บทที่ 9 เวลาผ่าน คนก็เปลี่ยน
พอได้ยินคำพูดเดิม ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังกระทบกระเทือนความรู้สึกภายใน หล่อนแอบซ่อนมันไว้มานาน ไม่อยากให้มันกระเพื่อมไหวอีกครั้ง
“ขอโทษนะคะ คุณไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าน้องมิก็ได้ มันเป็นอดีตไปแล้ว ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน” หล่อนปฏิเสธแล้วหันไปหาเพื่อน“วัตรพยุงหน่อยดิ ปวดขา”
“มาถึงก็ใช่เลยนะ ยัยป่าเถื่อนชอบวางอำนาจ!” รมรวัตรบ่น
“อยากเจอดีหรือไง ไอ้วัตร!” หญิงสาวดุ
รมย์รวัตรจึงต้องประคอง แม้จะรู้สึกขัดใจ เมื่อข้อเท้าไม่ทำตามคำสั่ง มันดันเจ็บจนต้องนิ่วหน้าทำให้เพื่อนชายต้องลำบากในการพยุง
“คงต้องอุ้มแล้วละไม่ไหวแบบนี้ตายพอดี!”
“อืม อุ้มก็อุ้มสิ”
รมย์รวัตรช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน คมฉณัฐมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกขัดใจ แต่มิลันดากลับยิ้มพรายพูดคุยกับเพื่อนชายอย่างมีความสุข
“กินไรมาเนี่ยมิหนักสุดๆ”
“อย่ามาบ่นได้ไหมวัตร”
คมฉณัฐถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกกรรมตามสนอง มิลันดาคงไม่มีวันให้อภัยแน่ๆ วันนี้คงต้องทำงานก่อน แต่เขายืนยันไม่มีวันยอมแพ้เรื่องมิลันดาแน่นอน
รมย์รวัตรอุ้มหล่อนเข้ามาในบ้าน ดาวเรืองประคองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง เพื่อนหนุ่มเลยยกมือไหว้ดาวเรือง หล่อนรับไหว้และจำได้ดีว่าหนุ่มคนนี้คือเพื่อนบุตรสาวเคยเจอกันที่อังกฤษ
“เกิดอะไรขึ้นลูก ทำไมข้อเท้าบวมแบบนี้” ดาวเรืองถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”
“ไม่ไปหาหมอเหรอลูก”
“ไม่ต้องหรอกคะแม่ หนูทำแผลเองได้อย่าลืมนะคะว่าหนูจบหมอมาค่ะ”
“จ้าๆ แม่หมอคนเก่ง ถ้าบวมมาแล้วไม่หายแม่จะหัวเราะให้”
มิลันดาจัดการทายาและพันข้อเท้าของตนเอง โดยมีรมย์รวัตรเป็นคนช่วยเหลือ
“มิแน่ใจเหรอไม่ต้องไปหาหมอ จับดูแล้วเหมือนมันจะร้าวนะ” รมย์รวัตรเตือน
“ไม่ดีกว่าวัตร แค่นี้ไม่น่าเป็นไรหรอก”
“อย่าทำเป็นเล่น เดี๋ยวมันบวมแล้วอักเสบจะรักษายากเอานะ”
“รอดูพรุ่งนี้ก่อนว่ามันเป็นไง”
รมย์รวัตรเลยถอนหายใจ เมื่อคนเจ็บไม่ยอมฟัง
“เฮ้อ... ตามใจก็แล้วกัน”
มิลันดาขึ้นห้องไปนอนพลางก้มดูอาการบาดเจ็บของตนเอง หญิงสาวรู้สึกว่ามันจะบวมขึ้นมากหล่อนคงต้องไปหาหมอจริงๆ เพราะอาการแย่กว่าที่คิด หล่อนเอนกายลงนอน พยายามลบภาพของเขาออกจากสมอง แต่ยิ่งลบกับยิ่งจดจำ เลยถอนหายใจยาวในเมื่ออยากคิดก็คงต้องปล่อยไป แต่หล่อนจะไม่มีวันให้เขาได้ล่วงรู้ความรู้สึกในตอนนี้เด็ดขาด
หล่อนตื่นเช้าตั้งใจเดินทางไปหาหมอ สายน้ำเย็นฉ่ำทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น สาวใช้เข้ามาในห้องทำความสะอาดแล้วเปิดหน้าต่างไว้ มิลันดาออกจากห้องน้ำ ค่อยๆ เขย่งเท้าตั้งใจนั่งพักบนเตียง
เป็นช่วงเวลาเดียวที่อีกคนตื่น เขารีบตรงดิ่งไปเปิดหน้าต่าง เผื่อว่าจะได้เจอ ตอนนี้รู้แล้วว่าห้องตรงข้ามใครอาศัย ชายหนุ่มยิ้มทันทีเมื่อเห็นหน้าต่างบ้านข้างๆ เปิดอยู่ ระยะห่างระหว่างกันไม่มากเท่าใด เลยเห็นภายในห้องอีกฝากชัดถนัดตาทีเดียว
คมฉณัฐยืนกอดอกมองดูด้วยแปลกใจ เห็นกำลังเขย่งเท้าอย่างยากลำบากเพื่อมานั่งบนเตียง คนตัวใหญ่มองพฤติกรรมคนข้างบ้านโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ หล่อนเขย่งเท้าแต่กลับสะดุดล้มลง ทำให้ชุดคลุมอาบน้ำหลุดลงจากหัวไหล่และแหวกออกจนเห็นเนินอกและเรียวขาขาวเนียน คนบ้างตรงข้ามอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“เจ็บชะมัด” หล่อนบ่นแล้วพยุงกายลุกยืน ไม่ได้ใส่ใจ
แต่เมื่อสายลมอ่อนพัดมากระทบผิวกาย หล่อนหันมองเห็นหน้าต่างห้องเปิด เมื่อลุกยืนดวงตาสบเข้ากับเขาพอดี ริมฝีปากมันสั่นระริก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตระหนก รีบกระชับผ้าคลุมอาบน้ำ ผิวแก้มแดงปลั่ง เขย่งอย่างเร็วแล้วดึงหน้าต่างปิดทันที
“บ้าที่สุดเลย” มิลันดาบริภาษกับตนเอง รู้สึกอับอายกับสถานการณ์เมื่อครู่
ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างน้อยก็ได้กำไรที่ได้เห็นอะไรวับๆ แวมๆ รู้สึกว่าจะผิดกับเมื่อก่อนลิบลับตอนนี้มีทรวดทรงองเอว แม้แต่สะโพกหรือหน้าอกก็มีครบทุกอย่าง แบบไม่ต้องสงสัย เขาเองก็ผ่านผู้หญิงมาไม่น้อยเหมือนกัน และรู้ดีว่ามิลันดานั้นอยู่ในระดับไหน
ร่างบางกัดฟันยิ่งคิดยิ่งขุ่นเคือง จังหวะปิดหน้าต่างยังเห็นพี่คมยืนลอยหน้าลอยตาไม่ได้คิดหลบเลี่ยงไม่มองเลยสักนิด ดูเหมือนเขาจะกวนอารมณ์หล่อนเสียเหลือเกิน ไหนบอกว่าไม่ชอบไงเล่า แล้วจะมายุ่งวุ่นวายกันทำไม น่าเกลียดที่สุดเลยให้ตายสิ
หล่อนแต่งตัวเสร็จลงมาชั้นล่าง อยากแอบมารดาออกไปเงียบๆ คุยกับแม่ว่าตัวเองเป็นหมอ แต่อาการกลับแย่กว่าที่คิด พอลงมาถึงห้องนั่งเล่นกลับเห็นพี่คมนั่งยักคิ้วหลิ่วตาให้ แล้วหันไปสนทนากับมารดาหล่อนต่อ เขามาทำอะไรกันแน่ หล่อนต้องหาทางเลี่ยง ไม่อยากสนทนาด้วย
“มิจะไปไหนล่ะลูก มานี่ก่อน”
“แม่คะ มิขอตัวนะคะวันนี้มิมีธุระ” หล่อนตอบมารดา เพราะต้องการหลีกเลี่ยงเขา
“มีธุระอะไร ข้อเท้าบวมขนาดนั้น มิจะไปทำธุระที่ไหนได้”
คนป่วยอิดออดเพราะอยากหลีกเลี่ยงวงสนทนานั้น
“มิมีธุระจริงๆ ค่ะแม่ มิขอไปก่อนนะคะ” มิลันดาพยายามตัดบท
“มิอย่าดื้อได้ไหมลูก ลูกโตแล้วนะ”
หล่อนจำต้องนั่งลงข้างมารดา เห็นเขายิ้มกว้างส่งสายตามาให้ คนสวยเบ้ปากแล้วเมินมองทางอื่น
“พ่อคมเล่าให้แม่ฟังหมดแล้วเรื่องที่มิโดนรถพ่อคมเชียวเอาน่ะ” ดาวเรืองบอกบุตรสาว “พ่อคมเลยอาสาจะพามิไปหาหมอเองจ้ะ”
คนป่วยระบายลมหายใจ ความจริงหากแม่ไม่เข้ามายุ่งเรื่องนี้คงดีไม่น้อย เพราะเขาทำให้แม่หลงเห็นดีเห็นงามด้วยตลอดเลยให้ตายสิ
“มิไม่ไปกับเขา มิจะไปเองค่ะแม่” มิลันดาสวน
