บทที่ 3 พี่ชายข้างบ้าน
คนรอมองนาฬิกาข้อมือตนเอง สุดท้ายตัดสินใจเดินเข้าไปในโรงเรียน เขาไม่พบใครเลยนอกจากห้องเรียนว่างเปล่า มิลันดาหายไปไหนกันแน่ ชายหนุ่มตัดสินใจขับรถออกมาเพื่อเดินทางกลับมายังบ้าน เมื่อจอดรถเขารีบเดินไปข้างบ้านเพื่อสอบถามเรื่องเด็กสาว
“มาทำอะไรเหรอคม” ดาวเรืองถามเมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน
“น้องมิกลับมาหรือยังครับ”
“กลับมาแล้วจ้ะ เดี๋ยวไปตามให้นะ รอแป๊บเดียว”
คนอกหักนอนสะอื้นบนเตียง การกระทำของพี่คมทำให้หล่อนสับสน เหตุใดเขาต้องทำดี ทำให้หล่อนรู้สึกมีหวังขึ้นมา เสียงฝีเท้านอกห้องมิลันดารีบปาดน้ำตาออกแล้วฟุบหน้าแสร้งหลับ
ก๊อก ก๊อก
ดาวเรืองเคาะห้องบุตรสาวแล้วเปิดออก หล่อนเห็นลูกกำลังนอนอยู่ ปกติยัยมิไม่ใช่เด็กชอบนอนตอนเย็น หรือสองคนกำลังมีปัญหากันอยู่
“มิ พี่คมเขาแวะมาหา ลูกลงไปเจอพี่เขาหน่อยสิ” ดาวเรืองบอก
“แม่ช่วยไปบอกพี่เขาทีนะคะว่ามิไม่สบาย” มิลันดาปฏิเสธ แสร้งทำเสียงแหบตอบมารดา
“ไม่สบายเหรอลูก ขอแม่เข้าไปดุหน่อย” ดาวเรืองเดินเข้าห้องนั่งลงบนเตียงใช้หลังมือแตะหน้าผากลูกเพื่อวัดไข้ “ตัวไม่เห็นร้อนเลย”
“มิเวียนหัวนิดหน่อย ขอพักนะคะแม่ ไม่อยากไปเจอพี่คมตอนนี้”
อาการบุตรสาวแปลกเสียแล้ว ดูท่าข้อสันนิษฐานคงจริง สองคนต้องมีเรื่องอะไรกันมา
“งั้นก็นอนพักแล้วกันลูก แม่จะลงไปบอกพี่คมให้”
คนเป็นแม่ก้าวออกจากห้องปิดประตูลงตามเดิม ลงมาชั้นล่างคมฉณัฐนั่งรออยู่ในห้องรับแขกสีหน้าเครียดขรึม เธอยิ้มบางๆ
“คมจ๊ะ น้องไม่ค่อยสบาย พรุ่งนี้มาใหม่ก็แล้วกันนะ”
“อ่อครับ ถ้างั้นผมลากลับก่อนนะครับ” เขายกมือไหว้แล้วเดินออกจากตัวบ้าน
รุ่งเช้าวันถัดมา มิลันดาตื่นนอนก่อนคนในบ้าน หล่อนจงใจหลบหน้าเขาเพื่อตัดปัญหาทุกอย่าง ที่สำคัญถอยคำถากถางของแฟนพี่คมยังดังก้อง หล่อนไม่อยากมีปัญหาในภายหลัง สู้ตัดใจเสียตอนนี้ให้สิ้นเรื่องไปดีกว่า ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดีดูเวลาใกล้หกโมงแล้ว ร่างอวบเปิดประตูรั้วบ้านเพื่อเดินทางสู่โรงเรียนแต่กลับต้องชะงัก
“พี่คม!” เด็กสาวเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ
คมฉณัฐจ้องมองเด็กสาวสีหน้าบึ้งตึง ไม่คุยกันแถมยังพยายามหลบหน้า เขาทำอะไรให้กันถึงได้ทำเช่นนี้ มิลันดาตั้งท่าจะหนีแต่กลับถูกคว้าท่อนแขนไว้ ร่างอวบถูกรั้งให้เข้ารถแต่มิลันดากลับดื้อดึง
“พี่คมปล่อยมินะ!” เด็กสาวร้อง
“มิเราต้องคุยกันไม่อย่างนั้นพี่ไม่สบายใจ”
หล่อนไม่อาจสู้แรงพี่คมได้ สุดท้ายต้องมานั่งทนอึดอัดในรถซึ่งกำลังเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้า นี่คือสถานการณ์อันน่าลำบากใจที่สุดที่มิลันดาเคยพบพานเลยทีเดียว
“พี่คมมีอะไรจะพูดกับมิก็พูดมาเถอะค่ะ มิอยากไปโรงเรียนเอง” เด็กสาวเอ่ยปากก่อนเพราะทนไม่ไหว
“พี่อยากรู้ว่ามิโกรธอะไรพี่” เขาหันมาถามขณะขับรถอยู่
“มิไม่ได้โกรธค่ะ”
“แล้วทำไมต้องคอยหลบหน้าพี่ด้วย”
“มิไม่ได้หลบค่ะ” เด็กสาวตอบเลี่ยง
“ไม่จริง พี่ไปรับมิที่โรงเรียน แต่มิดันกลับบ้านไปก่อน พี่มาหาที่บ้านน้าดาวเรืองบอกมิไม่สบาย จากที่พี่ดูพี่ไม่เห็นมิจะเจ็บป่วยตรงไหน ตกลงมิเป็นอะไรกันแน่พี่อยากรู้” ชายหนุ่มสบตาเพื่อค้นหาความจริง
หล่อนไม่เข้าใจเหตุใดเขาถึงต้องคอยแคร์ ปัญหามันอยู่ตรงนี่ หล่อนคิดไปเองมากมายเพราะการกระทำของพี่คม คอยดูแล ใส่ใจ เป็นห่วง รับส่งไปโรงเรียน หาขนมให้ทาน แวะมาพูดคุยด้วยบ่อยๆ แล้วสุดท้ายหล่อนมารู้ทีหลังว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะพี่คมเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือดูแลคนอื่นเสมอ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบ้า
มิลันดาไม่ต้องการให้เขามาสนใจ รักษาระยะห่างกันน่าจะเป็นการดีมากกว่า พี่คมมีแฟนแล้ว หล่อนท่องคำนี้มาตลอด
“ทำไมพี่คมต้องสนใจว่ามิจะคิดอะไร จะทำอะไรด้วยล่ะคะ มิไม่เห็นความจำเป็นที่พี่คมจะต้องมายุ่งวุ่นวายกับมิเลย” มิลันดาถามกลับ เพื่อให้เขาเลิกยุ่งกับหล่อน
