6

ผมเดินไปตามโถงทางเดินมุ่งหน้าสู่ห้องทำงานที่มีประตูไม้สองบาน ผมซุกมือไว้ในกระเป๋ากางเกง มองดูผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกจากห้องมาพร้อมกับชายร่างกำยำสูงใหญ่ เมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวก็จ้องมองกลับมาที่ผม นัยน์ตาสีดำของเธอหรี่ลง

คุเร็นเป็นหญิงร่างเล็กและบอบบาง แต่เธอกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม เธอคือแม่ของชินและเคนจิ

“ริวจิ” เธอทักทายผมอย่างเย็นชาโดยไม่หยุดเดิน

ผมไม่ได้เคาะประตูก่อนจะเข้าไปในห้องทำงาน และสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือกลิ่นกำยานจางๆ ความสนใจของผมถูกดึงดูดไปยังชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หนังใกล้กับผนังกระจก ผมเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เรียกความสนใจจากสุนัขที่นอนขดตัวอยู่มุมห้องได้เป็นอย่างดี

พ่อของผมหันมามอง นัยน์ตาสีน้ำตาลของท่านสำรวจผมอย่างเงียบงัน และผมสีขาวของท่านก็เหมือนกับของผมไม่มีผิดเพี้ยน...มรดกที่สืบทอดกันมาในตระกูลฮาตากิ เผ่าเฮบิผู้ยิ่งใหญ่

“เจ้าดูสบายดีนี่” ท่านเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ “เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา ควรจะมาหาพ่อทันทีที่มาถึงสิ” ท่านย้ำเตือนขณะเอนหลังพิงเก้าอี้หนังอย่างผ่อนคลาย ทำให้ผมสังเกตเห็นชุดสูทสีเข้มและเสื้อกั๊กสีเงินของท่าน ท่านยังติดเข็มกลัดรูปงูไว้ที่ปกเสื้อด้วย

“พ่อไม่เคยไปเยี่ยมผมที่โรงเรียนดัดสันดานเลยสักครั้ง ผมนึกว่าพ่อไม่ได้รีบร้อนอยากจะเจอผมเสียอีก” ผมสวนกลับไปพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ยังโกรธอยู่อีกรึ” ท่านกล่าวหาด้วยรอยยิ้มเรียบเฉย “โรงเรียนดัดสันดานคือการลงโทษ และถือว่าเบามากเมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำลงไปนะ ริวจิ” ท่านประกาศิต ทำเอาความรู้สึกเย็นเยียบแล่นวาบไปทั่วสันหลัง

ผมเม้มปากแน่น ปฏิเสธที่จะนึกถึงเหตุการณ์นั้น ปฏิเสธที่จะนึกถึงเลือดและเสียงกรีดร้องทั้งหมดนั่น

“เอาล่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เราไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก” ท่านพูดพลางไขว่ห้างยาวๆ “เจ้ากลับมาบ้านแล้ว นั่นต่างหากที่สำคัญ” ท่านกล่าวปลอบด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

ผมเดินสำรวจไปทั่วห้องทำงานของท่านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มสบาย สุนัขของท่านเดินตามผมมาเพื่อเคล้าเคลียคลอเคลีย พ่อของผมเดินเข้ามาด้วยฝีเท้าเงียบกริบ และผมก็ไม่ได้ขยับหนีเมื่อท่านนั่งลงข้างๆ ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่คุ้นเคย

“ในเมื่อเจ้ากลับมาบ้านแล้ว ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของเจ้าให้เร็วที่สุด” ท่านอธิบายพร้อมกับหยิบแท็บเล็ตเครื่องหนึ่งขึ้นมา “เนื่องจากเจ้าหายไปนาน เจ้าจะอยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษ”

ท่านยื่นอุปกรณ์นั่นให้ผม และผมก็ได้อ่านรายการหน้าที่รับผิดชอบยาวเหยียดสำหรับสัปดาห์ที่จะถึงนี้

“พวกเด็กๆ เคว้เขวไปเลยตอนที่ไม่มีเจ้า กว่าจะดึงพวกนั้นกลับเข้าที่เข้าทางได้ก็เล่นเอาเหนื่อย” ท่านให้ความเห็นพลางวางแขนพาดบนพนักโซฟาด้านหลังผม “พวกนั้นทั้งดื้อรั้นและหุนหันพลันแล่น และต้องการผู้นำคอยควบคุม”

ผมวางแท็บเล็ตลงข้างตัว นึกถึงเด็กสาวผมดำนัยน์ตาเรียวคมที่ผมเห็นก่อนหน้านี้

“นั่นคือเหตุผลที่พ่อเรียกเธอมาสินะ” ผมถามโดยไม่มองหน้าท่าน

“นางมาหาพ่อเอง” ท่านแก้ให้เบาๆ “เจ้าเจอนางแล้วรึยัง” ท่านถามพลางแตะลงบนเส้นผมของผม

“ยังครับ แต่ผมเห็นเธอที่ลานบ้าน” ผมตอบ พยายามฝืนตัวเองไม่ให้สนใจสัมผัสของท่าน “เธอมาทำอะไรที่นี่” ผมถามขณะถูกสายตาของท่านจับจ้อง

“แม่ของนางเสียชีวิตในอุบัติเหตุ และนางต้องการที่พักพิง” ท่านตอบโดยไม่ละสายตาไปจากผม “อาร์ทิมิสเป็นเด็กฉลาด นางเรียนรู้ธรรมเนียมและกฎของเรา รู้วิธีป้องกันตัว และกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในการฝึก” ท่านอธิบายพลางชักมือกลับก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าผม “อาร์ทิมิสรับผิดชอบหน้าที่ทั้งหมดของเจ้าไปแล้ว และรู้อะไรไหม นางทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว”

“แต่เธอไม่ใช่คนของฮาตากิ” ผมสวนกลับอย่างฉุนเฉียว

“อาร์ทิมิสมีสายเลือดของพ่อ นางอาจไม่ได้รับสืบทอดมรดกของเรา แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อของนาง และเจ้า...พี่ชายต่างมารดาของนาง เจ้าควรปฏิบัติต่อนางอย่างเท่าเทียม” ท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำและเฉียบขาด

“ปฏิบัติต่อนางอย่างเท่าเทียมรึครับ” ผมพึมพำ บังคับตัวเองให้ยิ้มออกมา “เธอต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อน ท่านว่าอย่างนั้นไหมครับ” ผมท้าทาย สบตาท่านนิ่ง รับแรงกดดันจากแววตาคู่นั้น

"นี่ไม่ใช่การแข่งขันนะ ริวจิ" ท่านชี้แจงขณะซ่อนมือไว้ในกระเป๋า

"ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำเหมือนว่านางจะมาแทนที่ข้าได้" ข้าประกาศกร้าว ก้าวไปขวางหน้าท่าน

"บางทีถ้าเจ้าเริ่มทำตัวให้สมกับเป็นฮาตากิอีกครั้ง ให้สมกับเป็นผู้นำที่ถูกเลี้ยงดูมา ข้าอาจจะไม่พิจารณาคนอื่นมาเป็นทายาท" ท่านเอ่ย เอียงคอโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน

ข้าขบกรามแน่น บังคับร่างกายให้นิ่ง แต่ความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในแววตาอันว่างเปล่าของท่านนั้นน่าหวาดหวั่น

"เจ้าแหกกฎข้อแรกและข้อที่เลวร้ายที่สุด เจ้าหลั่งเลือดของครอบครัวตัวเอง เจ้ารู้ไหมว่ามันน่าอัปยศแค่ไหน" ท่านถาม ทำให้ข้าต้องถอยหลังและหลบสายตา

ข้าเดินไปยังประตู รู้สึกได้ถึงเสียงหัวใจที่เต้นรัวในหู ภาพของเลือดนั้นหวนกลับมาแผดเผาในความคิด ทำให้ข้ากระสับกระส่ายและหวาดวิตก

"ข้ายังพูดไม่จบ!"

ข้าหยุดกึก มือคว้าลูกบิดประตูไว้แน่น

"อยากได้ความภักดีของพวกเขากลับมางั้นรึ ก็ไปทวงมันกลับมาซะ และกลับไปเป็นทายาทของข้าให้ได้"


ข้านั่งอยู่บนพื้นไม้ มองดูการฝึกซ้อมที่อีกฟากของสวนกลาง ประตูที่เปิดกว้างทำให้ข้ามองเห็นชุดกิโมโนสีขาว การเคลื่อนไหวที่พร้อมเพรียงกันอย่างสมบูรณ์แบบ และเหงื่อที่ส่องประกายบนใบหน้าที่อ่อนล้า มันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับมา

ข้ามองอาร์ทิมิสที่อยู่แถวหน้าสุด นางไม่มีเหงื่อเหมือนคนอื่น ๆ และดูไม่เหนื่อยเลยแม้แต่น้อย การเคลื่อนไหวของนางไร้ที่ติ ราวกับกำลังชมการร่ายรำอันงดงามจนน่าหมั่นไส้

เคนจิกับชินเล่าเรื่องของนางให้ข้าฟังหลายอย่าง ทั้งคืนที่นางมาถึงและได้ห้องพัก วันแรกที่นางเริ่มฝึกซ้อม การที่นางสามารถเพิ่มยอดขายเป็นสองเท่าได้ในเวลาสองเดือน และได้รับความนับถือจากสมาชิกรุ่นเยาว์ไปกว่าครึ่ง... รวมถึงท่านพ่อของข้าด้วย

อาร์ทิมิสได้สั่งสมอำนาจระหว่างที่ข้าไม่อยู่

การฝึกซ้อมสิ้นสุดลง ทุกคนต่างผ่อนคลาย ข้ายังคงนั่งอยู่ที่เดิม มองดูเพื่อนทั้งสองเดินเข้ามาหาในสภาพเหงื่อท่วมและเหนื่อยหอบ

"เจ้าน่าจะลงไปซ้อมด้วยนะ" ชินเอ่ย พลางชี้ไปยังห้องฝึก

"ให้ข้าพักหน่อยเถอะน่า ข้าเพิ่งกลับมาเอง" ข้าบ่นพลางเลิกคิ้ว

เคนจิยื่นมือมาช่วยพยุงข้าให้ลุกขึ้น

"คงจะดีที่ได้กลับมาซ้อมด้วยกันอีกครั้ง" เขายิ้มขณะแกะสายคาดเอวออกอย่างตื่นเต้น ผมสีแพลทินัมของเขาเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ ปรกหน้าผาก

"คิดถึงตอนโดนอัดรึไง" ข้าแกล้งเย้า เดินตามเขาไปตามโถงทางเดินยาวเหยียดเพื่อหลบหนีจากสายตาที่คอยจับผิด เราเดินผ่านบ้านที่ว่างเปล่าไปด้วยกัน มุ่งหน้าไปยังห้องของข้า

"ริวจิ"

น้ำเสียงที่มั่นใจนั้นทำให้ข้าหยุดชะงักที่หัวบันได เคนจิกับชินเงียบกริบ รอคอยปฏิกิริยาของข้า ข้าเม้มริมฝีปากแล้วหันกลับไป พบอาร์ทิมิสที่ปล่อยผมสีแพลทินัมสยาย และชุดกิโมโนยังคงอยู่บนร่างเพรียวบางของนางอย่างเรียบกริบ

"อาร์ทิมิส" ข้าทักทาย เมื่อสังเกตว่าเราอยู่กันตามลำพัง

"ท่านพ่อบอกว่าข้าควรมาแนะนำตัว" นางเอ่ยโดยไม่ละสายตา "ข้ายินดีที่ท่านกลับมา ข้าตั้งตารอที่จะได้ทำงานร่วมกับท่าน" นางพูดพร้อมกับยื่นมือมาทางข้า

ข้าเพียงแค่มองหน้านางนิ่ง ไม่สนใจคำทักทายนั้น

"เราไม่ได้จะทำงานร่วมกันหรอก" ข้าประกาศอย่างจริงจัง สายตาย้ายไปจับจ้องที่ผมยาวสลวยของนาง มันดูราวกับน้ำตกสีเงินงดงาม ข้ายื่นมือออกไปหานางและรอให้นางถอยหนี แต่อาร์ทิมิสกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง

ข้าสัมผัสเส้นผมของนางอย่างไม่รีบร้อน รู้สึกถึงความนุ่มสลวยที่รอดผ่านนิ้วมือไปราวกับสายน้ำ

"ท่านทำอะไรน่ะ" นางตำหนิ

"ท่านพ่อคิดผิด" ข้าเริ่มต้น พูดพลางสบตานางอีกครั้ง ดวงตาที่เหมือนกับของข้าไม่ผิดเพี้ยน "ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าก็จะไม่มีวันได้เป็นฮาตากิ" ข้ายิ้ม มองดูใบหน้าของนางที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ "กำลังมองหาสังกัดอยู่รึ" ข้าถาม โน้มตัวเข้าไปหานาง ทึ่งที่นางยังคงยืนนิ่ง จ้องข้าเขม็งด้วยแววตาเดือดดาลและขบกรามแน่น "เจ้ามาผิดที่แล้ว ยัยหนู เจ้าไม่มีวันเป็นหนึ่งในพวกเราได้หรอก"

ข้าถอยกลับออกมา รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ข้ายังคงยิ้มขณะหันหลังให้และเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป