บทที่ 4 ประธานคือใคร?

ทันทีที่ชญานิษฐ์เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าหยิกนั้น

เธอก็รีบปรี่เข้าไปหา ย่อตัวลงสวมกอดแบงค์ไว้แน่น พร้อมกับใช้มือลูบศีรษะเขาเบาๆ

"บอย! ทำไมหนูวิ่งมาตรงนี้คนเดียวครับ? รู้ไหมว่ามามี๊เป็นห่วงหนูแทบแย่" น้ำเสียงของชญานิษฐ์เต็มไปด้วยความร้อนรนและแฝงความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ

มามี๊เหรอ?

แบงค์เกลียดที่สุดเวลาที่มีผู้หญิงแปลกหน้ามาอ้างตัวเป็นแม่ต่อหน้าเขา

ยัยป้าคนนี้ตั้งใจจะมาจับแด๊ดดี้ แล้วหวังจะมาเป็นแม่เลี้ยงของเขาชัดๆ!

ฝันไปเถอะ เขาไม่เอาด้วยหรอก!

พอนึกได้ดังนั้น แบงค์ก็ผลักชญานิษฐ์ออกไปเต็มแรง

ชญานิษฐ์ที่ไม่ได้ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปกองกับพื้น แต่เธอกลับไม่ได้นึกโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย จิตใจยังคงพะวงห่วงแต่แบงค์เท่านั้น

เธอยื่นมือออกไปเหมือนเช่นทุกครั้ง ดึงมือน้อยๆ ของแบงค์มากุมไว้ในอุ้งมืออย่างทะนุถนอม

แบงค์ทำท่าจะชักมือกลับ แต่ก็ถูกเธอกุมเอาไว้แน่นเสียก่อน

ฝ่ามือนี้ช่างอบอุ่นเหลือเกิน... ให้ความรู้สึกแตกต่างจากตอนที่จับมือแด๊ดดี้ลิบลับ

แบงค์จ้องมองเธอด้วยความฉงน

นี่คือแม่ของใครกัน? แล้ว 'บอย' ที่เธอพูดถึงคือใคร?

หลายปีมานี้ข้างกายแด๊ดดี้แทบไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้

แล้วผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาคนนี้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับแด๊ดดี้กันแน่?

ในหัวของแบงค์เต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาอ้าปากพะงาบๆ อยากจะเอ่ยถาม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนากับชญานิษฐ์อย่างไรดี

ทันใดนั้น ชญานิษฐ์ก็บีบมือแบงค์แน่นขึ้น แล้วร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

"บอย! ทำไมตัวร้อนจี๋แบบนี้ล่ะลูก?" น้ำเสียงของชญานิษฐ์เต็มไปด้วยความปวดใจ แววตาฉายชัดถึงความห่วงใย

"ผม... ผมไม่เป็นไร..." แบงค์ตอบเสียงอ้อมแอ้มด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ สัมผัสเมื่อครู่ในอ้อมกอดของชญานิษฐ์ก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างที่แปลกประหลาด มันช่างอบอุ่นจนเขาไม่อยากจะผละออกจากอกเธอเลย

เขาจึงตัดสินใจที่จะยังไม่เปิดเผยตัวตนต่อหน้าผู้หญิงคนนี้

แบงค์คิดในใจว่า ขออยู่กับผู้หญิงคนนี้ต่ออีกสักหน่อย... แค่อีกสักหน่อยก็ยังดี...

เพราะบนตัวเธอเหมือนจะมีกลิ่นอายของ 'แม่' ที่ทำให้เขารู้สึกถึงความอุ่นใจที่โหยหามานาน

"ใครบอกหนูว่าตัวร้อนแล้วไม่เป็นไร หื้ม?"

ชญานิษฐ์ยิ้มอย่างอ่อนใจ พลางใช้นิ้วบิปลายจมูกเขาเบาๆ ด้วยความเอ็นดู "มามี๊ต้องพาหนูไปหาหมอนะครับ บอยเด็กดี ต้องฉีดยากินยา ถึงจะหายป่วยนะลูก"

เมื่อเจอลูกอ้อนอันอ่อนโยนของชญานิษฐ์เข้าไป แบงค์ก็ได้แต่พยักหน้าตกลงอย่างเงียบๆ

ทั้งที่ปกติแล้ว แบงค์เกลียดการฉีดยาเป็นชีวิตจิตใจ วันนี้ที่มาโรงพยาบาลได้ก็เพราะถูกพ่อบ้านคุณปู่หมูบังคับพามาต่างหาก แต่พอมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินข่าวซุบซิบว่าแด๊ดดี้พาผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าเข้ามา เขาเลยแอบหนีออกมาดูหน้า โดยที่ทางฝั่งคุณปู่หมูยังไม่รู้เรื่องว่าเขาหายตัวไป

เมื่อเห็นแบงค์ยอมตกลงแต่โดยดี ชญานิษฐ์ก็รีบอุ้มแบงค์ขึ้นแนบอก แล้วทุบประตูห้องเสียงดังสนั่น ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรน "มีใครอยู่ไหม! ได้โปรดเปิดประตูให้ฉันออกไปที! ลูกฉันไม่สบาย! แกต้องรีบไปหาหมอเดี๋ยวนี้!"

เหล่าบอดี้การ์ดขมวดคิ้วเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิดเต็มทน เตรียมจะตวาดด่ากลับไป

แต่พอเห็นร่างเล็กในอ้อมกอดของผู้หญิงคนนั้น ทุกเสียงก็พลันเงียบกริบ

"คะ... คุณหนู..."

แบงค์กลัวความจะแตก จึงรีบส่งสายตาปราม แล้วชิงพูดแทรกขึ้นมาทันที "พวกนายถอยไปซะ! ฉันจะไปหาหมอ!"

เหล่าบอดี้การ์ดต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ใครจะไปกล้าขวางทางกันล่ะ?

นี่คือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลศรีเรืองเชียวนะ ปกติจะให้ฉีดยากินยาที ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา! แต่วันนี้สงสัยพายุจะเข้า คุณหนูถึงได้ยอมไปหาหมอเองแบบนี้!

เพียงครู่เดียว บอดี้การ์ดก็รีบแยกแถวหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว

ชญานิษฐ์เห็นดังนั้นก็รีบอุ้มแบงค์ตรงดิ่งไปหาหมอทันที พร้อมกับเฝ้าดูการวัดไข้ด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด

"ไข้ขึ้นตั้ง 38 องศากว่าแล้ว บอย... หนูทรมานไหมลูก?" ขอบตาของชญานิษฐ์แดงก่ำขึ้นมาทันที เธอนึกโทษตัวเองที่ดูแลบอยไม่ดี ปล่อยให้ลูกป่วยหนักขนาดนี้

"เอ่อ... ผมไม่เป็นไรครับ..." แบงค์ตอบกลับเสียงอ่อยอย่างกล้าๆ กลัวๆ

ผิดกับปกติที่ 'บอย' มักจะทำตัวร่าเริงเจี๊ยวจ๊าวสดใสเหมือนดวงตะวันดวงน้อยๆ เวลาอยู่ต่อหน้าชญานิษฐ์

พอเห็นลูกชายดูหงอยเหงาเศร้าซึมแบบนี้ ชญานิษฐ์ก็ยิ่งรู้สึกผิดจับใจ

ลูกคงจะปวดหัวตัวร้อนจนแทบทนไม่ไหวแน่ๆ

กระทั่งถึงเวลาฉีดยา ชญานิษฐ์ที่กอดแบงค์อยู่สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่นเทา

เธอจึงยื่นมือข้างหนึ่งไปปิดตาแบงค์ไว้อย่างแผ่วเบา

"บอยไม่ต้องกลัวนะลูก มามี๊อยู่ตรงนี้แล้ว ฉีดยาเจ็บเหมือนมดกัดนิดเดียวเอง มามี๊จะอยู่ข้างๆ หนูตลอดเลยนะ"

พอได้ยินคำปลอบโยนของชญานิษฐ์ แบงค์ก็คลายมือที่เกร็งแน่นลง พยาบาลจึงฉวยจังหวะนั้นปักเข็มฉีดยาให้ทันที

แบงค์กระพริบตาปริบๆ เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่า การฉีดยามันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย

พอมีผู้หญิงคนนี้คอยอยู่เคียงข้าง ดูเหมือนเขาจะไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีกแล้ว

แบงค์นอนนิ่งสงบอยู่ในอ้อมกอดของชญานิษฐ์ จนกระทั่งผล็อยหลับไปในที่สุด

ชญานิษฐ์ก้มมองลูกชายในอ้อมอก แล้วประทับจูบลงบนหน้าผากของเขาอย่างแผ่วเบา

"เด็กดีของมามี๊ ตื่นมาก็หายแล้วนะลูก..."

ณ เวลานั้น

ภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล

"คุณน้าคนสวยคร้าบ... มามี๊ผมไม่สบาย มามี๊ชอบสร้อยเส้นนี้มากๆ เลย คุณน้าช่วยลดราคาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ นะครับๆ?" เสียงเล็กๆ เจื้อยแจ้วดังขึ้นภายในร้านเครื่องประดับ น้ำเสียงฟังดูน่าสงสารระคนออดอ้อน

พนักงานขายหน้าเคาน์เตอร์เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของบอยเข้า ก็ชักจะใจอ่อน ปฏิเสธไม่ลง

"พ่อหนุ่มน้อย เห็นแก่ความกตัญญูของหนู น้าจะลดราคาพิเศษให้เลยจ้ะ หนูเอาไปใส่ให้คุณแม่นะจ๊ะ ฝากอวยพรให้ท่านหายป่วยไวๆ สุขภาพแข็งแรงด้วยนะ"

"ขอบคุณครับพี่สาวคนสวย!"

บอยตาเป็นประกายวิบวับ รีบล้วงเงินเก็บสะสมที่เป็นแบงค์ย่อยกับเหรียญรวมกันได้หนึ่งพันสองร้อยบาทออกมาวางบนเคาน์เตอร์

ในที่สุดเขาก็เดินออกจากร้านเครื่องประดับพร้อมกับสร้อยคอที่ห่อไว้อย่างสวยงาม

"เรานี่มันฉลาดจริงๆ! ใกล้วันเกิดมามี๊แล้ว มามี๊ต้องชอบของขวัญชิ้นนี้มากแน่ๆ"

บอยรีบเก็บสร้อยคอใส่ลงในกระเป๋าเป้ใบเล็กของตัวเอง

บนข้อมือของเขายังสวมนาฬิกาลายหมูน้อยเปปป้าพิกที่ชญานิษฐ์ซื้อให้

บอยก้มมองดูเวลา เขาต้องรีบกลับไปหามามี๊แล้ว ไม่อย่างนั้นมามี๊ต้องเป็นห่วงแย่

แต่ทว่าบอยเพิ่งจะเดินไปถึงประตูทางออกห้าง ยังไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกไป กลุ่มชายชุดดำบอดี้การ์ดกลุ่มใหญ่ก็พุ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังบอยเอาไว้

เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ มือมือกอดกระเป๋าเป้ไว้แน่น

หรือว่าเรื่องที่เขาโกหกเมื่อกี้จะถูกจับได้ซะแล้ว?

มามี๊เคยสอนว่าเด็กเลี้ยงแกะจะโดนคุณตำรวจจับไปขัง

เขาไม่อยากไปนอนในคุกนะ!

บอยเริ่มลนลาน เตรียมจะใส่เกียร์หมาวิ่งหนี

"คุณหนูครับ! กลับไปกับพวกเราเถอะครับ!" ชายคนหนึ่งคว้าข้อมือเล็กของบอยไว้ได้ทัน น้ำเสียงดูเว้าวอน

บอยหยุดชะงัก เอียงคอทำหน้าสงสัย ใช้นิ้วอีกข้างชี้เข้าหาตัวเอง

คุณหนู?

เขาเนี่ยนะ?

คนพวกนี้จำคนผิดหรือเปล่าเนี่ย?

"ผมไม่ใช่คุณหนูของพวกคุณนะครับ ผมจะกลับบ้าน ปล่อยผมเถอะนะ" บอยรีบแก้ตัว พอดึงมือกลับมาได้ ผู้ชายคนนั้นก็รีบเข้ามาขวางทางไว้อีก

"โธ่ คุณหนูครับ ลุงหมูบอกว่าคุณหนูตัวร้อนเป็นไข้ ทำไมถึงยังแอบหนีออกมาจากโรงพยาบาลอีกครับ? ถ้าคุณหนูไม่ชอบโรงพยาบาล งั้นเรากลับบ้านกันเถอะครับ ขืนท่านประธานรู้ว่าคุณหนูหนีออกมาแบบนี้ ท่านต้องเป็นห่วงมากแน่ๆ"

บอยทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ถามกลับไปว่า "ท่านประธานคือใครเหรอ?"

"ก็แด๊ดดี้ของคุณหนูไงครับ"

คนพูดเข้าใจไปว่าบอยไม่อยากกลับบ้าน เลยแกล้งทำไขสือว่าไม่รู้จักท่านประธานทรงพล

แด๊ดดี้?

ดวงตาของบอยลุกวาวขึ้นมาทันที

เขาเกิดมายังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาแด๊ดดี้เลยสักครั้ง

ตั้งแต่จำความได้ เขาก็อยู่กับมามี๊และน้องสาวมาตลอด

ถ้าได้เจอแด๊ดดี้ตัวจริงเสียงจริง ลองตามคนพวกนี้กลับไปดูสักหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

"ก็ได้ครับ พาผมกลับไปหาแด๊ดดี้ที" บอยกลับมาทำท่าทางยืดอกวางมาดเข้มอีกครั้ง

คนตรงหน้าอดรู้สึกไม่ได้ว่านิสัยของคุณหนูเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ

ปกติคุณหนูไม่ชอบสุงสิงกับคนนอก นิสัยค่อนข้างเก็บตัวเงียบขรึม

แต่ทำไมวันนี้ถึงดูร่าเริงช่างเจรจาผิดปกติ?

แต่เขาก็ไม่มีเวลามานั่งสงสัย การพาตัวคุณหนูกลับไปให้ได้คือภารกิจที่สำคัญที่สุด

เพราะท่านประธานทรงพลมีลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ขืนเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู พวกเขาคงชะตาขาดกันหมดแน่

ครู่ต่อมา

ณ คฤหาสน์หรูของตระกูลศรีเรือง

เมื่อบอยถูกพาตัวมาถึง เขาก็ต้องยืนอ้าปากค้างด้วยความตะลึงงันกับความใหญ่โตโอ่อ่าของคฤหาสน์ตรงหน้า

นี่แด๊ดดี้รวยล้นฟ้าขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?

จากนั้น เขาก็ถูกพาตัวไปยังห้องนอนที่ (เข้าใจว่าเป็น) ของ "ตัวเอง"

ทันทีที่ประตูเปิดออก บอยก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรูปถ่ายแปะอยู่เต็มผนังห้อง และทุกรูป... หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะ!

บอยแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

แต่รูปพวกนั้นมันหน้าตาเหมือนเขาจริงๆ!

"ผมไปถ่ายรูปพวกนี้ตอนไหนเนี่ย?" บอยคว้ากรอบรูปขึ้นมาดูใกล้ๆ เขาจำได้แม่นว่าตัวเองไม่เคยถ่ายรูปพวกนี้มาก่อน แล้วรูปพวกนี้มาจากไหนกัน?

"คุณหนูครับ เดี๋ยวจะต้องไปกราบไหว้นายหญิงใหญ่นะครับ ต้องเปลี่ยนชุดก่อน ท่านประธานรออยู่ที่นั่นแล้ว เดี๋ยวเราจะพาคุณหนูตามไปครับ"

พ่อบ้านเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา พร้อมกับยื่นชุดที่เตรียมไว้ให้บอย

แด๊ดดี้อยู่ที่นั่นงั้นเหรอ?

บอยกลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิด เตรียมตัวพร้อมที่จะไปเผชิญหน้ากับแด๊ดดี้คนนี้สักครั้ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป