บทที่ 6 ตอนที่ 6
เสี่ยอนันต์กดโทรศัพท์พูดคุยกับใครสักคน หมวยเดาว่าต้องเป็นหัวหน้าคนงานผู้ควบคุมงานก่อสร้าง
หญิงสาวทอดสายตามองอาคารสูงที่ดูคล้ายกับแท่ง
ซีเมต์สี่แหลี่ยมขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เห็นรถผสมปูนหลายคัน กำลังแล่นสวนออกมา สลับให้รถพ่วงสิบแปดล้อคันใหญ่ขนนั่งร้านเข้ามาข้างในแนวรั้วสังกะสีของเขตก่อสร้าง
“มาทางนี้อาหมวย… ออฟฟิสอยู่ทางโน้น”
เสี่ยอนันต์หันมาเรียกลูกสาว หล่อนรีบเดินตามบิดามายังออฟฟิศที่ว่า ซึ่งก็คือตู้คอนเทนเนอร์สีขาวขนาดใหญ่ วางต่อกันอยู่ข้างรั้ว ตีล้อมเอาไว้ด้วยสังกะสีแผ่นสีเขียว กั้นเป็นแนวยาวตลอดพื้นที่ของการก่อสร้าง
“สวัสดีครับเสี่ย”
ทันทีที่ประตูเปิดออกมา ชายหนุ่มหน้าฝรั่ง รูปร่างสูงใหญ่ เขาอยู่ในชุดทำงานก่อสร้างหรือที่บางคนเรียกว่า ‘ชุดหมีช่าง’ สีเทา พาร่างกำยำก้าวออกมาจากประตูตู้คอนเทนเนอร์ที่ถูกดัดแปลงเป็นสำนักงานชั่วคราว
‘โอ้ว… หล่อสุดๆ’
หมวยอุทานในใจ ตะลึงจ้องหน้าเคลลี่ แบบนี้กระมังที่เขาเรียกว่าหล่อวัวตายความล้ม
“คนบ้าอะไร… หล่อฉิบ… ”
หมวยยังคงพึมพำอยู่ในใจ แค่เห็นหน้าเคลลี่ก็ทำเอาหัวนมของหล่อนแข็งตั้งเป็นไต เลือดสาวสูบฉีดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่องสวาทที่มีน้ำเดินออกมาเพราะแอบดูคนเอากันมาเมื่อครู่ก่อนหน้า ตอนนี้ก็มีน้ำหล่อลื่นกระปริบออกมาอีก ยิ่งมองหน้าเคลลี่… ก็ยิ่งทำให้ใจเต้นแรงเร่า ยิ่งมองเป้าตุงๆ ของเขา… ก็ยิ่งรู้สึกร้อนผ่าววูบวาบเข้ามาตรงหว่างขา ร่องสวาทกระสันหาการสอดใส่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เออ… หวัดดี เป็นไงบ้างวะไอ้ ‘เคนน์’ ช่วงนี้งานก่อสร้างมีปัญหาติดขัดอะไรมั้ยวะ”
เสี่ยใหญ่ถาม พูดคุยกันเสียงดังตามประสาผู้ชาย หลังจากเข้ามาทรุดร่างลงนั่งบนโซฟา ตั้งอยู่ใกล้กับพาร์ทิชั่นกั้นพื้นที่เป็นห้องรับแขกเล็กๆ อยู่ลึกเข้ามาตามความยาวของตู้คอนเทนเนอร์
“ไม่มีปัญหาอะไรครับเสี่ย เหลือแค่เทปูนพื้นชั้นบนสุดครับ ตอนนี้ผมรอให้ปูนชั้นล่างเซฟตัวเท่านั้น จากนั้นจะปูกระเบื้องครับ”
คนที่ถูกเรียกว่า ‘เคนน์’ ชื่อจริงของเขาคือ ‘เคลลี่’ หนุ่มลูกครึ่งเยอรมัน-อีสาน รีบรายงานความคืบหน้าของงานก่อสร้างแมนชั่น
ที่บอกว่าเคลลี่เป็นลูกครึ่งเยอรมัน-อีสาน ก็เพราะว่าเขามีบิดาเป็นชาวเยอรมัน ส่วนมารดาเป็นคนอุดรธานี เคลลี่เกิดและโตในเมืองไทย จึงพูดภาษาไทยได้ชัดเจนอย่างที่เห็น
แววตาของเสี่ยอนันต์บ่งบอกถึงความพึงพอใจในตัวของเคลลี่อย่างเห็นได้ชัด ไม่เสียแรงที่เขามอบหมายงานโครงการใหญ่ๆ ให้หนุ่มลูกครึ่งวัยสามสิบห้าปีคนนี้ดูแล ด้วยเคลลี่สามารถรับผิดชอบงานได้อย่างดีเยี่ยม ลูกน้องทุกคนที่เคยได้ร่วมงาน ต่างก็ให้ความเคารพเขาด้วยกันทั้งนั้น
“นี่อาหมวยลูกสาวอั๊ว”
เสี่ยอนันต์หันมาแนะนำสาวสวยที่กำลังยืนมองเคลลี่ตาไม่กระพริบ
หมวยยังไม่หยุดชื่นชม เขาช่างเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาเสียนี่กระไร แม้ตอนนี้ร่างกายสูงใหญ่เกินกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรจะถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ชุดหมีช่างตัวใหญ่ หากกล้ามเนื้อหลังไหล่ที่แลดูตึงเต็มสุดสมาร์ท ก็ยืนยันว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างกำยำล่ำสันสุดๆ
“สวัสดีครับคุณหนู”
เคลลี่หันมาส่งยิ้มหวานให้หมวย ไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำให้หัวใจของสาวน้อยกระตุกวูบ รู้สึกร้อนวูบวาบราวกับมีเปลวไฟระอุร้อน ลุกโพลงอยู่ในดวงตาคมกริบของเคลลี่ที่จ้องมองมาที่หล่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เรียกหมวยก็ได้ค่ะ… ”
หมวยเอ่ยขึ้นเบาๆ ตอบยิ้มๆ ขณะสายตาของเคลลี่ยังตะลึงมองสะโพก อก เอว ของหล่อนด้วยความลืมตัว ด้วยตอนนั้นเสี่ยอนันต์กำลังนั่งเซ็นเอกสารบางส่วนที่รออนุมัติ จึงไม่เห็นว่าลูกสาวของตนกับหัวหน้าคนงาน กำลังส่งสายตามองกันไปมา
“เดี๋ยวฉันจะไปดูงานก่อสร้างสักหน่อย”
เสียงของเสี่ยอนันต์ทำให้เคลลี่สะดุ้ง รีบชักสายตาออกมาจากเรือนร่างเอิบอิ่มของหมวย
“หมวกครับนาย”
เคลลี่ยื่นหมวกนิรภัยสีเหลืองให้เสี่ยอนันต์กับหมวยคนละใบ เดินนำหน้าออกมาข้างนอกตู้คอนเทนเนอร์
หมวยรีบก้าวตามกระย่องกระแย่งเพราะรองเท้าส้นสูงเกินกว่าสี่นิ้วที่สวมอยู่ในตอนนี้ กำลังสร้างปัญหาให้หล่อน ด้วยรองเท้าส้นสูงปรี๊ดไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อให้มาเดินนวยนาดอยู่ในไซต์งานก่อสร้างซึ่งควรจะสวมรองเท้ายางหรือรองเท้าบูทมากกว่า
“อั๊วบอกแล้วว่าให้สวมรองเท้าแตะ”
เสี่ยอนันต์มองลูกสาวแล้วหัวเราะขำ นึกสงสารที่ผู้หญิงตัวเล็กบอบบางต้องมาเดินตามพ่อลุยไซต์งานก่อสร้าง ต้องทนหนวกหูกับเสียงเครื่องจักร เครื่องขุดเจาะและเสียงปั้นจั่นสูงใหญ่ที่กำลังตอกเสาเข็ม ส่งเสียงดังลั่นไปทั่วบริเวณ ตั้งแต่นาทีแรกที่มาถึง หากเสี่ยอนันต์ก็มองเห็นข้อดีของการพาลูกสาวออกมาเจอแดดลมนอกสถานที่ ก็เพื่อให้หล่อนได้เรียนรู้งาน เพราะต่อไปหมวยคือผู้สืบทอดกิจการทุกอย่างของครอบครัว
