บทที่ 1 พบกันอีกครั้งหลังหย่าร้าง

ณ ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั้นดาดฟ้า โรงแรมแมริออท กรุงเทพฯ

ชญานิษฐ์นำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดบนลานจอดอย่างนิ่มนวล เธอถอดหมวกแก๊ปออกด้วยท่าทางทะมัดทะแมง เผยให้เห็นผมยาวสลวยสีดำขลับที่ทิ้งตัวลงมาดุจสายน้ำตก

ในฐานะหัวหน้าดีไซเนอร์ของโครงการ ชญานิษฐ์ได้รับเชิญให้กลับมายังประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ

เวลาล่วงเลยไปถึงห้าปี

ในที่สุดเธอก็ได้กลับมา!

"โอเย้! โอเย้! หม่ามี้เก่งที่สุดเลย! พวกเราถึงบ้านแล้ว!"

เมื่อได้ยินเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ ชญานิษฐ์ก็ยกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะดึงเจ้าตัวเล็กสองคนออกมาจากด้านหลัง

ปีนั้น เธอยอมตกลงหย่ากับทรงพลและเดินทางไปต่างประเทศ

สองเดือนต่อมา เธอพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ และที่น่าตกใจคือเป็นแฝดสาม

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ชญานิษฐ์ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเก็บเด็กๆ ไว้

เธออยากให้มีใครสักคนบนโลกใบนี้ที่มีสายเลือดเดียวกันกับเธอ

โชคดีที่เด็กทั้งสามคนคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

น้องแอนน์ คือลูกสาวคนเล็กที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเธอ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู นิสัยเรียบร้อยและขี้อ้อน ใครเห็นก็ต้องหลงรัก

น้องบอย คือลูกชายคนโต ตั้งแต่เด็กก็ฉลาดแกมโกงและซุกซน แต่เรื่องความฉลาดนั้นได้พ่อมาเต็มๆ

เรื่องเดียวที่น่าเสียใจคือลูกคนที่สอง เขาหายตัวไปในวันที่สองหลังจากลืมตาดูโลก...

การที่ชญานิษฐ์ตัดสินใจกลับมาในครั้งนี้ ก็เพราะตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเบาะแสหลายอย่างบ่งชี้ว่าการหายตัวไปของลูกคนที่สองเมื่อหลายปีก่อน มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนบางกลุ่มในกรุงเทพฯ ชญานิษฐ์จึงอยากใช้โอกาสนี้กลับมาตามหาลูกคนรองของเธอ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาของเธอก็ฉายความมุ่งมั่นขึ้นมาทันที

ชญานิษฐ์หันกลับไปกำชับลูกน้อยทั้งสองของเธอ

"พวกหนูสองคนต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังหม่ามี้นะลูก การที่หม่ามี้กลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อมาตามหาคนสำคัญคนหนึ่ง..."

"ว้าว!"

ยังพูดไม่ทันจบ เด็กทั้งสองก็ร้องอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

"คนสำคัญเหรอ? คุณพ่อใช่ไหมครับ?"

พอชญานิษฐ์ได้ยิน เธอก็ขมวดคิ้วทันที

"หือ? อย่าพูดเหลวไหลสิ ลืมไปแล้วเหรอว่าแม่เคยบอกอะไรพวกหนู?"

"พ่อของพวกหนูน่ะ เสียสละชีพไปนานแล้ว! แบบวีรบุรุษผู้กล้าหาญเลยนะ! เข้าใจไหม?"

เจ้าตัวเล็กทั้งสองมองหน้ากัน แล้วพยักหน้าแบบขอไปที

"ทราบแล้วครับ/ค่ะ! งั้นแม่ก็เตรียมตัวกลับมาเจอว่าที่พ่อคนใหม่สินะ!"

ชญานิษฐ์ถอนหายใจด้วยความปวดหัว ก่อนจะใช้นิ้วดีดหน้าผากเจ้าตัวแสบไปคนละทีด้วยความหมั่นเขี้ยว

"ห้ามพูดเหลวไหล!"

พูดจบเธอก็ลากกระเป๋าเดินทาง พาเจ้าตัวเล็กทั้งสองเดินเข้าลิฟต์แก้วเพื่อลงไปเช็กอินที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่ง

ภายในล็อบบี้มีผู้คนเดินขวักไขว่

พนักงานต้อนรับที่กำลังทำเรื่องเช็กอินเป็นหญิงสาววัยรุ่นสองคน

"เธอได้ยินข่าวหรือยัง เมื่อคืนดาราหนุ่มขับรถฝ่าไฟแดง 3 แยกเพื่อตามง้อภรรยา! ตื่นเต้นชะมัด!"

"เชอะ! แค่นั้นจะไปนับอะไร เธอคงไม่รู้สินะว่าท่านประธานของเราเมื่อ 5 ปีก่อน เคยสั่งปิดสนามบินทั้งสนามบินเพื่อตามหารักแท้! ฉากนั้นสิถึงจะเรียกว่าอลังการของจริง!"

"หา? ฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลย น่าอิจฉาจังเลยอ่ะ แต่ท่านประธานหย่าไปเมื่อ 5 ปีก่อนไม่ใช่เหรอ? หรือว่าคนที่ท่านตามง้อคืออดีตภรรยาของท่าน?"

"ไม่ใช่แน่นอน!"

ชญานิษฐ์คิดไม่ถึงเลยว่า ข่าวซุบซิบเรื่องแรกที่ได้ยินหลังกลับประเทศจะเป็นเรื่องของตัวเอง

ผู้หญิงที่พวกหล่อนพูดถึงด้วยความอิจฉา คงจะเป็นผู้หญิงที่ครองใจทรงพลคนนั้นสินะ!

ที่แท้ตอนนั้นที่ทรงพลรีบร้อนอยากจะหย่า ก็เพื่อจะไปตามจีบผู้หญิงคนนั้นนี่เอง!

ในเวลานี้ ชญานิษฐ์ไม่อยากรับรู้เรื่องราวอะไรไปมากกว่านี้ จึงรีบจัดการเรื่องเช็กอินให้เสร็จสรรพ

เธอหันหลังกลับไปเพื่อจะจูงมือลูกๆ

แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ชญานิษฐ์ก็พบความผิดปกติ!

เพราะน้องบอยหายตัวไป เหลือเพียงน้องแอนน์ที่ยืนกระพริบตาปริบๆ มองเธอด้วยความไร้เดียงสา

"บอยไปไหนลูก?" ชญานิษฐ์มองซ้ายมองขวา แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของลูกชาย

"หม่ามี้คะ พี่ชายบอกว่าจะไปเดินเล่นในงาน ก็เลยแอบมุดเข้าไปทางนั้นแล้วค่ะ"

น้องแอนน์ตอบด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว ท่าทางไร้เดียงสาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ชญานิษฐ์ร้อนใจจนแทบจะไหม้ ลูกคนรองที่ตามหามานานก็ยังไร้วี่แวว หากต้องมาทำลูกคนโตหายไปอีกคน เธอจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร?

ชญานิษฐ์รีบนั่งยองๆ ลงตรงหน้าลูกสาว "แอนน์ หนูรอหม่ามี้ตรงนี้นะลูก ห้ามขยับไปไหน! เดี๋ยวหม่ามี้ไปตามบอยกลับมา!"

"ค่ะ"

น้องแอนน์พยักหน้าอย่างว่าง่าย

ด้วยความรีบร้อนที่จะตามหาลูก ขณะที่กวาดสายตามองไปทั่ว เธอจึงลืมดูทางข้างล่าง ทำให้ลื่นไถลจนข้อเท้าพลิก ร่างของเธอถลาไปข้างหน้าและล้มลงในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง

กลิ่นหอมเย็นๆ ของไม้กฤษณาที่คุ้นเคย กระตุ้นประสาทสัมผัสของชญานิษฐ์ในทันที เธอรีบยันตัวลุกขึ้น แต่จังหวะที่เงยหน้าขึ้นมา สายตาของเธอก็ประสานเข้ากับแววตาอันเย็นยะเยือกของทรงพล

"...ทรงพล?"

นี่ไม่ใช่พ่อของลูกที่เธอเพิ่งบอกเด็กๆ ว่าเสียสละชีพไปอย่างกล้าหาญหรอกหรือ?

ขาของเธออ่อนแรงจนเซถอยหลังไปสองก้าว

ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกไว้ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นยักษ์

ชญานิษฐ์ไม่มีวันลืม

ว่าในตอนนั้น เธอถูกบีบให้ต้องระหกระเหินไปต่างประเทศได้อย่างไร!

ความทรงจำในค่ำคืนที่น่าอับอายนั้น กำลังโจมตีชญานิษฐ์อย่างบ้าคลั่ง

ห้าปีก่อน คืนก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ

มันเป็นวันเกิดของชญานิษฐ์ และเป็นวันครบรอบแต่งงานปีที่สามของเธอกับทรงพล

เธอคิดว่าทรงพลคงไม่กลับมาแล้ว

เพราะตลอดสามปีของการแต่งงาน ตำแหน่งนายหญิงของเธอมีเพียงแค่ในนาม

ทรงพลแทบจะไม่กลับบ้าน และทุกครั้งที่กลับมาก็ไม่เคยค้างคืน

แต่คืนนั้น งานวันเกิดของชญานิษฐ์ยังไม่ทันเลิก ทรงพลกลับปรากฏตัวขึ้น

รถสปอร์ตมายบัคอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาแล่นเข้ามาจอดในลานบ้าน

แต่ทรงพลกลับไม่ออกมาจากรถเสียที ชญานิษฐ์อดใจไม่ไหวจึงเดินเข้าไปดู

กลับถูกทรงพลที่อยู่ในรถกระชากตัวเข้าไปยังเบาะหลังอันกว้างขวางของรถมายบัค

ใบหน้าของทรงพลแดงซ่านผิดปกติ เขากดร่างของเธอไว้ใต้ร่างแกร่ง และกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเชิงปลอบประโลม

"เด็กดี อย่ากลัวนะ... ฉันต้องการเธอ"

ชญานิษฐ์จะต้านทานเสน่ห์ของทรงพลไหวได้อย่างไร?

แม้ว่าทรงพลในตอนนี้จะดูไม่ปกติ เหมือนกับถูกใครวางยามามากกว่า

แต่นี่คือผู้ชายที่เธอรักหมดหัวใจมาตลอดสิบปี

เธอแอ่นกายขึ้นด้วยความขัดเขิน

ตอบรับจูบอันหนักหน่วงของทรงพล ร่างกายของชญานิษฐ์ร้อนรุ่มและเกี่ยวรัดเข้ากับร่างกายของเขา

ท่ามกลางความมืดสลัว แววตาของทรงพลดูพร่ามัว ปลายนิ้วของเขาไล้ไปตามแก้มของเธอ จ้องมองชญานิษฐ์ด้วยสายตาที่หลงใหลอย่างที่สุด

ทรงพลมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเทพเจ้า ดวงตาคู่นั้นเหมือนมีมนต์สะกด

ชญานิษฐ์ตกอยู่ในภวังค์ใต้ร่างเขา

มือหนาของทรงพลลูบไล้เอวบางและริมฝีปากของชญานิษฐ์ ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำคอ ดูดเม้มผิวเนียนจนเกิดรอยแดงเป็นปื้น

เมื่อริมฝีปากสัมผัสกับหน้าอก และครอบครองยอดอกสีชมพูนั้น

"อื้อ..."

ชญานิษฐ์ครางออกมาด้วยความเสียวซ่าน เธอตอบสนองและโอบรัดเขาแน่นขึ้น

ยิ่งเธอส่งเสียงร้อง ทรงพลก็ยิ่งตื่นตัว เขาโถมกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ชญานิษฐ์หอบหายใจด้วยความสุขสม

นี่คือสามีที่แต่งงานกันมาสามปี และเป็นครั้งแรกที่พวกเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างลงตัว ในตอนนั้น แววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความปิติยินดี

นั่นคือค่ำคืนที่เธอไม่อาจลืมเลือน

กล้ามท้องที่แข็งแกร่ง เอวสอบที่แนบชิด และสัมผัสอันทะนุถนอมของทรงพล

ชญานิษฐ์เคยเพ้อฝันว่า บางทีทรงพลอาจจะซาบซึ้งใจในการทุ่มเทอย่างเงียบๆ ของเธอตลอดสามปีที่ผ่านมา! ในที่สุดเขาก็รักเธอ อนาคตของพวกเขาคงจะเปี่ยมไปด้วยความสุขสมบูรณ์

แต่ใครจะคิดว่า วันรุ่งขึ้น ทรงพลกลับทำเหมือนคนไม่รู้จักกัน

เขาขอหย่ากับชญานิษฐ์อย่างเลือดเย็น

แถมยังเป็นช่วงที่ย่าของเขาป่วยหนักอีกด้วย!

ใช่!

หลังจากผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อน ขณะที่ทรงพลยังไม่ตื่น ชญานิษฐ์ก็ได้รับข่าวว่าคุณย่าณัฐมนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

เธอรีบร้อนบึ่งไปที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง

วิ่งวุ่นจัดการทุกอย่าง

เมื่อหมอแจ้งว่าคุณย่าณัฐมนถูกชนจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

ชญานิษฐ์ตกใจจนเข่าอ่อน แทบจะทรงตัวไม่อยู่

มีมือที่แข็งแกร่งคู่หนึ่งช่วยประคองเอวเธอไว้จากด้านหลัง

คือทรงพล

ตอนนั้นชญานิษฐ์ยังรู้สึกซาบซึ้งใจ คิดว่าในเวลาวิกฤต มีเพียงสามีเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด

แต่หลังจากส่งนายหญิงใหญ่เข้าห้องพักฟื้น ชญานิษฐ์กำลังจะหันไปซบอ้อมกอดอันอบอุ่นเพื่อปลอบใจทรงพลว่าอย่าเสียใจไปเลย ทรงพลกลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

"ชญานิษฐ์ เราหย่ากันเถอะ!"

บทถัดไป