น้องสาวตายแล้ว
“ไม่!” เสียงของฉันแผดลั่นออกมาจากลำคอขณะที่ทรุดตัวลงคุกเข่าข้างเธอ
เลือดไหลนองอยู่ใต้ร่างของเธอ ย้อมพื้นคลับจนเป็นสีแดงฉาน ลมหายใจของเธอหอบกระเส่า ร่างกายสั่นเทาขณะที่เธอกุมท้องตรงจุดที่กระสุนฝังเข้าไป
“ซาบริน่า อยู่กับฉันก่อน” ฉันพูดเสียงเครือ พลางใช้มือกดลงบนบาดแผล “เธอจะไม่เป็นอะไร แค่ทนอีกหน่อยนะ”
นิ้วของเธอเกาะข้อมือฉันอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีฟ้าที่เคยสดใสของเธอเริ่มหม่นแสงลงด้วยความเจ็บปวด “นิโค…” เธอพึมพำ เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปาก
ฉันกวาดตามองไปรอบๆ เพื่อหาคนยิง แต่ความโกลาหลทำให้มันเป็นไปไม่ได้ ผู้คนยังคงกรีดร้อง วิ่งหนีไปยังทางออก และฉันก็มองไม่เห็นเขา
“ช่วยด้วย!” ฉันคำรามลั่น มองไปรอบๆ แต่ไม่มีใครเข้ามา
มือของฉันชุ่มโชกไปด้วยเลือดของเธอ
หัวใจของฉันเต้นรัวอยู่ในอกราวกับกลองรบ ฉันจะเสียเธอไปไม่ได้ ไม่ใช่แบบนี้
ฉันกดลงบนบาดแผลแรงขึ้น พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะห้ามเลือด แต่เลือดก็ยังคงไหลซึมผ่านนิ้วของฉันออกมา ลมหายใจของซาบริน่าสั้นและขาดห้วง
แรงที่เธอบีบข้อมือฉันอ่อนลง
“ไม่ ไม่ ไม่นะ” ฉันพึมพำ ส่ายหน้าไปมา “อยู่กับฉันก่อนนะ ได้ไหม? มองมาที่ฉันนี่!”
ริมฝีปากของซาบริน่าสั่นระริกขณะที่พยายามจะพูด แต่มีเพียงเสียงแหบแห้งที่ฟังไม่เป็นคำเล็ดลอดออกมา ร่างของเธอเกร็งกระตุกเล็กน้อยเมื่อเลือดไหลทะลักออกมาจากร่างกายมากขึ้น เธอกำลังจะสิ้นใจ
เธอกำลังจะตาย
“ช่วยด้วย” ฉันกรีดร้องพร้อมกับช้อนร่างซาบริน่าขึ้นมาในอ้อมแขน แต่โชคร้ายที่ไม่มีใครเข้ามาช่วยเลย ฉันจึงรีบวิ่งไปยังโรงพยาบาลทันที
ทันทีที่ไปถึงโรงพยาบาล เหล่าพยาบาลและแพทย์ก็เริ่มหน้าที่ของพวกเขาทันที ฉันยืนตัวแข็งทื่อตลอดเวลาที่แพทย์และพยาบาลกำลังวุ่นวายอยู่รอบตัวซาบริน่า ตะโกนสั่งงานกันขวักไขว่ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ฉันก็เห็นมันแล้ว...ชีวิตที่กำลังจางหายไปจากดวงตาของเธอ
เธอเสียเลือดไปมาก มันชุ่มโชกไปทั้งเสื้อและกางเกงของฉัน
เสียงแหลมบาดหูดังขึ้นในห้อง จากนั้นแพทย์ก็เดินออกมา แพทย์คนหนึ่งก้าวมาข้างหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้วครับ ผมเสียใจด้วย”
ถ้อยคำนั้นพุ่งเข้าใส่ฉันราวกับถูกรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชน
“ไม่” ฉันกระซิบ ส่ายหน้า “ตรวจดูอีกทีสิ”
สีหน้าของแพทย์ยังคงเรียบเฉย เป็นมืออาชีพ “ผมเสียใจครับ คุณนิโคไล เราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้วจริงๆ” ฉันเซถอยหลัง ภาพตรงหน้าพลันตีบแคบลง มือของฉันที่ยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอสั่นระริกอยู่ข้างลำตัว
ซาบริน่าจากไปแล้ว
น้องสาวฝาแฝดของฉัน น้องสาวที่สดใส จิตใจดี และไร้เดียงสาของฉัน ความรู้สึกว่างเปล่าที่เย็นเยียบแผ่ซ่านไปทั่วอก เข้ามาแทนที่ความโกรธ ความสิ้นหวัง และทุกสิ่งทุกอย่าง
เธออ้อนวอนขออิสระในคืนสุดท้ายคืนเดียว และฉันก็ให้มันกับเธอ
และตอนนี้เธอก็ตายแล้ว
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่ายังคงพึมพำเรียกชื่อเธออยู่จนกระทั่งมีมือแข็งแรงคู่หนึ่งจับไหล่ฉันไว้ พยาบาลคนหนึ่งกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่ถ้อยคำของพวกเขาอู้อี้และห่างไกล
โลกรอบตัวฉันพร่าเลือน
สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกได้คือความสูญเสียที่หนักอึ้งและเย็นเยียบจนหายใจไม่ออก
“พาผมไปหาเธอ ผมอยากเจอเธอ” ฉันแทบจะจำเสียงของตัวเองไม่ได้
พยาบาลลังเล สบตากับแพทย์ แต่ฉันไม่สนใจ
“พาผมไปหาเธอ” ฉันสั่งอีกครั้ง น้ำเสียงของผมแหบพร่าและแหลกสลาย
ในที่สุด แพทย์ก็พยักหน้า “ตามผมมา”
ขาของผมหนักอึ้งราวกับตะกั่วขณะก้าวไปข้างหน้า ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น พวกเขานำผมเดินไปตามทางเดินสีขาวปลอดเชื้อ ผ่านประตูหลายบานที่ไม่ได้มีความหมายอะไรกับผมเลย โลกทั้งใบของผมหดเล็กลงเหลือเพียงสิ่งเดียว—ร่างของน้องสาวที่นอนนิ่งไร้ชีวิตอยู่ในห้องนั้น
เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน ผมแทบล้มทั้งยืน
ซาบรีน่านอนอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างของเธอซีดเผือดราวกับผ้าปูที่นอน ผมสีทองของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนจับกันเป็นก้อน ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยราวกับกำลังจะเอ่ยคำพูดบางอย่าง ผมเคยเห็นเธอหลับมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้…นี่ไม่ใช่การนอนหลับ
นี่คือความตาย
ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ลำคอตีบตัน และบังคับตัวเองให้ก้าวต่อไป มือของผมสั่นเทาขณะเอื้อมไปหาเธอ ปัดปอยผมออกจากใบหน้า
เธอยังตัวอุ่นอยู่เลย
ราวกับว่าเธอจะตื่นขึ้นมาได้ทุกวินาที
แต่เธอจะไม่มีวันตื่น
ความเจ็บปวดแสบร้อนแล่นปราดเข้ามาในอก และทันใดนั้นผมก็หายใจไม่ออก เข่าของผมอ่อนพับลง ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง นิ้วมือค่อยๆ กุมมือที่อ่อนปวกเปียกของเธอไว้
"พี่น่าจะปกป้องเราได้ดีกว่านี้" ผมกระซิบ
แล้วผมจะไปบอกพ่อกับแม่ว่ายังไงกันวะ!
แล้ว...แล้วสัญญาแต่งงานล่ะ?!
ความคิดนั้นเฉือนผ่านม่านหมอกแห่งความโศกเศร้าเข้ามาเหมือนคมมีด
ซาบรีน่าถูกบังคับให้ทำตามข้อตกลงนี้ เป็นเพียงเบี้ยในเกมของพ่อ และตอนนี้เธอก็ตายก่อนที่งานแต่งงานจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
พวกอเลสซานโดรส์จะทำยังไงต่อไป
"คุณนิโคไลครับ ช่วยโทรแจ้งญาติคนอื่นๆ ด้วยนะครับ เดี๋ยวทางเราจะจัดการเรื่องขั้นตอนสุดท้ายให้เรียบร้อย"
ผมแทบไม่ได้ยินคำพูดของหมอ เพราะเสียงอื้ออึงในหัวมันดังเกินไป ผมจะบอกพวกเขาได้ยังไงว่าน้องสาวตายในอ้อมแขนของผม จมกองเลือดของตัวเองโดยที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลย
"ผมจะโทรเองครับ" ในที่สุดผมก็พูดออกไป เสียงแหบพร่า คำพูดเหล่านั้นช่างว่างเปล่าเมื่อหลุดออกจากปาก แต่ผมไม่มีทางเลือกอื่น ผมต้องโทรหาแม่เป็นคนแรก
ผมยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง หัวใจเต้นระรัว ขณะที่ตระหนักได้ว่าผมกำลังจะต้องโทรศัพท์ครั้งที่ยากที่สุดในชีวิต จะไม่มีเสียงหัวเราะอีกต่อไป ไม่มีอีกแล้วช่วงเวลาที่ซาบรีน่าจะแอบย่องเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มกวนๆ เพื่อเรียกร้องความสนใจ เธอจากไปแล้ว...ตลอดกาล
ผมหันหลัง พยายามควบคุมลมหายใจให้คงที่ แล้วเดินไปยังโทรศัพท์เครื่องเล็กๆ ที่ติดอยู่บนผนัง มือของผมสั่นเทาตอนที่ยกหูโทรศัพท์ขึ้น ความเย็นเฉียบของพลาสติกดูจะเข้ากันได้ดีกับความว่างเปล่าที่เข้าครอบงำในอก
"นิโคไล เป็นยังไงบ้าง ซาบรีน่าโอเคไหม พวกแกสองคนอยู่ที่ไหนกัน นี่มันดึกแล้วนะ" ทันทีที่ผมเอ่ยปากว่านี่ผมเอง พ่อก็รัวคำถามใส่
ผมกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก แต่ยังหาคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้ ผมจะบอกท่านได้อย่างไร จะบอกความจริงกับท่านได้อย่างไร
"พ่อครับ" ในที่สุดผมก็เค้นเสียงออกมาได้ มันสั่นเครือไปด้วยความโศกเศร้า "ซาบรีน่า...เธอ...เธอไปแล้วครับ"
ปลายสายเงียบไป เป็นความเงียบที่อัดแน่นไปด้วยน้ำหนักอันเกินจะทานทน พ่อของผม ชายผู้ควบคุมทุกอย่างอยู่เสมอ คนที่ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น กลับนิ่งเงียบไป
"แกหมายความว่ายังไง" ท่านถามหลังจากเงียบไปนาน เสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผมพูด
ผมหลับตาลง พยายามสะกดกั้นน้ำตาที่กำลังจะทะลักออกมา "เธอเสียแล้วครับพ่อ เธอถูกยิง ผมช่วยเธอไว้ไม่ได้"
ปลายสายเงียบไปอีกครู่หนึ่งก่อนที่ท่านจะพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบ "พ่อจะรีบไป"
ผมวางสายก่อนที่จะทันได้พูดอะไรออกไป











































































































































































