บทที่ 6 Chapter 6
“จะกลับบ้านก็ลุก จะให้คนของฉันลงไปส่งข้างล่าง”
เพียงได้ยินว่าจะได้ออกไปจากห้องนี้ ได้หลุดพ้นจากรัศมีสายตาคม เธอแทบผวาลงจากเตียง พร้อมกับที่คนของเขาคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้อง
ชลวัสเพียงพยักหน้าให้คนของเขา ผู้ชายคนนั้นผายมือให้เธอ
พัลลภาหลบสายตา ขยับตัว ใจเต้นระทึกเมื่อนึกถึงอิสรภาพที่กำลังจะได้รับในอีกไม่กี่นาที ทว่า... ขณะกำลังจะก้าวออกจากห้อง เธอรีบหันกลับมา ยกมือไหว้อีกฝ่ายรวดเร็ว
“ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
รีบพูดจนลิ้นแทบจะพันกัน ก่อนจะก้าวเร็ว ๆ ออกจากห้อง ภายในห้องด้านนอกของคอนโดหรูไม่มีใครอีก เธอเบาใจลงมากโขเมื่อได้ออกมานอกห้อง แม้ใจจะยังเต้นตุ้มต่อมด้วยกลัวจะถูกหลอกไปทำมิดีมิร้ายอีกครั้ง
ทว่า... คนแปลกหน้ากลับไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า กดลิฟต์ลงมาส่งเธอที่ชั้นจอดรถ แล้วถอยห่างไปรวดเร็วจนเธอมองไม่ทันว่าเขาหายไปทางไหนเร็วขนาดนี้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องสนใจ
พัลลภารีบขึ้นรถและขับกลับบ้านด้วยหัวใจที่ยังเต้นครึกโครม
บ้านเลิศพงศ์พิเชษฐ์
เพียงเพื่อจะได้พบกับความชั่วช้าของดนัยวิชในสามวันต่อมา
ค่ำคืนที่เงียบสงบไม่ต่างจากวันอื่น ๆ แดนกลับโผล่มาด้วยสีหน้าบูดบึ้งดวงตาแดงก่ำขุ่นขวาง เขาเข้ามาในห้องนอนเล็ก ๆ ของเธอที่ติดกับห้องครัวของบ้านหลังใหญ่
“เพราะมึงอีพันช์! มึงทำให้กูเป็นแบบนี้!”
“มะ ไม่...”
เขาย่างสามขุมเข้าหา ดนัยวิชหายหน้าไปสามวันและเป็นสามวันที่เธอหวาดระแวง ไม่กล้าถามถึงเขาและไม่กล้าบอกใคร มีข่าวซุบซิบออกมาทางโซเชียลถึงหนุ่มหล่อลูกเศรษฐีที่เพิ่งมีข่าวฉาวเรื่องปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่กับลูกสาวเจ้าสัวไปไม่นานก็มีข่าวฉาวออกมาอีก ฉาวครั้งนี้เป็นไลฟ์เซ็กซ์กับหนุ่มล่ำหลายคน ในข่าวเห็นหน้าไม่ชัดแต่เธอนึกถึงดนัยวิชกับอาทิตย์ กลัวพวกเขาจับใจ ก่อนที่วันต่อมาข่าวพวกนั้นจะหายไป มาตอนนี้สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าลุ่ยหลุดยับเยินกับกลิ่นเหล้าฉุนชวนอ้วกทำให้เธอผวาหน้าตื่น
“เพราะมึงกูถึงไม่มีหน้าออกไปพบใคร!” เสียงกราดเกรี้ยวลั่นดังโดยไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครได้ยิน
“เพราะมึงคนเดียว”
พัลลภาจำได้ว่า ชลวัสสั่งให้ลูกน้องของเขาทำอะไรดนัยวิชกับอาทิตย์บ้าง มันเข้าใจได้ไม่ยากว่าอะไรทำให้เขาคลั่ง
“ฉันไม่ได้ทำ กะ แก แกต่างหากที่หลอกจะทำร้ายฉัน”
“หุบปาก! มึงมันตัวซวย กูจะฆ่ามึงให้ตาย!”
สิ้นคำนั้น เธอกระโจนจะหนีออกจากห้อง แต่กลับถูกคว้าแขนกระชากเต็มแรง
“กรี๊ด!!!”
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองจับหมับใต้ลำคอบีบเต็มแรง
“อึก!”
เธอน้ำตาแตก เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พยายามทุบตีแขนทั้งสองเพื่อให้เขาปล่อยมือจากลำคอ ร่างกายเริ่มขาดอากาศหายใจจนทุรนทุราย จ้องมองอสุรกายตรงหน้าตาถลน
“หึ!” ดนัยวิชกลับแสยะยิ้มเหี้ยม ท่าทางของเขาราวคนเสียสติ เขาคลายมือเล็กน้อย “ฆ่ามึงง่าย ๆ มันก็ไม่สะใจกูสิ”
พัลลภาต้องอุทานกรีดเสียงลั่นห้องเมื่อถูกเหวี่ยงจนช่วงเอวกระแทกกับขอบเตียง เธอเจ็บร้าวจนสมองชา ยังไม่ทันตั้งตัว ร่างกายก็ถูกกระชากจับกดลงบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ ศีรษะกระแทกกับพื้นดังลั่น
“อย่างมึงมันต้องตายอย่างทรมานให้สาสมกับที่มึงทำให้กูอับอาย”
“กะ อื้อ!”
เธอพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือ ดนัยวิชตะครุบคอเธอบีบแน่นด้วยมือข้างหนึ่ง อีกมือพยายามกระตุกกางเกงวอร์มของเธอลง พัลลภาจิกข่วนและทุบตีเนื้อตัวอีกฝ่ายไม่ยั้งเพราะความกลัวสุดขีด ทว่าบ้านหลังนี้ในตอนกลางคืนชั้นล่างมีแค่เธอ คนอื่นๆ มีเรือนพักคนงานด้านหลัง
“อื้อ อ่อย”
ยิ่งอีกฝ่ายหัวเราะเหมือนคนคลุ้มคลั่งทั้งพยายามดึงกางเกงเธอออกยิ่งทำให้เธอแทบบ้าตาย ดิ้นสุดฤทธิ์ แตะและถีบ
“ฤทธิ์เยอะนักอีนี่”
ดนัยวิชคำราม ประเคนหมัดใส่ท้องเธอเต็มแรง ความเจ็บร้าวแผ่ซ่านจนเธอตัวงอ เรี่ยวแรงลดฮวบฮาบ ทำให้กางเกงและกางเกงชั้นในถูกกระตุกพ้นสะโพก เขาคลายมือจากลำคออย่างย่ามใจ เธอรวบแรงฮึดสุดท้ายถีบท้องอีกฝ่ายเต็มเหนี่ยว แดนเสียหลักผงะ เธอกระเสือกกระสนหนีพร้อมดึงกางเกงขึ้น คว้าจับขอบโต๊ะเพื่อเหนี่ยวตัวลุก
“ช่วยด้วย! ช่วยหนูที!”
เธอพยายามร้อง ชั่ววินาทีเดียวอีกฝ่ายก็โผเข้าหาท่าทางกราดเกรี้ยว
“ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย!”
เพียะ!!!
“กรี๊ด!!!”
ดนัยวิชตบหน้าเธอเต็มแรง ความกลัวและเจ็บทำให้เธอกรีดร้องดังลั่น ในจังหวะที่จะล้มกระแทกพื้น มือกับปัดไปโดนจานผลไม้ร่วงกระจัดกระจาย มีดเล่มหนึ่งตกลงข้าง ๆ เธอคว้ามันเอาไว้ หลับหูหลับตายกขึ้นกันอีกฝ่ายที่พุ่งตามมา เสียงประตูห้องถูกผลักเข้ามาเต็มแรง นั่นทำให้เธอลืมตาขึ้น
สายตาปะทะกับสีหน้าบิดเบี้ยวของปีศาจร้าย ดวงตาแดงเถือกถลนจ้องหน้าเธอนิ่ง ความกลัวทำให้เธอผลักเขาออกเต็มแรง ก่อนจะพบว่ามีดเล่มนั้นปักที่ท้องของแดน เลือดสีแดงฉานซึมเปียกขยายเป็นวงกว้างรวดเร็ว
“แดน!”
เธอตัวสั่น ตะกายหนีห่างเมื่อประมุขของบ้านถลันเข้ามาจับตัวลูกชาย ตามมาด้วยเสียงอุทานของเพ็ญฉาย
“ว้าย! อีพันช์มึงทำอะไร!”
ตามมาด้วยใครต่อใครอีกหลายคน
“หนูเปล่า...หนูไม่ตั้งใจ”
“พี่พันช์กะจะฆ่าพี่แดนหรือไง!” ดุจดารินกรีดร้องกับสภาพของพี่ชาย
