บทที่ 10 EP 03 เยี่ยมไข้ [2]
ผมถอนหายใจแล้วพยายามกวาดสายตามองไปที่เอกสารในมืออีกครั้ง ตั้งใจพลิกไปที่สองสามแผ่นสุดท้าย มันคือผลการสอบของเลโก้ที่ผมให้ลามินติดต่อขอกับทางมหา’ ลัยมาโดยตรง ผมไม่รู้หรอกว่าลามินอ้างเหตุผลอะไร เขาอาจอ้างว่าผมต้องการรู้ข้อบกพร่องของเลโก้ก็ได้ ซึ่งเท่าที่ดูจากข้อสอบและการตอบคำถาม ไอ้เด็กนั่นโคตรบกพร่องเลย
เฮ้อ~โง่บรม
หลังจากที่ผมอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว เลโก้สอบตกจริงๆ และเขาพยายามสอบซ่อมมาตลอด ซึ่งเลโก้สอบซ่อมมาแล้วสามครั้ง และผลก็ดีขึ้นทุกครั้ง ความจริงที่ผมพยายามทบทวนแล้วก็คือเลโก้สอบผ่านแล้วตั้งแต่สอบซ่อมครั้งที่แรกเลยด้วยซ้ำนั่น แปลว่า...อาจารย์คนนั้นคิดจะตุกติกกับ ‘เด็กของผม’
อ้อ บอกก็ได้ว่าเลโก้สอบผ่านมาแบบเฉียดฉิวเลยหละ เพราะข้อสอบชุดที่ทำคะแนนช่วยให้เลยโก้ผ่านคือการกาเครื่องหมายถูกผิด จากข้อสอบห้าสิบข้อ เลโก้ทำได้ยี่สิบหกข้อพอดี
“ฉันจะไปโรงพยาบาล” ผมกดโทรศัพท์ภายในเพื่อบอกลามินก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
วันนี้อาจารย์คนนั้นยังไม่ได้ไปสอนตามที่เลโก้คาดคะเนเอาไว้เพราะเขาเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ผมยังไม่แน่ใจถึงสาเหตุที่แท้จริงที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาลหรอกว่าเป็นเพราะถูกเลโก้บังคับให้กินถุงยางอนามัยเข้าไป หรือเพราะถูกซ้อม อย่างรายล่าสุดที่เลโก้เก็บแต้มมาได้ก็รู้สึกจะนอนโรงพยาบาลอยู่เดือนกว่า ผมล่ะจนปัญญาจะบ่น โชคดีที่พ่อแม่ของอีกฝ่ายก็เข้าใจว่าลูกของพวกเขาก็ไม่ใช่ย่อยและเป็นฝ่ายเริ่มหาเรื่องเลโก้ก่อน เลยจบๆ กันมาได้
“มีแขกมาขอพบครับคุณอาทิตย์”
เสียงลามินดังออกมาจากโทรศัพท์ ทำเอาผมที่กำลังสวมเสื้อสูททับด้านนอกต้องขมวดคิ้ว เพราะปกติแล้วลามินจะรู้ดีว่าถ้าผมบอกจะไปข้างนอก คือไม่รับแขก ไม่ว่าใคร
“เขาบอกว่าเป็น...ญาติของคุณเลโก้ครับ”
ญาติเลโก้งั้นเหรอ?
เลโก้เนี่ยนะมีญาติ เท่าที่แม่เคยบอกผม เพื่อนของแม่ที่เป็นแม่ของเลโก้แต่งงานใหม่กับเศรษฐีชาวอเมริกันแล้วก็ย้ายไปอยู่อเมริกาหลังจากที่เธอเอาเลโก้มาฝากไว้กับแม่ของผมได้เพียงแค่สามเดือนเท่านั้น
และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือผมยังจำได้ดีว่าแม่ของผมยื่นคำขาดออกไปว่าถ้าเธอตัดสินใจแต่งงานใหม่และจะย้ายไปอเมริกา เธอจะต้องเอาเลโก้ไปด้วย แต่เธอปฏิเสธ สาเหตุเพราะเธอยังไม่พร้อมจะบอกสามีใหม่ของเธอว่าเธอเคยมีลูกแล้ว เนื่องจากเธอกลัวว่าสามีจะไม่ยอมรับ เธอเอ่ยปากขอเวลากับแม่ของผม บอกว่าจะหาทางบอกสามีใหม่ของเธอก่อน ซึ่งแม่ของผมปฏิเสธ และบอกกับเธอไปว่าถ้าเธอคิดจะทิ้งเลโก้ไว้จริงๆ ก็อย่ากลับมาหาเขาอีก
ผมไม่คิดหรอกว่าแม่ของผมจะพูดจริงๆ แต่ที่น่าตกใจก็คือแม่ของเลโก้เองก็ทิ้งเขาไปกับสามีใหม่จริงๆ เหมือนกัน และอย่างที่บอกว่าไม่เคยได้รับการติดต่อกลับมาตลอดห้าปี
“ญาติของเลโก้ที่เมืองไทยมีแค่ฉันคนเดียว เจอกันข้างล่าง” ผมตัดสินใจแบบนั้น ก่อนจะคว้าเอกสารที่นั่งอ่านอยู่เมื่อครู่ติดมือมาแล้วเดินตรงไปที่ทางออกลับทางด้านหลังห้องทำงาน
ผมไม่รู้หรอกว่าคนที่อ้างตัวเป็นญาติของเลโก้จะเป็นใคร แล้วจะใช่ญาติของเลโก้จริงรึเปล่า แต่จะจริงหรือไม่จริงผมก็ไม่สน ถ้าไม่จริงก็ถือเสียว่าเป็นบททดสอบลามินไปก็แล้วกัน เพราะเขามีหน้าที่คัดกรองคนก่อนจะเข้าพบผม หรือถ้าบังเอิญใช่ ก็มาผิดเวลาไปหน่อย ผ่านมาตั้งห้าปีแล้วเพิ่งคิดได้เหรอว่าไอ้เด็กนั่นเป็นลูก
ผมไม่ได้อยากใจร้ายหรอกนะ (แต่เลโก้มักคิดแบบนั้น) แต่ผมคิดเสมอว่าคำพูดของคนเป็นเรื่องสำคัญ ผมถือว่าการรักษาสัจจะคือที่สุดของความเป็นคน ไม่งั้นเราจะต่างจากสัตว์ได้อย่างไร
เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ เพราะลามินคงใช้เวลาสักพักในการจัดการเรื่องข้างบน เขาเป็นผู้ช่วยผมแทบจะทุกเรื่องนั่นแหละรวมถึงเรื่องขับรถด้วย ทุกวันลามินจะขับรถไปไว้ที่คอนโดผม แล้วขับรถผมให้ผมนั่งมาทำงาน หรือบางวันผมก็มารถลามิน แต่หน้าที่ของเราก็ยังเหมือนเดิม
“เชิญครับคุณอาทิตย์”
แล้วระหว่างที่ผมกำลังยืนอ่านเอกสารในมือรอไปพลางๆ ลามินก็เดินอ้อมมาจากทางด้านหน้าตึก ถือว่าทำเวลาได้เร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีกครั้ง
“เขาฝากนามบัตรมาให้คุณอาทิตย์ครับ”
“ฉันฝากนายเอาไปทิ้งด้วยก็แล้วกัน”
