บทที่ 4 หลานชายของอาจารย์
อาเธอร์ ทอมป์สัน ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนต์โธมัส เป็นชายผู้มีภารกิจรัดตัวและเป็นที่รู้จักผ่านคำร่ำลือเสียเป็นส่วนใหญ่ เหล่าคณาจารย์และนักเรียนจะได้เห็นหน้าเขาก็ต่อเมื่อมีพิธีเปิดและปิดภาคการศึกษาเท่านั้น
ทว่าอลิสันกลับไม่ได้รู้สึกประหม่าเลยสักนิดที่จะต้องเข้าพบกับบุคคลสำคัญผู้นี้
สตีฟมองเธอ ดวงตาข้างซ้ายของเขาบวมปูดจนใบหน้าดูไม่สมส่วนและแลดูน่าขันอยู่บ้าง “อลิสัน คุณเข้าใจหรือยังว่าตัวเองทำอะไรผิดไป”
อลิสันกล่าวขอโทษอย่างคล่องแคล่วราวกับฝึกฝนมาเป็นอย่างดี “ดิฉันไม่ควรลงมือกับนักเรียนค่ะ”
“แล้วมีอะไรอีกไหม” สตีฟคาดคั้น
“มีอีกเหรอคะ” อลิสันถามกลับ
“จู่ๆ แมทธิวก็เกิดอาการคลุ้มคลั่งกำเริบขึ้นมา คุณควรจะรีบอพยพนักเรียนคนอื่นๆ ออกไปทันที แล้วติดต่อฝ่ายรักษาความปลอดภัย หมอของโรงเรียน และผม—ไม่ใช่ไปมีเรื่องกับแมทธิวแล้วปล่อยให้นักเรียนคนอื่นมุงดู!” สตีฟลดเสียงลงต่ำ ด้วยกังวลว่าเธอจะพาเขาเดือดร้อนไปด้วย “คุณทอมป์สันเป็นอาของแมทธิว จำที่ผมบอกไว้ให้ดีนะตอนที่เราไปถึงห้องผู้อำนวยการแล้ว คุณต้องแสดงความสำนึกผิดอย่างเหมาะสม”
ทีแรกอลิสันมีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “เข้าใจแล้วค่ะ”
เทย์เลอร์เอ่ยถามอย่างใคร่รู้ “คุณสตีฟ แล้วนักเรียนที่ชื่อแมทธิวเป็นอย่างไรบ้างคะ เขาเป็นไบโพลาร์จริงๆ หรือคะ”
“แมทธิวบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นครับ เด็กนักเรียนในโครงการพิเศษโธมัสจะมีความแตกต่างจากเด็กปกติทั้งในด้านจิตใจและสภาวะทางอารมณ์” สตีฟอธิบายอย่างระมัดระวังคำพูด “เราจัดการพวกเขาอย่างเข้มงวดและให้การศึกษาอย่างอดทนมาโดยตลอด เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้จริงๆ แล้วเกิดขึ้นน้อยมากครับ”
โอลิเวอร์แค่นยิ้ม “คุณน่าจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับทีมแพทย์ที่พร้อมรับมือมากกว่านี้นะครับ นั่นน่าจะมีประโยชน์กว่าการมาโทษครู”
เทย์เลอร์แปลกใจเล็กน้อย นี่โอลิเวอร์กำลังปกป้องอลิสันอยู่หรือ
สตีฟยิ้มขื่น “เราเคยลองทำแล้วครับ แต่พวกเด็กๆ ต่อต้านการเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกับหมอมาก” เขาเหลือบมองผ่านประตูที่เปิดอยู่เข้าไปในห้องรับรอง สังเกตเห็นกาแฟที่ไม่ถูกแตะต้องบนโต๊ะ แล้วจึงเอ่ยชวนโอลิเวอร์กับเทย์เลอร์อย่างสุภาพ “ไปดื่มกาแฟที่ห้องทำงานผมไหมครับ”
โอลิเวอร์ปฏิเสธ เมื่อกลับมาถึงรถ เทย์เลอร์ก็เอ่ยขึ้นว่า “โครงการพิเศษนั่นก็ไม่ต่างอะไรจากสถานบำบัดทางจิตสำหรับวัยรุ่นเลยสิ อลิสันคงลำบากน่าดู”
โครงการพิเศษโธมัสมีนักเรียนเพียง 22 คน แต่กลับใช้พื้นที่ทั้งชั้น นอกจากห้องเรียนและห้องน้ำแล้ว ยังมีโรงอาหารของตัวเอง หอพักสำหรับงีบหลับตอนบ่าย ห้องสมุด ห้องโสตทัศนศึกษา หรือแม้กระทั่งพื้นที่กีฬาขนาดใหญ่!
พื้นที่กว้างขวางขนาดนี้สำหรับนักเรียนแค่ 22 คนดูเหมือนจะเกินความจำเป็น แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง กิจกรรมของพวกเขาก็ถูกจำกัดอยู่แค่ในบริเวณนั้นตั้งแต่เช้าจรดเย็น นักเรียนทั่วไปที่ได้เห็นมุมโต๊ะซึ่งบุด้วยโฟมกันกระแทกและหน้าต่างที่มีลูกกรงติดตั้งจากด้านในคงไม่รู้สึกอิจฉาเป็นแน่ ตรงกันข้าม นักเรียนในโครงการพิเศษที่มองลงมาจากชั้นบนสุดแล้วเห็นคนอื่นๆ วิ่งเล่นอยู่บนสนามหญ้ากลางแดดสดใสเบื้องล่าง จะไม่โหยหาอิสรภาพนั้นหรอกหรือ
เทย์เลอร์เหลือบมองโอลิเวอร์ผ่านกระจกมองหลัง โอลิเวอร์ที่เพิ่งจะออกตัวปกป้องอลิสันไปเมื่อครู่ กลับตอบเสียงเรียบขณะไล่ดูข้อความในแท็บเล็ต “ปัญหาของเธอไม่เกี่ยวกับเรา แค่เตือนให้เธอรีบส่งเอกสารมาก็พอ”
ในขณะเดียวกัน อลิสันก็ไม่ได้พบกับอาเธอร์ตัวต่อตัวแต่อย่างใด
อาเธอร์กำลังเดินทางไปทำธุระที่ต่างเมืองอีกครั้ง อลิสันได้พูดคุยกับเขาผ่านโทรศัพท์ของเลขานุการ
“ก่อนอื่น ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนเซนต์โธมัส” อาเธอร์พูดรัวเร็ว “ผมทราบเรื่องที่แมทธิวอาการกำเริบแล้ว จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่เด็กกำพร้า แต่เพราะอาการป่วยไบโพลาร์ พ่อแม่เลยทอดทิ้งเขา ในฐานะอา ผมเลยใช้สิทธิพิเศษนิดหน่อยเพื่อส่งเขาเข้าโครงการพิเศษ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลืมกินยาแล้วก่อเรื่อง ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับวิธีรับมือของคุณทั้งหมด แต่ก็ขอบคุณที่พวกคุณทั้งคู่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ถ้าคุณต้องการค่าชดเชย ก็สามารถเรียกร้องได้”
อลิสันเริ่มพูด “นั่นไม่จำเป็นเลยค่ะ...”
อาร์เธอร์พูดแทรกขึ้น “ปกติแค่สตีฟคนเดียวก็จัดการแมทธิวได้แล้ว อย่าเข้าไปยุ่งมากเกินไป ข้อเรียกร้องเดียวของผมคือแมทธิวต้องไม่ได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายนี้ ช่วยปรับปรุงวิธีการสอนของคุณเร็วๆ ด้วย แล้วก็ใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่านี้”
เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องจากสนามบินดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ อาร์เธอร์จึงรีบวางสายไป อลิสันคืนโทรศัพท์ให้เลขานุการแล้วพูดอย่างเซ็งๆ “ฉันแทบไม่ได้พูดอะไรเลย”
สีหน้าของเลขานุการยังคงเรียบเฉย “คุณทอมป์สันไม่ต้องการให้คุณพูดค่ะ คุณแค่ต้องฟังสิ่งที่ท่านพูดและทำตามก็พอ”
เลขานุการบอกให้อลิสันกลับไปได้แล้วจึงหยิบแก้วเปล่าเดินไปที่ห้องพักพนักงาน อลิสันสังเกตเห็นผู้ช่วยหญิงสาวอีกคนอยู่ในห้องทำงาน พอเลขานุการออกไป ผู้ช่วยคนนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
อลิสันชวนคุย “คุณทอมป์สันกับเลขาฯ ของเขาน่าเกรงขามจริงๆ นะคะ”
ผู้ช่วยพยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ “นั่นสิคะ!”
อลิสันถามต่อ “แมทธิวก่อเรื่องบ่อยเหรอคะ ฉันไม่ใช่ครูคนแรกที่ถูกเรียกมาที่นี่ใช่ไหม”
อาจเพราะเป็นผู้หญิงวัยไล่เลี่ยกัน ผู้ช่วยจึงตอบโดยไม่ระวังตัว “แมทธิวก่อเรื่องบ่อยค่ะ แต่คุณเป็นคนแรกจริงๆ ที่ถูกเรียกมาเพราะตีนักเรียน”
“ฉันได้ยินมาว่าแมทธิวมีปัญหากับครูหลายคน ครูคนที่หายตัวไปโดนเขารังแกหรือเปล่าคะ” อลิสันถาม พลางแสร้งทำเป็นไม่สนใจใคร่รู้
เธอสงสัยว่าการหายตัวไปของลูซี่เกี่ยวข้องกับโครงการพิเศษ แมทธิวเป็นนักเรียนที่อารมณ์ไม่มั่นคงที่สุด ถ้าเขาเคยรังแกลูซี่ ผู้ช่วยคนนี้น่าจะรู้เรื่อง
“หมายถึงลูซี่เหรอคะ” ผู้ช่วยโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ฉันว่าไม่น่าใช่นะคะ ฉันเคยเห็นแมทธิวนั่งอยู่ในรถของลูซี่ครั้งหนึ่ง พวกเขาดูเข้ากันได้ดีออก”
อลิสันชะงักไปชั่วครู่ “เมื่อไหร่คะ”
ผู้ช่วยพูดอย่างไม่แน่ใจ “ปลายเดือนพฤษภาคมมั้งคะ ตอนนั้นโรงเรียนเลิกแล้ว ฉันคิดว่าแมทธิวต้องไปไหนสักแห่ง ลูซี่เลยไปส่งให้ ทำไมถึงถามเหรอคะ”
“แค่สงสัยน่ะค่ะ โต๊ะของลูซี่อยู่ติดกับโต๊ะฉันพอดี เลยอดสงสัยเรื่องของเธอไม่ได้” อลิสันพูดปัด แล้วรีบออกไปก่อนที่เลขานุการจะกลับมา
ข้อมูลที่ไม่คาดคิดนี้ทำให้แมทธิวกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของอลิสัน
วันรุ่งขึ้นในห้องเรียน แมทธิวนั่งไขว่ห้างเล่นโทรศัพท์มือถือ อลิสันแกล้งเดินผ่านเขาไปอย่างไม่ใส่ใจ
แมทธิวรีบคว่ำโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแล้วจ้องเขม็งไปที่อลิสันจนกระทั่งเธอเดินจากไป
แม้เขาจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อลิสันก็ยังเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของเขาได้แวบหนึ่ง ผู้ชายในวิดีโอดูคุ้นๆ
ในไม่ช้าอลิสันก็จำได้ว่าเขาคือสตรีมเมอร์รายย่อยที่ไปพบศพผูกคอตายสามศพ
หลายวันผ่านไปหลังเกิดเหตุ วิดีโอและภาพที่เผยแพร่ทางออนไลน์ก็ถูกแบนไปแล้ว แต่แมทธิวกลับแสดงความสนใจในคดีนี้อย่างมาก
หลังเลิกเรียน อลิสันได้รับโทรศัพท์จากโอลิเวอร์
โอลิเวอร์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเข้าประเด็นทันที “คุณส่งมาแค่รูปไม่กี่รูปกับบทกวีปริศนา มันหมายความว่ายังไง”
“อยากรู้เหรอคะ ต้องจ่ายเพิ่มนะ” อลิสันพูดอย่างเกียจคร้านพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
น้ำเสียงของโอลิเวอร์ฟังดูหงุดหงิด “ว่าราคามาเลย”
“ฉันไม่ต้องการเงิน” อลิสันพูด “ฉันสนใจคดีนี้ แลกกับการที่คุณต้องบอกความคืบหน้าของการสืบสวนให้ฉันฟัง”
“นั่นมันผิดกฎการรักษาความลับนะ” โอลิเวอร์ครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที “ในเมื่อคุณสนใจ ทำไมไม่มาสืบด้วยกันเลยล่ะ ไว้เจอกันแล้วค่อยคุยกัน”
อลิสันนึกขึ้นได้ว่าหลังเลิกเรียนสตีฟจะมารับแมทธิวเสมอ ทำให้เธอไม่มีโอกาสเข้าหาเขานอกห้องเรียนได้เลย เธอจึงตกลง “ฉันเลิกงานตอนเที่ยงค่ะ จะให้ไปเจอที่ไหน”
โอลิเวอร์ตอบ “ผมจะส่งคนไปรับ แล้วเจอกันครับ”





































































