บทที่ 11 11

“แต่ว่า…”

“แกนี่อยากให้แม่ตายจริงๆ ใช่ไหม ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแกจะเลว ไม่รู้จักตอบแทนผู้มีพระคุณแบบนี้” เบญจาที่เห็นว่าเวทิกาทำท่าจะปฏิเสธรีบพูดดักคอ เพราะกลัวว่าเสี่ยวาโยจะเปลี่ยนใจ

“ฉันให้เวลาแค่วันเดียวเท่านั้น และอย่าได้คิดหนี เพราะฉันเอาตายทั้งสามคนแน่! ไป กลับ!”

เสี่ยหนุ่มหันไปสั่งลูกน้องที่เหลือ ก่อนจะพากันขึ้นรถออกไป ทิ้งให้สามคนแม่ลูกเผชิญหน้ากัน

“แม่ คือว่า…” เวทิกามองผู้เป็นแม่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

“เข้าบ้าน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก”

พิสมัยจ้องหน้าเวทิการาวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะเดินนำเข้าบ้านไปพร้อมกับเบญจา

“แม่ ไวน์ไม่มีทางขายตัวให้ไอ้เสี่ยชั่วนั่นเด็ดขาด” เวทิกายืนยันคำเดิมทันทีที่เข้าบ้าน

เผียะ!

ไร้ซึ่งถ้อยคำ แต่กลับเป็นฝ่ามือที่ตบเข้าใบหน้าของเวทิกาอย่างรุนแรงโดยที่หญิงสาวไม่ได้ตั้งตัว

“แกนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ แบบที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด กล้าดียังไงมาปฏิเสธเสี่ย ไม่เห็นหรือไงว่าเสี่ยจะฆ่าฉันอยู่แล้ว” พิสมัยพูดเสียงดัง พร้อมกับทำท่าจะเข้ามาทำร้ายเวทิกาเพิ่ม แต่ถูกเบญจาห้ามไว้เสียก่อน

“แม่ใจเย็น เดี๋ยวมันก็ช้ำหมดหรอก เสี่ยน่าจะไม่โอเคนะ ถ้านังไวน์มันมีรอยฟกช้ำเยอะๆ” เบญจาจีบปากจีบคอพูดเยาะเย้ยพี่สาว

“เบียร์! ถ้าเธอเห็นดีเห็นงามเรื่องนี้นักก็เสนอตัวไปนอนกับเสี่ยนั่นแทนพี่ไปเลยสิ” เวทิกาพูดด้วยความโมโห ในเมื่อเธอไม่อยากทำ ใครอยากทำก็ทำเองสิ

“หน็อย! นี่แกกล้ามาย้อนลูกสาวฉันเหรอ ไม่รู้ตัวเลยหรือไงว่าแกมันนอกคอก ก็สมควรแล้วที่แกจะต้องเป็นคนเสียสละเรื่องนี้” พิสมัยออกโรงปกป้องเบญจาทันที และไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่มีทางยอมให้ลูกสาวสุดที่รักต้องไปตกนรกทั้งเป็นอย่างนั้นแน่นอน

“ที่ผ่านมา แม่ไม่เคยเห็นไวน์เป็นลูกเลยหรือไง” เวทิกาพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด จริงอยู่ว่าพิสมัยไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ตลอดเวลาที่เธออยู่กันมากลับผูกพันและมองพิสมัยเหมือนเป็นแม่แท้ๆ คนหนึ่ง

“นี่แกเป็นโรคความจำเสื่อมหรือไง ถึงพ่อแกจะตายตั้งแต่แกสองขวบ แล้วทิ้งแกเป็นภาระให้ฉัน แต่ฉันก็คอยย้ำเตือนใส่สมองของแกตลอดว่าแกมันไม่ใช่ลูกฉัน ลูกฉันมีคนเดียวคือเบียร์ ส่วนแกมันเป็นภาระที่ฉันต้องเลี้ยงไว้เพราะความสงสาร ไม่เข้าใจหรือไง นี่ถ้าแกไม่ได้ทุนเรียนดีอะไรนั่น ฝันไปเถอะว่าฉันจะส่งเสียแกเรียนถึงทุกวันนี้”

พิสมัยพูดด้วยความโมโห เพราะสามีดันด่วนจากไปด้วยโรคมะเร็งในขณะที่นางเพิ่งคลอดเบญจาออกมา แถมยังทิ้งลูกติดมาเป็นภาระให้อีก จะพาไปทิ้งก็กลัวว่าจะมีปัญหาตามมา จึงต้องจำใจเลี้ยงเวทิกาอย่างตามมีตามเกิด แต่ลูกเลี้ยงดันเป็นเด็กรักดี ตั้งใจเรียน และทำงานหาเงินส่งเสียตนเองจนเรียนจบ ในขณะที่นางทุ่มเงินที่ทำมาหากินส่วนใหญ่ไปกับการเลี้ยงลูกสาวอย่างเบญจาเท่านั้น

“ไวน์รู้ว่าไวน์ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ แต่ไวน์ก็นับถือแม่เหมือนแม่แท้ๆ” เวทิกาไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป เธอพยายามอย่างมากที่จะทำตัวให้เป็นที่ยอมรับของทั้งพิสมัยและเบญจา แต่ที่ผ่านมากลับไม่ได้รับความรักจากสองคนนี้เลย

“นับถือฉันเหมือนแม่ แต่แกกำลังปล่อยฉันไปตายเนี่ยนะ!” พิสมัยย้อนถามด้วยความโมโห ทางเดียวที่เวทิกาจะทดแทนบุญคุณและพิสูจน์ให้เห็นว่ารักนางเหมือนแม่จริงๆ ก็คือการยอมนอนกับเสี่ยวาโยเท่านั้น

“ไวน์ไม่ได้ปล่อยให้แม่ไปตาย แต่ไวน์ไม่สามารถนอนกับผู้ชายที่ไวน์ไม่ได้รักจริงๆ” เวทิกาพูดอย่างใจคิด เธอเฝ้าเก็บความบริสุทธิ์ของตนเองเพื่อมอบให้แก่ชายที่ตนรัก หากมันต้องเสียให้กับคนชั่วอย่างเสี่ยวาโยคงรู้สึกราวกับกำลังจะขาดใจ

“งั้นก็แปลว่าแกไม่ได้รักแม่ของฉันจริงๆ ถ้าแกรักแม่ เรื่องแบบนี้จะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อีกอย่าง มันก็แค่ความบริสุทธิ์ ยังไงสักวันแกก็ต้องเสียไปอยู่แล้ว ทำเพื่อแม่หน่อยไม่ได้หรือไง”

เบญจาพูดเสริมขึ้น เพราะหากเวทิกาไม่ยอมขายตัวให้เสี่ยวาโยจริงๆ จะต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน และหนำซ้ำ ตนเองอาจจะต้องถูกส่งตัวไปแทนเวทิกา ซึ่งเธอไม่อยากที่จะอยู่สถานะนั้น แม้ว่าเสี่ยวาโยจะไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาที่แย่ แต่สำหรับเบญจาแล้วการได้นอนกับผู้ชายที่หมายปองเท่านั้นถึงจะเป็นความสุข

“พี่…” เวทิกาปล่อยโฮออกมาด้วยความอึดอัดและกดดัน ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากเธอไม่ยอมขายตัวทุกคนก็จะเดือดร้อน แต่หากยอมก็จะไม่เหลืออะไรแม้แต่ศักดิ์ศรีของตัวเอง

“ทำตามที่ฉันสั่งซะ ตอนนี้ แกก็เรียนจบแล้ว ฉันจะไม่ขออะไรแกมาก นอกจากทดแทนบุญคุณฉันด้วยการยอมนอนกับเสี่ย” พิสมัยพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เวทิกาไม่เคยมีค่ากับนางสักครั้ง “และหากต่อไปนี้ แกจะย้ายไปที่ไหน ฉันก็ไม่คิดห้าม” แต่ก่อนไปจะต้องได้เงินอีกห้าแสนมาใช้เสียก่อน

บทก่อนหน้า
บทถัดไป