๊าอ่ะ...พี่หมอจะต้องระวั...”

ผมไม่ได้ฟังคำของพี่หมอมากนักพยายามจะขุดวีรกรรมต่าง ๆ แฉไอ้มาเก๊ามันจะได้อกหักเสียใจแล้วร้องไห้ตายห่าไปเลย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวผมเริ่มหายใจไม่ค่อยสะดวกแหะ

“ดื่มน้ำก่อนนะครับ” พี่หมอเปิดฝาน้ำพยายามส่งมาให้ผม

“ทำไมผมใจสั่นขนาดนี้อ่าครับ...พี่หมอลองจับดู” ผมดึงมือพี่หมอให้มาทาบทับที่บริเวณที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง...แต่ไม่รู้เพราะพี่หมอคิดว่าผมเล่นมุขหรือเปล่าทำให้มือนั่นแข็งขืนกระทันหัน จนผมต้องตอกย้ำว่าผมรู้สึกหัวใจวูบวาบจริง ๆ “จริง ๆ ครับพี่หมอ ไม่ใช่เต้นแบบจังหวะรักแน่ ๆ ครับ” ผมพูดด้วยเสียงที่อ่อนลงจนพี่หมอที่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ ยอมผ่อนปรนกล้าวางมือมาทาบที่บริเวณหัวใจของผมจนได้

และในจังหวะนั้นเอง มือพี่ท็อปที่วางลงมานั้นก็เปรียบเสมือนแม่เหล็กอะไรบางอย่างที่ดูดผมจนร่างกายผมชาตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับแรงปะทะที่รุนแรงทำให้ในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาทีผมก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกเลย...

“คุณหนู!!!!!”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป