บทที่ 5 EP 01 มีเขาบนหัว เอาตัวไม่รอด [3]
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
สบถแรงๆ แล้วยกเท้าถีบประตูรั้วบ้านของมันระบายความหงุดหงิด รีบสาวเท้าเดินกลับออกจากซอย ระหว่างที่เดินออกมาก็พยายามติดต่อไอ้ยอร์ชไปพลางๆ เผื่อมันว่างผมจะได้ไม่ต้องเรียกแท็กซี่กลับ
“มึงอยู่ไหนไอ้ยอร์ช” กว่ามันจะรับสายได้ผมก็กำลังมองหาแท็กซี่แล้ว
[ม่านรูด]
ต้องให้มันได้แบบนี้สิ เพื่อนผมแต่ละคน นี่สรุปว่าพวกมันเป็นเพื่อนผมจริงรึเปล่าวะ ทำไมตอนนี้ทุกคนดูมีความสุขกันหมด แล้วดูผมสิ นรกสิ้นดี
“มารับกูหน้ามหา’ ลัยหน่อย”
[ตอนนี้เนี่ยนะ กูเพิ่งจ่ายค่าห้องไปเมื่อกี้นี้เองนะเว้ย]
“เดี๋ยวกูจ่ายคืน แถมลีย่าให้อีกคน กูเช่าห้องให้แบบค้างคืนด้วย”
[ไอ้สารเลว]
“ถ้ามึงไม่เอา กูจะโทรหาไอ้ปาล์ม”
[เอาๆ มึงรอกูยี่สิบนาที กูให้น้องเขาดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดูน้องเขาแป๊บ]
ฟังมันพูด
“ช้าไปต่อคิว” ผมว่าเร็วๆ ก่อนจะกดตัดสายทิ้ง
เอาเข้าจริงจะเรียกว่าต่อคิวก็ไม่ถูกหรอกเพราะผมก็แค่ขู่มันไปอย่างนั้นเอง ระหว่างผมกับลีย่าเคยคุยกันเสียที่ไหน ผมแค่มีเบอร์ของเธอเพราะจำเป็นต้องแลกกันตามมารยาท เนื่องจากเธอเป็นน้องของสายรหัสผม
แต่ตอนนี้ช่างเรื่องอื่นไปก่อนเถอะ ใครก็ได้ช่วยผมคิดหน่อยว่าผมควรจะทำอย่างไรดี ผมสอบตกรายวิชานี้มาสี่ครั้งแล้ว ใบแจ้งผลการสอบยังอยู่ในกระเป๋า หากไม่เอาให้พี่อาทิตย์ดู ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องทราบจากการเข้าเช็กในระบบอยู่ดี
โธ่ว้อยยย ยิ่งคิดผมก็ยิ่งเครียด!
ทำอย่างไรดีนะ เมื่อเทอมก่อนผมเพิ่งโดนทำทัณฑ์บนเอาไว้สามครั้งเพราะการทะเลาะวิวาทล้วนๆ ตอนนี้ผมสอบไม่ผ่าน ซึ่งตอนนี้เรื่องนั้นไม่น่าหนักใจเท้ากับเรื่องที่ผมเพิ่งจะทำร้ายร่างกายอาจารย์ที่ปรึกษาจนตายไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าไม่ตายผมก็คงโดนข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ถ้าเขาตายผมก็คงโดนข้อหาพยายามฆ่า ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผมจะถูกไล่ออกจากมหา’ ลัย ก่อนจะโดนเขาตัดหางปล่อยวัด
ปี๊นๆ
เสียงแตรรถมาเพิ่งจะขับมาจอดตรงหน้าผมทำเอาผมที่กำลังคิดหาทางออกให้ตัวเองสะดุ้งตกใจ พอเห็นว่าเป็นรถของไอ้ยอร์ชผมก็รีบก้าวเท้ายาวๆ ไปขึ้นรถทันที
“หน้าตาแบบนี้แปลว่าตูดมึงยังสบายดีสินะ”
นั่นคือทำทักทายแรกจากไอ้ยอร์ช นี่ผมคิดถูกหรือผิดที่โทรตามให้มันมารับ บางทีถ้าผมยอมเสียเงินค่าแท็กซี่ผมอาจสบายใจกว่านั่งในรถมันก็ได้
ผมถอนหายใจแรงๆ แล้วหันหน้าออกไปมองนอกรถโดยไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับมันให้เสียเวลา ตอนนี้ในสมองของผมกำลังคิดอยู่ว่าจะเริ่มต้นสารภาพความผิดกับพี่อาทิตย์ด้วยคำว่าอะไรดี
“อ้าว ถามไม่ตอบแปลว่าไรวะ”
“แปลว่ากูไม่อยากพูดกับมึงไง” ผมหันไปกระแทกเสียงตอบ
ไอ้ยอร์ชทำหน้าเหวอไปนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าผมอารมณ์ไม่ดี อาการแย่กว่าเมื่อเย็นตอนที่ได้รู้ผลสอบเสียอีก
“เป็นห่าอะไรล่ะ อาจารย์ไม่ให้มึงสอบซ่อมเหรอ”
“ให้”
“ถ้าให้แล้วทำไมหน้ามึงยังเหมือนส้นตีนแบบนั้น”
บอกเลยว่าหน้าผมที่หงิกงอแบบนี้ยังดูดีกว่าส้นตีนมันเยอะ!
“กูไม่สอบ”
“อ้าว”
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ถ้ากูโดนไล่ออก กูจะส่งเบอร์สาวๆ ในเครื่องให้มึงก็แล้วกัน แล้วมึงก็ไปแบ่งกันเอง” ผมพูดเหนื่อยๆ สายตายังคงจับจ้องไปที่กระจกรถที่สะท้อนกับแสงไฟส่องสว่างข้างถนนจนเกิดเป็นแสงระยิบระยับอย่างคนคิดไม่ตก
“แค่สอบตก ไม่ถึงกับโดนไล่ออกหรอกมั้งมึง อีกอย่างถึงพี่ชายมึงจะเนี๊ยบ เขาก็ไม่ตัดอนาคตมึงแบบนั้นหรอก”
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่ต้องการจะให้กำลังใจจริงๆ จากไอ้ยอร์ช เล่นเอาผมอึ้งไปเหมือนกัน
ผมได้แต่หันไปมองหน้ามันแล้วถอนหายใจแรงๆ เพื่อสงบศึกและถือเป็นการขอบคุณในความหวังดีของมัน แต่ยังไม่ได้คิดจะอธิบายหรอก เพราะผมควรจะเก็บคำอธิบายพวกนั้นไปพูดกับใครอีกคนมากกว่า
ไอ้ยอร์ชขับรถมาส่งผมถึงหน้าคอนโดเหมือนปกติ และความจริงก็คือมันอยู่คอนโดเดียวกับผมนั่นแหละ แต่ว่าคนละตึก ผมอยู่ตึกเอ ส่วนมันอยู่ตึกแฝดทางด้านหลัง ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมกับมันจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ
“ขอบใจ” ผมหันไปบอกก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถแล้วเดินดุ่มๆ กลับเข้าคอนโดแบบทุกวัน ส่วนไอ้ยอร์ชก็ขับรถไปทางตึกแฝดทางด้านหลัง ระหว่างทางหางตาผมเหลือบไปเห็นรถของใครบางคนจอดอยู่ที่ๆ จอดรถวีไอพีของคอนโด เล่นเอาต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา เพราะเพียงแค่เห็นรถ ใบหน้านิ่งๆ ของเจ้าของรถก็ลอยขึ้นมาในความคิดโดยฉับพลัน
