บทที่ 6 6

“เกลียดผัวตัวเองมากนักหรือไง แล้วแหกตาดูด้วยว่านี่ห้องใคร” คำว่าเกลียดคำแล้วคำเล่าทำให้เขาหลุดการควบคุมพูดกับเธออย่างหยาบคาย

จิรัชยาหยุดการกระทำ ดวงตางามฉ่ำน้ำยามที่มองเขาฉายแววตัดพ้อและรวดร้าว เธอยันตัวขึ้นมาอย่างทุลักทุเลเพราะการขยับกายแต่ละทีทำให้เธอเจ็บปวดไปหมดโดยเฉพาะในส่วนที่ถูกเขากระทำแต่เธอเมินมันเสีย คว้าผ้าห่มมาพันรอบกายแล้วทำท่าจะลุกออกจากเตียง เธอไม่อยากอยู่ร่วมกับคนใจร้ายแม้สักวินาทีเดียว

“โอ๊ย!” ร่างบางถูกฉุดลงมาอย่างแรงจนเซล้มลงไปปะทะอกแกร่ง

“ปล่อยฉันนะ” เธอพยายามขืนตัวออกแต่ถูกเขารัดไว้แน่น

“นอนเดี๋ยวนี้”

“ฉันจะกลับห้องฉัน”

“ฉันสั่งให้เธอนอนที่นี่ เดี๋ยวนี้”

“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากแม้แต่จะหายใจร่วมกับคนใจร้ายอย่างคุณ”

“พูดอย่างนี้อยากโดนอีกรอบใช่มั้ย ไม่อยากหายใจร่วมกับฉัน แล้วไอ้ที่ อยู่ในตัวเธอตอนนี้มันคืออะไร” ชายหนุ่มจับขาเรียวแยกออก ใช้นิ้วปาดเอาสิ่งที่เขาฝากฝังที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากกายสาวขึ้นมาแล้วไปจ่อตรงหน้าเธอ การกระทำอันหยาบโลนทำให้จิรัชยาเบือนหน้าหนี แต่เขากลับยัดนิ้วมือนิ้วนั้นเข้าไปในปากเธอ

“เป็นไง รสชาติของคนที่เธอรังเกียจนักหนา”

เขาชักนิ้วออกแล้วรวบร่างบางให้มานอนเคียงข้าง จิรัชยาที่ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์นั้นสุดจะทน เธอขืนตัวอย่างสุดฤทธิ์ พยายามที่จะพาตัวเองออกไปจากตรงนี้แต่ก็ทำไม่ได้ แขนแกร่งรัดร่างเธอแน่นจนร้าวระบม

“ยอมรับเสียเถอะว่าฉันเป็นผัวเธอ หรือต้องให้ฉันย้ำอีกสักหลาย ๆ รอบ” เขาอยากจะย้ำอีกหลาย ๆ รอบใจแทบขาด แต่นับว่าเขายังปราณีเด็กน้อยนัก เห็นแก่ว่านี่เป็นครั้งแรกหรอก จะยอมให้หยุดพักก่อนแล้วกัน

เช้ามืดจิรัชยารู้สึกตัวตื่น เธอค่อย ๆ ลุกจากที่นอนอย่างเบาที่สุดด้วยเกรงว่าคนใจร้ายจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน การขยับร่างกายแต่ละทีทำให้เธอทรมานจนแทบขาดใจ แต่ก็ต้องฝืนหอบร่างกายอันบอบช้ำกลับห้องของตัวเอง จนถึงตอนนี้ของเหลวสีแดงยังคงไหลซึมออกจากจุดนั้นของเธอไม่หยุด เจ็บจนน้ำตาเล็ด แต่เจ็บตัวไม่สู้เจ็บใจ เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรงปล่อยให้น้ำตาไหลลงทันที เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถูกเขาย่ำยีทั้งกายใจ

ช่วงสายเทวาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเป่าเป็นพิเศษ ในที่สุดก็ได้กินเนื้อสาวสมใจหลังจากที่ได้แต่เฝ้ามองมานาน และก็ไม่ผิดหวัง จิรัชยาทั้งหอมและหวานฉ่ำไปทั้งตัว กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ เจ้าหล่อนทำให้เขาอิ่มเอมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับผู้หญิงคนไหน ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม เสียวเกินเสียว สุขเกินสุข เมื่อนึกได้มือใหญ่จึงกวาดไปข้างตัวแต่กลับต้องพบเพียงความว่างเปล่า ร่างเล็กที่นอนสะอื้นจนหลับลงไปในอ้อมแขนของตนหายไปแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งทันที

“อวดดีนัก” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย

กายสูงใหญ่เปลือยเปล่าลุกออกมาจากเตียง ผ้าห่มของเขาหายไป ยายเด็กบ้านั้นคงจะเอาไปสินะ พอสายตาคมกวาดมองไปที่เตียงก็ต้องสะดุดตากับจุดสีแดงเป็นวงใหญ่บนผ้าปูที่นอน มันมีทั้งรอยที่แห้งกรังไปแล้วและรอยสดใหม่ แสดงให้เห็นเป็นหลักฐานถึงบทรักอันร้อนแรงและป่าเถื่อนแค่ไหนในค่ำคืนที่ผ่านมา เขายังจำได้ดีเพราะความอวดดีของเจ้าหล่อนทำให้เขาระบายโทสะทั้งหมดลงไปที่เธอ ดังนั้นสิ่งที่เธอเจอจะหนักกว่ายามที่เขามีเซ็กซ์ปกติถึงสองเท่า ขนาดในยามปกติพวกผู้หญิงเจนจัดที่มีอะไรกับเขายังต้องร้องขอชีวิต แต่นี่เจ้าหล่อน... หลักฐานก็เห็นอยู่เต็มตา จิรัชยายังบริสุทธิ์ผุดผ่องและเพิ่งถูกเขาบดขยี้ทำลายไปเมื่อคืนนี้เอง ไม่แปลกที่เลือดจะออกมากขนาดนี้ โดนขนาดนั้นไม่ฉีกขาดก็บ้าแล้ว ทว่านอกจากร่องรอยบนเตียงยังมีจุดสีแดงหยดเล็ก ๆ อยู่บนพื้น เป็นทางประปรายไปจนถึงประตูห้อง

“บ้าฉิบ” ชายหนุ่มต้องสบถอย่างหัวเสียออกมาอีกรอบ

หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วเขาก็ตรงไปยังห้องของจิรัชยาที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของบ้าน และใช่ ตามทางเดินมีรอยหยดเลือดอยู่ประปรายเป็นทางไปจนถึงห้องของเธอ เขาลองเปิดประตูปรากฏว่ามันล็อก

“คิดไว้แล้วไม่มีผิด”

ชายหนุ่มเตรียมกุญแจสำรองมาด้วย เขาไขมันออกแล้วเปิดมันเข้าไป ยังดีที่เจ้าหล่อนไม่ได้ล็อกกลอนด้านในอีกชั้น

ที่เตียงร่างเล็กกำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติ เขาเดินเข้าไปยืนด้านข้างทอดสายตาลงไปมองยังร่างที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาของตนเอง ส่วนผ้าห่มที่เธอฉวยมาจากห้องเขานั้นตกอยู่บนพื้นด้านข้าง ภายในดวงตาคมปลาบมิอาจคาดเดาได้ว่าเจ้าของกำลังคิดอะไรอยู่

ชายหนุ่มยืนอยู่อย่างนั้นสักพักแล้วจึงจะเดินออกจากห้องไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป