การแต่งงานตามสัญญา
มุมมองของนิโคไล
"อะไรนะคะ? คุณทำอะไรลงไป?" ผมได้ยินเสียงแม่ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ท่านจ้องหน้าพ่อเพื่อรอคำตอบ แต่พ่อกลับทำท่าไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
"ฉันซื้อหุ้นของตระกูลอเลสซานโดรมา 20 เปอร์เซ็นต์ และตัดสินใจจะร่วมงานกัน" พ่อพูดด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก ก่อนจะตักอาหารในจานเข้าปากต่อ ผมเองก็ทำแบบเดียวกัน ก้มหน้าก้มตากินไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
"แล้วจำเป็นต้องลากลูกสาวของเราไปแต่งงานตามสัญญาด้วยเหรอคะ? ลูกสาวผู้บริสุทธิ์ของเราต้องมาเจออะไรแบบนี้เหรอ?" ผมตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของแม่ นี่พ่อเพิ่งจะขายน้องสาวฝาแฝดของผมให้กับมาเฟียโหดเหี้ยมนั่นไปงั้นเหรอ?!
มิน่าล่ะ ตอนที่ผมไปชวนเธอมากินข้าวเย็นด้วยกันถึงได้ปฏิเสธ ป่านนี้เธอคงกำลังร้องไห้อยู่ในห้อง
ผมกำส้อมในมือแน่น ความอยากอาหารหายวับไปทันที พ่อเป็นคนโหดเหี้ยมมาตลอดก็จริง แต่เรื่องนี้...มันเกินกว่าที่ผมจะคาดคิด ขายน้องสาวของผม...น้องสาวฝาแฝดผู้บริสุทธิ์และจิตใจดีของผมให้กับตระกูลอเลสซานโดรเนี่ยนะ?
แม่ลุกขึ้นยืน ตบมือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง "ตอบฉันสิ ดมิทรี! คุณยกลูกสาวของเราไปเหมือนเป็นแค่สินค้าในข้อตกลงทางธุรกิจอย่างนั้นเหรอคะ?"
พ่อถอนหายใจ ในที่สุดก็ยอมเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร ดวงตาสีเข้มของพ่อยังคงเย็นชาเหมือนเคย "มันจำเป็น" พ่อพูดเรียบๆ "ตระกูลอเลสซานโดรมีอำนาจมาก และเราต้องการพวกเขาเป็นพันธมิตร ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์กับเราทุกคน"
ผมขบกรามแน่น "แล้วมันเป็นประโยชน์กับเธอยังไงครับ?" ผมเค้นเสียงถาม พยายามอย่างยิ่งที่จะคุมไม่ให้มันสั่น "พ่อกำลังจะส่งเธอไปให้สัตว์ร้าย ทายาทของอเลสซานโดรมันโหดเหี้ยม พวกเขาเรียกหมอนั่นว่า 'เดอะแฟนทอม' ก็เพราะมีเหตุผลของมัน"
พ่อเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ จ้องมองผมด้วยสายตาประเมิน "นิโคไล แกน่าจะเข้าใจดีกว่าใคร ในโลกของเรา การแต่งงานไม่ใช่เรื่องของความรัก แต่มันเป็นเรื่องของอำนาจ และการเสียสละของน้องสาวแกก็เพื่อความอยู่รอดของตระกูลเรา" พ่ออธิบาย แต่คำพูดของเขายิ่งทำให้ผมโกรธมากขึ้น
ผมรู้สึกได้ถึงชีพจรที่เต้นตุบๆ อยู่ในขมับ ผมกำส้อมแน่นขึ้นจนข้อนิ้วขาวซีด น้องสาวของผม น้องสาวที่แสนดีและบริสุทธิ์ของผมกำลังถูกใช้เป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งในเกมอำนาจอันบิดเบี้ยวของพ่อ
"มันไม่ถูกต้อง" ผมคำรามออกมา ผลักเก้าอี้ไปข้างหลังแล้วลุกขึ้นยืน "พ่อกำลังโยนเธอไปอยู่ในมือของผู้ชายที่มือเปื้อนเลือด พ่อเคยสนใจบ้างไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ?"
สีหน้าของพ่อยังคงเรียบเฉย "เขาจะดูแลเธออย่างดี" พ่อพูดเสียงราบเรียบราวกับว่านั่นเป็นคำพูดที่ควรจะทำให้ผมสบายใจ "อเลสซานโดรไม่ทำร้ายของที่เป็นของเขาหรอก"
เป็นของเขางั้นเหรอ? ผมรู้สึกคลื่นไส้ด้วยความรังเกียจ น้องสาวของผมไม่ใช่สิ่งของที่จะถูกส่งต่อให้ใครเหมือนข้อตกลงทางธุรกิจนะ
ดวงตาของแม่คลอไปด้วยน้ำตาที่ยังไม่ไหลริน "แกไม่เข้มแข็งพอสำหรับเรื่องนี้นะคะ" ท่านกระซิบ "คุณก็รู้ดี ดมิทรี"
ในที่สุดพ่อก็วางช้อนส้อมลง สายตาของเขาคมกริบ "ถ้างั้นแกก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้มแข็ง เหมือนกับที่พวกเราทุกคนเคยต้องทำ"
ผมทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมเดินกระทืบเท้าออกจากห้องอาหารโดยไม่พูดอะไรอีก กำหมัดแน่นอยู่ข้างลำตัว ผมต้องไปหาเธอ ผมต้องหาทางหยุดเรื่องบ้าๆ นี่ให้ได้
ขณะที่เดินเข้าไปใกล้ห้องของน้องสาว ผมก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้แผ่วๆ เล็ดลอดออกมาจากประตู หัวใจของผมบิดเกรี้ยวอย่างเจ็บปวด ผมเคาะประตูครั้งหนึ่งก่อนจะผลักเข้าไป
เธอนอนขดตัวอยู่บนเตียง ซบหน้าลงกับแขน พอเธอเงยหน้าขึ้นมามองผม ดวงตาของเธอก็บวมเป่งและแดงก่ำ "นิโค..." เธอเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
ผมนั่งลงข้างๆ เธอ แล้วโอบแขนรอบร่างที่สั่นเทาของเธอ "พี่จะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น" ผมให้สัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "พี่จะหาทางหยุดมันให้ได้ ซาบรีนา"
เธอส่ายหน้า “มันเรียบร้อยไปแล้ว สัญญาถูกเซ็นไปแล้ว”
“งานแต่งจะจัดขึ้นพรุ่งนี้” เธอยิ่งร้องไห้หนักขึ้นจนพูดไม่ออก ขณะที่ความโกรธแค้นแผดเผาในใจผมราวกับไฟป่า พ่อของเราต้องทำเรื่องนี้โดยไม่บอกเราแน่ๆ
ผมกอดเธอแน่นขึ้นขณะที่เธอสะอื้นอยู่กับอกผม ขากรรไกรของผมขบแน่นด้วยความมุ่งมั่น ไม่ ผมไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
“พี่จะหาทางเอง” ผมปฏิญาณพลางปัดผมที่ปรกหน้าเธอออกขณะที่ร่างของเธอสั่นเทา “ต่อให้ต้องเผาตระกูลอเลสซานโดรให้ราบเป็นหน้ากลองก็ตาม”
เธอผละออกเล็กน้อย ดวงตาแดงก่ำของเธอจ้องมองเข้ามาในตาผม “พี่ทำไม่ได้หรอก นิโก้ พี่ก็รู้” เธอกระซิบ “พวกเขามีอำนาจมากเกินไป ถ้าพี่พยายามจะหยุดเรื่องนี้ พวกเขาจะมาจัดการพี่... จัดการพวกเราทุกคน”
ผมรู้แต่ผมไม่สน ผมใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ภายใต้คำสั่งของพ่อ เชื่อฟังคำสั่งของท่านเหมือนทหารผู้ภักดี แต่เรื่องนี้เหรอ? ขายน้องสาวตัวเองเหมือนสิ่งของ? นั่นคือเส้นที่ผมจะไม่มีวันข้าม
“รออยู่ที่นี่นะ” ผมพูดพลางลุกขึ้นยืน “พี่จะไปจัดการเรื่องนี้เอง” ก่อนที่ผมจะได้ออกไป เธอก็คว้ามือผมไว้
“ฉันมีเรื่องจะขอร้อง นิโก้” เธอพูดขึ้น ผมจึงหันไปตั้งใจฟัง
“ฉันรู้ว่างานแต่งคือพรุ่งนี้ แต่อย่างน้อยช่วยฉันสักอย่าง พาฉันไปคลับที ฉันอยากจะดื่มให้ลืมทุกสิ่ง”
ผมขบฟันกรอดกับคำขอของเธอ จะไปเมาเละในคืนก่อนวันแต่งงานที่ถูกบังคับเนี่ยนะ? มันบ้าบิ่นสิ้นดี แต่เมื่อมองใบหน้าที่เปรอะเปื้อนคราบน้ำตาของเธอแล้ว ผมก็ปฏิเสธไม่ลง
“ก็ได้” ผมถอนหายใจ “แต่พี่จะอยู่กับเธอตลอดเวลา”
ซาบรีน่าพยักหน้ารับเบาๆ อย่างแหลกสลาย “แค่คืนนี้เท่านั้น นิโก้ ให้ฉันได้ลืมที”
ผมพาเธอออกจากบ้าน ก้มหน้าต่ำขณะที่เราเดินผ่านห้องทำงานของพ่อแม่ ถ้าพวกเขาเห็นเราออกไป ผมรู้ว่าพวกเขาต้องพยายามหยุดเรา หรือที่แย่กว่านั้น คือขังเธอไว้จนถึงพรุ่งนี้
ตลอดทางที่ขับรถไปคลับมีเพียงความเงียบงัน ความตึงเครียดระหว่างเรานั้นหนักอึ้ง เธอเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง จมอยู่ในความคิด ขณะที่ผมกำพวงมาลัยแน่นขึ้น ผมต้องหาทางหยุดงานแต่งนี้ให้ได้ แต่จะต่อกรกับตระกูลที่ทรงอิทธิพลอย่างอเลสซานโดรโดยไม่ชักนำหายนะมาสู่ตัวเองได้อย่างไร?
เราขับมาจอดที่ ‘ดิ อินเฟอร์โน’ หนึ่งในคลับที่เอ็กซ์คลูซีฟที่สุดในเมือง แสงไฟนีออนสาดส่องกระทบใบหน้าซีดขาวของซาบรีน่าขณะที่ผมจอดรถ
“แน่ใจนะ?” ผมถามเป็นครั้งสุดท้าย
เธอพ่นลมหายใจออกมาอย่างสั่นเทา “แน่ใจ”
ผมถอนหายใจแล้วลงจากรถไปเปิดประตูให้เธอ ทันทีที่เราก้าวเข้าไปข้างใน เสียงเบสที่ดังกระหึ่มและแสงไฟที่สาดส่องก็กลืนกินเราทั้งคู่ ที่นั่นแน่นขนัดไปด้วยผู้คน—ร่างกายขยับไหวไปตามจังหวะหนักๆ อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเหล้าและควันบุหรี่
ซาบรีน่าไม่รอช้า เธอเบียดกลุ่มคนแล้วตรงไปยังบาร์
“วอดก้า เพียวๆ” เธอบอกบาร์เทนเดอร์
ผมยืนกอดอกอยู่ข้างๆ เธอมองดูอย่างระแวดระวังขณะที่เธอกระดกช็อตแรกเข้าไป แล้วก็ตามด้วยช็อตที่สอง และช็อตที่สาม
“ซาบรีน่า ช้าๆ หน่อย” ผมเตือนพลางวางมือลงบนข้อมือของเธอ
เธอหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่กลวงโบ๋ “ไม่ใช่คืนนี้หรอกน่า พี่ชายฝาแฝด”
ขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะบังคับให้เธอหยุดดีไหม บางสิ่ง—หรือควรจะพูดว่าใครบางคน—ทำให้ผมขนลุกซู่ไปทั้งแผงหลัง สัมผัสได้ถึงตัวตนบางอย่าง... สัตว์ร้ายที่อยู่ในห้องนี้
ผมหันไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร เสียงปืนที่ดังลั่นแหลมคมก็แทรกผ่านเสียงเบสหนักๆ ของคลับ ทำให้ทุกสิ่งหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนที่ความโกลาหลจะปะทุขึ้น
เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่ว ผู้คนหมอบต่ำ วิ่งหนี ผลักกันไปมาด้วยความตื่นตระหนก สัญชาตญาณของผมทำงานทันที ผมวิ่งตรงไปหาซาบรีน่าแต่ก็สายเกินไป
เธอล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว เลือดไหลอาบจนใกล้จะสิ้นใจ











































































































































































