บทที่ 2 นักสืบและศาสตราจารย์

เช้าวันอังคาร

รถซีดานคันหรูคันหนึ่งแล่นเข้ามาในเซนต์โธมัสอะคาเดมี่ ที่เบาะหลังมีชายผู้ภูมิฐานในชุดสูทลำลองสีอ่อนดูสง่างามนั่งอยู่ เขาคือโอลิเวอร์ เวสต์ นักสืบผู้ส่งข้อความหาอลิสัน

โอลิเวอร์เป็นชายร่างสูงหุ่นนักกีฬา อายุสามสิบปีพอดิบพอดี ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปราศจากความเยาว์วัยโดยสิ้นเชิง บัดนี้แผ่เสน่ห์ของบุรุษผู้ใหญ่เต็มตัว

เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ รับทำเฉพาะคดีที่เขาสนใจเท่านั้น อัตราการไขคดีของเขาอยู่ที่หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม

“คุณเวสต์ครับ เรามาถึงแล้ว” ผู้ช่วยของเขากล่าว เขาคือเทย์เลอร์ สก็อตต์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ ที่ดูเฉียบแหลม “สถาบันนี้หรูหราจริงๆ นะครับ คุณเวสต์เคยมาที่นี่มาก่อนหรือเปล่าครับ”

โอลิเวอร์มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ “ฉันจะเคยมาที่นี่ทำไมกัน ในครอบครัวฉันไม่มีเด็กกำพร้าสักคน แล้วที่นี่ก็ไม่เคยมีคดีฆาตกรรมน่าสนใจเกิดขึ้นด้วย”

เมื่อพูดถึงเรื่องคดี เทย์เลอร์ก็เหลือบมองโอลิเวอร์ผ่านกระจกมองหลังอย่างสงสัยใคร่รู้ “คุณเวสต์ครับ ถึงแม้ว่าคดีนี้จะค่อนข้างประหลาด แต่คุณกำลังไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศกับแฟนไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงตกลงรับทำคดีนี้ล่ะครับ”

“เพราะฉันเบื่อ” โอลิเวอร์ตอบอย่างเฉยเมย

เทย์เลอร์เลิกคิ้ว ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม

โอลิเวอร์เตะเบาะหน้าแล้วบ่นว่า “ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงจริงๆ พวกเธอเป็นฝ่ายตามจีบฉัน สารภาพรักกับฉันอย่างร้อนแรง—ฉันทั้งหล่อ รวย ใจกว้าง จำวันครบรอบได้ทุกครั้ง ให้ของขวัญ แถมยังหาเวลาไปเที่ยวพักร้อนกับพวกเธอด้วย ทำไมพวกเธอยังไม่พอใจกันอีก บนโลกนี้จะมีผู้ชายดีเลิศเท่าฉันสักกี่คนกัน”

เทย์เลอร์นึกเสียใจอยู่บ้างที่ชวนคุยเรื่องนี้

บางทีอาจเป็นเพราะชีวิตของโอลิเวอร์ราบรื่นเกินไป ส่งผลให้เขามีนิสัยหลงตัวเองอย่างสุดขั้ว

แฟนของเขาแต่ละคนคบกันได้ไม่เกินสามเดือน พอพวกเธอตระหนักได้ว่านิสัยของโอลิเวอร์น่ารำคาญแค่ไหน เสน่ห์ภายนอกของเขาก็จะจางหายไปอย่างรวดเร็วจนพวกเธอทนไม่ไหวและบอกเลิกกับเขาในที่สุด

“คุณก็แค่ยังไม่เจอเนื้อคู่ของคุณเท่านั้นเอง” เทย์เลอร์แอบกลอกตา แล้วเปลี่ยนเรื่อง “ดูเหมือนเราจะมาถึงเร็วไปหน่อยนะครับ ไม่รู้ว่าคุณอลิสันเป็นคนแบบไหน ได้ยินมาว่าเธอยังเด็กมาก เป็นอัจฉริยะ พวกอัจฉริยะมักจะมีนิสัยแปลกๆ คุณเวสต์ครับ เดี๋ยวเรื่องการพูดคุยให้ผมจัดการเองดีกว่า”

ความหมายโดยนัยของเทย์เลอร์คือต้องการให้โอลิเวอร์พูดน้อยลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความขุ่นเคืองให้คนอื่น เพราะเหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน—โอลิเวอร์จะบอกว่าตัวเองร่ำรวยและสามารถใช้เงินแก้ปัญหาส่วนใหญ่ได้ ในมุมมองของเขา เขาแค่พูดความจริง แต่ในสายตาคนอื่น มันคือการอวดรวย เยาะเย้ย และหยิ่งยโส

โอลิเวอร์พ่นลมหายใจทางจมูก “ทำงานของนายให้ดีแล้วกัน ฉันจ้างนายแพงกว่าอัตราตลาดถึงห้าเท่า ไม่ได้จ้างมาเป็นคนขับรถหรือของประดับ”

“ครับ” เทย์เลอร์ตอบรับ

ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการได้รับโทรศัพท์จากแผนกต้อนรับเรื่องการมาเยือนของโอลิเวอร์และเทย์เลอร์ จึงมารอพวกเขาอยู่ที่ชั้นล่างของอาคารเรียน

“สวัสดีครับ ผมสตีฟ ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ พวกคุณมาหาอลิสันใช่ไหมครับ” สตีฟถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรหรือครับ”

“คุณเคยได้ยินเรื่องคดีแขวนคอสามศพไหมครับ” เทย์เลอร์จับมือกับเขา “ไม่ต้องกังวลครับ คุณเกรย์ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย เราแค่มีคำถามสองสามข้อจะถามเธอ”

“ในเมืองนี้คงแทบไม่มีใครไม่เคยได้ยินเรื่องคดีแขวนคอสามศพหรอกครับ” สตีฟพยายามพูดติดตลก แต่บรรยากาศไม่เป็นใจนัก “ตอนนี้อลิสันกำลังสอนอยู่ครับ คลาสจะเลิกตอนแปดโมงห้าสิบนาที เชิญตามผมไปที่ห้องรับรองก่อนดีไหมครับ”

“ผมรอนานขนาดนั้นไม่ได้” โอลิเวอร์ส่ายหน้า “พาผมไปที่ห้องเรียนเลย ผมใช้เวลาของเธอไม่นานหรอก”

วิดีโอคดีแขวนคอสามศพสร้างความฮือฮาอย่างมากในโลกออนไลน์ มันเริ่มต้นด้วยลำแสงไฟฉายที่ส่องไปยังพื้นซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นและคราบสกปรก แหล่งกำเนิดแสงสั่นไหวไม่มั่นคง ทำให้เงาบนพื้นสั่นระริกตามไปด้วย

เงาร่างมนุษย์สั่นๆ สามร่างปรากฏขึ้นทางด้านขวาของเฟรมภาพ เมื่อกล้องซูมเข้าไปใกล้ ก็ปรากฏร่างชายสองคนและหญิงหนึ่งคนอย่างชัดเจน—พวกเขาเสียชีวิตแล้ว ถูกจับมัดเท้าห้อยหัวลงมา

เสื้อผ้าของพวกเขารูดลงตามแรงโน้มถ่วง เผยให้เห็นร่างกายที่โชกเลือด มือที่ห้อยลงมาตามธรรมชาติอยู่สูงจากพื้นกว่าสามฟุต เลือดไหลไปตามปลายนิ้วของศพทั้งสาม ไหลรวมกันเป็นแอ่งสีแดงบนพื้น

ไลฟ์สตรีมเมอร์หนุ่มผู้ค้นพบพวกเขาแทบจะขวัญหนีดีฝ่อ ตอนนี้สังคมทั้งสังคมกำลังจับจ้องมาที่เหตุการณ์นี้ และโอลิเวอร์ก็ได้รับคำสั่งให้จับตัวคนร้ายตัวจริงให้ได้ภายในสองสัปดาห์ เวลาของเขาจึงมีจำกัด

ในที่เกิดเหตุ ศพทั้งสามถูกจัดวางเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า บนร่างที่ถูกแขวนมีสัญลักษณ์ประหลาดอยู่ โอลิเวอร์ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสัญลักษณ์เพื่อวิเคราะห์ความหมายของสัญลักษณ์เหล่านั้นเป็นอันดับแรก ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามันอาจเกี่ยวข้องกับศาสนา เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนศึกษา มีคนแนะนำอลิสันให้ แต่เธออายุเพียง 26 ปีเท่านั้น

บางทีการเดินทางครั้งนี้อาจจะเสียเวลาเปล่า โอลิเวอร์คิดอย่างไม่คาดหวังนัก

ในขณะนั้น อลิสันลืมเรื่องที่นัดพบกับโอลิเวอร์ไปเสียสนิท

เมื่อคืนเธอก็นอนไม่หลับอีกแล้ว และวันนี้คาบสอนของเธอก็ดันเป็นคาบแรก น้ำตาลในเลือดต่ำทำให้เธออ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ หลังจากบรรยายไปได้สิบนาทีโดยไม่มีนักเรียนคนไหนสนใจฟัง เธอก็ประกาศให้ทุกคนเรียนด้วยตนเอง แล้วไปนั่งอยู่ริมแท่นบรรยาย ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางสัปหงก

ที่นั่งสุดท้ายริมหน้าต่างมีนักเรียนชายร่างสูงคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาชื่อแมทธิว ทอมป์สัน อายุใกล้จะบรรลุนิติภาวะ สูงกว่าหกฟุต รูปร่างกำยำ และป่วยเป็นโรคคลุ้มคลั่ง

เพื่อนร่วมชั้นทุกคนต่างรู้ถึงนิสัยก้าวร้าวของเขา ที่นั่งรอบตัวเขาจึงว่างเปล่า

เขาฟุบหลับอยู่บนโต๊ะตั้งแต่มาถึงเมื่อเช้า พอห้องเรียนไร้ซึ่งการควบคุมดูแลของอาจารย์ เสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขานอนหลับได้ยาก

เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นอลิสันกำลังสัปหงกอยู่บนแท่นบรรยาย เขาก็พลันผลักโต๊ะออกไป ขาโต๊ะครูดไปกับพื้นจนเกิดเสียงแหลมบาดหู คนอื่นๆ หันมามอง แต่เขาไม่สนใจใครทั้งสิ้นและเดินตรงไปยังอลิสัน

หมัดหนักๆ พุ่งเข้ามา อลิสันเบิกตาโพลงและเอียงศีรษะหลบอย่างรวดเร็ว

สีหน้าของแมทธิวดุดันขณะที่กำปั้นแข็งๆ ของเขาเหวี่ยงเข้าใส่ขมับของอลิสันอีกครั้ง อลิสันก้าวหลบไปด้านข้างอย่างคล่องแคล่วแล้วเตะเข้าที่ท้องของเขาเต็มแรง จนเขากระเด็นถอยหลังไปหลายก้าวและล้มกระแทกโต๊ะกับเก้าอี้ไปสองแถว

ตอนที่แมทธิวทำร้ายอลิสัน นักเรียนคนอื่นๆ ดูเหมือนจะคุ้นชินกับภาพนั้น แต่เมื่ออลิสันเตะแมทธิวจนกระเด็น พวกเขากลับแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาในที่สุด

ด้วยรูปร่างที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ อลิสันเอาชนะแมทธิวได้อย่างไร?

ในขณะเดียวกัน โอลิเวอร์และคนอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนของโครงการพิเศษ

โครงการพิเศษโธมัสตั้งอยู่บนชั้นสูงสุด ใช้พื้นที่ทั้งชั้น ระหว่างทาง สตีฟแนะนำประวัติและสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมของสถาบันอย่างกระตือรือร้น ทันทีที่เขาพูดว่านักเรียนที่นี่เรียบร้อยแค่ไหน พวกเขาก็เห็นเด็กๆ จากโครงการพิเศษยืนหัวเราะ เล่น และอ้อยอิ่งกันอยู่หน้าห้องเรียน เมื่อมองผ่านฝูงชนเข้าไป ก็เห็นคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างใน

สตีฟเบิกตากว้างทันทีพร้อมกับตะโกนว่า "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!"

เหล่านักเรียนแหวกทางออก เปิดเผยให้เห็นภาพในห้องเรียนต่อหน้าชายทั้งสามคนอย่างไม่มีอะไรขวางกั้น

ผมเผ้าของอลิสันยุ่งเหยิง ดูมอมแมมไปบ้าง แต่สภาพของเธอก็ยังดีกว่าแมทธิวที่มีใบหน้าฟกช้ำดำเขียวมาก แม้ว่าแมทธิวจะแข็งแรงและกำยำกว่าเธอ แต่เขากลับมีความคล่องตัวและประสบการณ์ในการต่อสู้น้อยกว่าเธอมาก

เมื่อได้ยินเสียงตวาดของสตีฟ อลิสันก็หอบหายใจขณะถอยห่างจากแมทธิว ความเหนื่อยล้าและความรุนแรงผลักดันเธอจนถึงขีดสุด กระตุ้นให้อาการเสียการระลึกรู้กำเริบ โลกบิดเบี้ยวไป และทุกคนก็สูญเสียรูปลักษณ์ดั้งเดิมไป ในสายตาของเธอ แมทธิวได้กลายร่างเป็นชะนีหน้าดำแขนยาวที่แข็งแรงกำยำตัวหนึ่ง

การโต้กลับเป็นไปโดยสัญชาตญาณ—หากเธอไม่หยุดตอนนี้ เธอก็รับประกันไม่ได้ว่าจะทำอะไรลงไป

แววตาของแมทธิวฉายแววดุร้ายขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่อลิสันอย่างกะทันหัน หมายจะปล่อยหมัดหนักๆ

อลิสันก้าวไปอยู่ด้านหลังแมทธิวอย่างรวดเร็ว ใช้แขนทั้งสองข้างล็อกคอของเขา แมทธิวคำรามในลำคอแล้วใช้ศอกกระทุ้งไปด้านหลัง อลิสันคลายแขนออกแล้วอาศัยแรงดิ้นรนของแมทธิวเหวี่ยงเขาทิ้งไป

แมทธิวที่กำลังโซซัดโซเซเกือบจะชนเข้ากับโอลิเวอร์ แต่เขาเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างได้ทัน แมทธิวจึงล้มลงไปกองกับพื้น

สตีฟช่วยพยุงแมทธิวขึ้นมาด้วยความโกรธจนควันออกหู "อลิสัน! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วนะ! เธอทำร้ายนักเรียนอีกแล้ว! เธอต้องให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับฉันด้วย!"

โอลิเวอร์มองเธออย่างตกตะลึง ในขณะที่เทย์เลอร์อ้าปากค้างเล็กน้อย

ผู้หญิงที่ใช้ความรุนแรงคนนี้คืออลิสันน่ะหรือ?

บทก่อนหน้า
บทถัดไป