บทที่ 7 TTS EP.3 The Letter (2)
“แฟชั่นมั้ง” ผมพูดออกไปเสียงเรียบดูไม่ค่อยใส่ใจเพื่อนที่เหมือนจะให้ความสำคัญกับคนคนนี้เป็นพิเศษ เพราะดูจากสายตาที่มันยังคงไม่วางวายจ้องร่างของคนตรงหน้าอย่างคนมีคำถามตลอดเวลา
“ไอ้คนรองที่ออกสื่อบ่อย ๆ ชื่อไรนะ...คิม ? คินน์ ?”
“คุณ คินน์ คิม” ผมไล่ชื่อสามพี่น้องให้หมอซันฟัง
“เออ ไม่เคยเห็นเลยเนอะ ไม่ป่วยกันบ้างเหรอวะ” ไอ้หมอซันปรายตามามองผมพลางเบ้ปากไหวไหล่เล็กน้อยเป็นเชิงกวน ๆ
“คุณแทนคุณน่าจะป่วยบ่อยสุด ส่วนอนาคินน์เท่าที่ดูก็ปกติดี ส่วนคิมหันต์กูก็ไม่เคยเจอ” ผมว่าออกไปตามความจริง จริง ๆ เราสองคนเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ประมาณเดือนนึงไม่แปลกหรอกที่จะไม่ได้เห็นหน้าคร่าตาใครเลย
“ตระกูลรองกูก็เห็นแค่มาเก๊า ใช่ป่ะ ? พี่เขาชื่ออะไรนะ”
“เวกัส”
“สืบมาหมดแล้วจริง ๆ ด้วย” ไอ้หมอซันว่าออกมาพร้อมกับพยักหน้าให้กับตัวเองราวกับว่าสิ่งที่มันคิดถูกต้อง แต่ทำไมต้องสืบหล่ะ ไม่ต้องสืบก็รู้ครับ...ตระกูลไฮโซขนาดนี้แถมพ่อยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของโรงพยาบาลมีเหรอที่ผมจะไม่ได้ยินนางพยาบาลคุยกัน เห็นว่าในหมู่สาว ๆ คนที่ชื่อคิมคือฮอตสุด ๆ เพราะหาตัวจับยาก นานทีปีหนกว่าจะได้เจอเลยน่าจะเป็นแรร์ไอเทม ส่วนคินน์มาบ้างประปรายรายนั้นก็เอาเรื่องอยู่พี่ ๆ เขาพูดกันว่าขี้เก๊กมาก แล้ววางมาด ถือเนื้อถือตัวไปหน่อยแต่ก็หล่อดี ขนาดตระกูลรองที่เป็นน้องชายของคุณกรณ์ยังถูกพูดถึงเลยครับ ว่าใจดีกว่า แล้วคนที่ชื่อเวกัสก็เฟรนลี่มากด้วยเวลาเข้ามาโรงพยาบาลก็จะทักทายซื้อขนมมาฝากเหล่าบุคคลากรในตึกทุกครั้ง ส่วนมาเก๊าก็มาที่นี่แทบทุกวันผมที่เพิ่งมาทำงานสามวันแรกก็เจอเลยเห็นว่าชอบมานั่งรอพี่ชายมารับเขาที่ใต้ตึกเพราะมันอยู่ใกล้ที่เรียนพิเศษ ทีนี้ไม่รู้ว่าผมไปถูกชะตาอะไรเขา สองสามวันต่อมาคุณกรณ์ก็เรียกผมเข้าไปคุยขอให้สอนพิเศษให้หลานคนเล็กในทันที เห็นว่าอยากเป็นหมอซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ดีเลย มาเก๊าน่ารักมาก ช่างพูด หัวไว แล้วก็คุยสนุกแถมมารยาทดีอีกด้วย แต่ที่ผมแปลกใจคือ...คนที่ไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อนเลยก็คือ คุณแทนคุณนี่แหละ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามน้อยมาก ๆ ดูคนที่นี่เขาจะหวาด ๆ กัน ไม่ค่อยกล้า ไม่ค่อยยุ่ง เวลาพูดถึงก็มักจะมีท่าทีเกร็งแล้วทำหน้าแหยกันทุกครั้งไป ทีแรกผมคิดว่าเขาจะดุหรือไม่ก็เจ้าระเบียบเสียอีก...แต่ก็ไม่นิ่ เขาแค่...เอ่อ...แปลก อื้ม! ไม่มีอะไรมานิยามแทนคุณได้นอกจากคำว่า แปลก! อีกแล้วแหละ และผมก็เพิ่งเจอเขาวันนี้วันแรกค่อนข้างจะตะลึงงันอยู่เหมือนกัน
คำว่า ‘แปลก’ อาจจะธรรมดาน่าจะบียอนไปไกลกว่านั้นนิดนึงซึ่งผมก็ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมานิยามได้เพราะบุคลิกที่พิลึกพิลั่นนั่นมันทำให้ผมแทบตั้งตัวรับไม่ทันเหมือนกัน
“แล้วมึงว่าใครจะได้ขึ้นเป็นตระกูลหลักคนต่อไปวะ” อยู่ ๆ ไอ้ซันที่จ้อง ๆ ผมอยู่ก็กระตุกยิ้มขึ้นเหมือนนึกอะไรสนุก ๆ แล้วเป็นเรื่องที่น่าสนใจจนมันแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ก็น่าจะลูกชายคนโต” ผมกับไอ้หมอซันมองไปที่แทนคุณพร้อมกัน ถ้าตามศักดิ์และสิทธิ์มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นอ่าครับ แต่...ผมก็ไม่แน่ใจ
“เอาจริงดิ!” หมอซันว่าออกมาด้วยท่าทีเหวอ ๆ
“เออ”
“เหมือนจะเป็นไปไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ใคร ๆ ก็บอกว่าคุณกรณ์รักคนนี้มากที่สุด”
“ถ้ารักจริงไม่เอามาเป็นลูกตั้งแต่แรกหรอก”
“ห้ะ ?” ไอ้หมอซันเหมือนฟังไม่ค่อยถนัดมันหันหน้ามาถามผมเพื่อจะฟังประโยคเดิมซ้ำอีกรอบ
“มึงไปนั่งเวรไป้ ฝากเอาประวัติไปไว้ที่เวชทะเบียนด้วย” แล้วตอนนั้นเอง
พี่จุ๋มก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมกับส่งผลเลือดมาให้ผม “ไม่ต้องละ มึงไปไป้” ผมแลกแผ่นกระดาษกับแฟ้มไปที่พี่จุ๋มแทน แล้วเอ่ยปากไล่ไอ้หมอซันที่ยืนเกะกะทำตัวอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่องราวกับว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นซีรีส์เรื่องโปรดที่มันกำลังจินตนาการไปถึงตอนต่อไป
“ซีบีอาปกตินะครับ” ผมมองผลคร่าว ๆ วิเคราะห์โดยรวมไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนใด ๆ เลย
“ใช่ค่ะ หมอไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวพี่ดูแลต่อเอง”
“ขอบคุณครับพี่จุ๋ม” ผมกล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะถอนหายใจมองร่างที่หลับใหลนั่นอย่างพิจารณาอีกรอบ ก่อนในสมองจะค่อย ๆ เรียบเรียงอะไรบางอย่างแล้วพาตัวเองเดินออกไปจากที่นี่
ผมมีเรื่องให้คิดมากมาย แล้วไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมต้องการต่อไปนี้จะเป็นจริงได้หรือเปล่า...แต่ถ้าผมไม่ตัดสินใจเลยโอกาสที่จะได้เจอเขามันก็ไม่ได้มากนักเพราะเขาก็มาที่นี่แค่เดือนละครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง ผมพูดออกไปเลยดีไหม ? เขาจะตำหนิผมหรือเปล่า ? หรือผมควรจะอยู่นิ่งๆทำตัวเฉย ๆ แบบทุกครั้งที่เคยทำมาตั้งแต่เด็กจนโต ผมควรจะทำอย่างไรดี ?
“ดิ่งพสุธา ปฎิบัติ!!!!” ผมเดินผ่านพวกเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดที่ขณะนี้กำลังโดนทำโทษโดยหัวหน้าสูงสุดในสังกัดของพวกเขานั่นก็คือ ‘พี่ชาน’ เลขาคนสนิทของคุณกรณ์ที่เรามักจะเจอกันบ่อยจนผมต้องยิ้มพลางก้มศีรษะทักทายเล็กน้อย เขาเองก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบรับมาเช่นกันก่อนจะหันไปซ่อมคนของตนเองต่อ
“ไอ้พล!!!!!! ขาตึงกว่านี้!!! ไอ้พล!!!!!!!”
“ทราบ!!!!”
วันนี้น่าจะไม่จบลงง่าย ๆ อาการป่วยอาการไข้กำเริบแต่คนที่โดนคือพวกที่คอยดูแลรับใช้เขาทั้งหมด จริง ๆ จะโทษพวกเขาเลยก็ไม่ได้ ใครจะไปรู้กันว่าจะเป็นลมหรือกำหนดว่าตัวเองจะมีอาการป่วยได้ตอนไหน แต่ก็นั่นแหละวิถีบ้านตระกูลหลัก โหด เหี้ยม และเต็มไปด้วยความลับ หึ...
“ท็อป” ผมเดินใกล้จะถึงรถอยู่แล้วแต่ก็มีคนเรียกชื่อผมเอาไว้เสียก่อนแม้จะเป็นเสียงที่ผมแสนจะคุ้นเคยแต่น้ำเสียงจะแตกต่างตามสถานการณ์ออกไปในทุกครั้ง ทำให้ผมไม่ต้องเดาเลยว่าแต่ละครั้งผมต้องปฎิบัติตัวยังไงเวลาอยู่ต่อหน้าเขา “ขึ้นไปคุยกับป๊าข้างบนหน่อย” ชายสูงวัยแต่ยังดูสมาร์ทท่าทางเคร่งขรึมใบหน้าฉายแววแห่งความวิตกกังวลจนปิดไม่มิด เขาพยักเพยิดหน้าให้ผมตามเขาขึ้นไปบนตึก แต่...
“…” ผมยืนนิ่งเบนสายตาทอดยาวออกไปด้วยความลำบากใจก่อนจะหันกลับมามองหน้าที่ผมชินตาเป็นอย่างดี
“แกมีไร”
“ป๊าให้ผมดูแลเขาได้มั้ย ?”
นั่นคือความลำบากใจทั้งหมดที่ขณะนี้ผมได้ร้องขอต่อคนตรงหน้านี้ออกไปเสียแล้ว ผมล้วงมือไปยังกระเป๋ากางเกงกุมกระดาษแผ่นนึงที่ผมเผลอหยิบออกมาเอาไว้แน่นด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามแทบไม่เป็นจังหวะ...
